บทที่ 6 ปกป้องตัวเองให้เหมือนราชินีสิงโต

1775 คำ
"คุณมีพรสวรรค์อย่างชัดเจน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าคุณยังต้องเรียนรู้เทคนิคอีกมาก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เรียนรู้กันได้" มิสซิสโดรันเตสกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่เปี่ยมด้วยความเมตตา "ถ้าคุณสนใจที่จะทำงานกับฉัน ฉันจะช่วยพัฒนาศักยภาพของคุณให้เต็มที่ มีบางแบบในแฟ้มของคุณที่น่าสนใจมากทีเดียว" เธอใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม ๆ กับฉัน นั่นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองมีความสำคัญเหลือเกิน "แต่ฉันขอเตือนคุณก่อนนะ ฉันต้องการคนที่พร้อมทำงานเต็มที่ ฉันรู้ว่าคุณมีลูก แต่บางครั้งพวกเขาอาจต้องถูกวางไว้เบื้องหลัง ฉันไม่ได้บอกว่ามันจะเป็นแบบนี้เสมอไป แต่เมื่อถึงช่วงเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ งานจะหนักมาก" "ฉันมีกลุ่มนักออกแบบที่ทำงานกับฉันมานาน พวกเขามีทิศทางของการออกแบบที่เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอยู่แล้ว" เธอหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ "แต่ฉันสนใจที่จะให้คุณสนับสนุนคนที่ดูแลกลุ่มผู้หญิงอายุ 20-30 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ท้าทายที่สุด จากที่ฉันเห็นในงานวาดของคุณ คุณดูจะใช้ภาพลักษณ์ของลูกสาวคุณเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก คุณว่าไงล่ะ? พร้อมจะทำงาน 48 ชั่วโมงต่อวันไหม?" ฉันยังพยายามประมวลผลสิ่งที่เธอพูดอยู่ในหัว อย่างแรก เธอชอบงานของฉัน ข้อแรกผ่าน! อย่างที่สอง เธอจะสอนฉันเกี่ยวกับโลกที่ฉันหลงใหลนี้ ข้อสองผ่าน! ฉันจะยังได้ออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ลูกสาว ข้อสามผ่าน! ได้งานทำ! ใช่เลย! ผ่าน! ฮ่าฮ่าฮ่า "ฉันไม่ต้องคิดเลยค่ะ ฉันขอบคุณมากสำหรับโอกาสที่คุณให้ ฉันตอบตกลงแน่นอน" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ฉันไม่กลัวงานหนักเลยค่ะ ฉันทำงานหนักกว่านี้มาตลอดตั้งแต่อายุ 18 ปี ทั้งดูแลลูกสองคนและสามี ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง" มิสซิสโดรันเตสมองฉันอย่างพอใจและยิ้มให้กับคำพูดติดตลกของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ ผู้หญิงที่ฉันเคยเป็นเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนกำลังเลือนหายไป ทุกหยดน้ำตาที่ไหลรินเหมือนกำลังล้างความเจ็บปวดและปลุกความมุ่งมั่นในใจฉันให้กลับคืนมา การที่ลูก ๆ สนับสนุนฉัน การที่พ่อแม่อยู่ข้างฉัน และการที่มิสซิสโดรันเตสให้โอกาสฉัน ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองทรงพลังขึ้นทุกที "ยินดีต้อนรับนะจ๊ะที่รัก คอนนี่เล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังนิดหน่อย ไม่ต้องคิดว่าเป็นการซุบซิบนะ ฮ่าฮ่าฮ่า" เธอหัวเราะเล็กน้อย "เราไม่ได้เป็นแค่ลูกค้า-แม่ค้ากันมานานแล้ว เราเป็นเพื่อนกัน และฉันเข้าใจเธอดีมาก ฉันเองก็เคยผ่านสถานการณ์คล้าย ๆ กับเธอเมื่อหลายปีก่อน" "ดูสิว่าตอนนี้ฉันมาไกลแค่ไหน ฉันประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องสนว่าใครจะพูดอะไร ฉันอยากให้เธอเป็นแบบนั้นเหมือนกัน และฉันจะช่วยเธอให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้" "วันหนึ่งความฝันที่เธอเติมเต็มจะส่องประกายจนทำให้คนที่เคยทำร้ายเธอต้องตาพร่า" คำพูดที่เปี่ยมกำลังใจของผู้หญิงคนสำคัญคนนี้สะเทือนลึกถึงหัวใจของฉัน ถ้าฮวน หลุยส์คิดว่าฉันจะปล่อยให้ตัวเองพังเพราะการทรยศของเขา เขาคงต้องผิดหวังแน่ "ฉันอยากให้เธอปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่เธอเก็บไว้ในจิตใจผ่านงานออกแบบของเธอ" เธอพูด "ความเจ็บปวดคือเครื่องยนต์ที่ดีที่จะดึงแรงบันดาลใจที่ซ่อนเร้นออกมา" "ฉันมีงานแรกให้เธอทำ ออกแบบมา 5 แบบตามที่เธอต้องการ เลือกกลุ่มเป้าหมายอะไรก็ได้ และนำมาเสนอฉันวันจันทร์นี้" "ฉันจะให้ผู้ร่วมงานสองคนที่ฉันไว้วางใจช่วยดูผลงาน และถ้าผ่านการประเมิน ฉันจะให้โบนัสต้อนรับกับเธอ ตกลงไหม?" ฉันกระพริบตาอย่างงุนงง พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูด ฉันขยี้ตาเพื่อดูว่านี่เป็นความฝันหรือเปล่า แต่ไม่เลย เธอยังยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าฉัน "ได้เลยค่ะ!" ฉันตอบอย่างมั่นใจ สุดสัปดาห์นี้ฉันจะลงมือทำทันที "ฉันรับรองค่ะว่าฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน" โดยไม่คิดอะไร ฉันก้าวเข้าไปกอดเธอและจูบแก้มด้วยความตื้นตัน ฉันตื่นเต้นเหลือเกินที่มีคนมองเห็นและให้โอกาสฉัน "ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ ฉันต้องไปรับลูก ๆ แล้วก็ซื้อของที่ต้องใช้สำหรับร่างแบบด้วย ขออนุญาตนะคะ" มิสซิสโดรันเตสหัวเราะออกมาเสียงดัง ฉันไม่เข้าใจว่ามันตลกตรงไหน แต่ก็ยิ้มตามไปด้วย เธอคงรู้ว่าฉันไม่เข้าใจมุขของเธอ (ถ้ามันมีจริงนะ) "ฉันไม่ได้ล้อเธอหรอกจ้ะ แค่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นครู แล้วเธอก็เป็นนักเรียนในห้องเรียน เธอไม่ต้องมาขออนุญาตฉันหรอก ไปเถอะไปรับลูก ๆ แล้วเจอกันวันจันทร์ตอนสิบโมงเช้านะ" รอยยิ้มของฉันกว้างขึ้น ฉันเก็บของแล้วโค้งตัวเล็กน้อยเหมือนเด็กที่เคยชินกับการขออนุญาตจากครู ความจริงคือครั้งสุดท้ายที่ฉันมีครูต้องย้อนกลับไปถึงสมัยมัธยมปลาย ฉันรู้ตัวว่าพฤติกรรมบางอย่างของฉันต้องเปลี่ยนแปลง ฉันเหมือนเด็กสาวที่ยังติดอยู่ในร่างของผู้หญิงวัยสามสิบปี เมื่อเดินออกมาจากตึกใหญ่ ฉันหันกลับไปมองมันอีกครั้ง ฉันจะได้ทำงานที่นี่จริง ๆ หรือ? ความรู้สึกเหมือนฝันทำให้ฉันกระโดดโลดเต้น แล้วเต้นท่า "ชัยชนะ" ที่ลูก ๆ สอนให้ ฉันมีความสุขมากจนไม่สนเลยว่าคนจะคิดว่าฉันบ้า เมื่อการเฉลิมฉลองเล็ก ๆ ของตัวเองจบลง ฉันรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ และกลับมาสู่โหมดแม่ที่น่าเชื่อถืออีกครั้ง โอ๊ะ! ฉันเริ่มสายแล้ว ฉันรีบวิ่งไปที่รถและอธิษฐานให้ไม่ต้องฝ่าไฟแดงระหว่างทาง ฉันตัดสินใจว่าการมาสายยังดีกว่าไม่มาถึงเลย ฉันเลยมาสายไปเล็กน้อย เมื่อจอดรถเสร็จ ฉันเดินไปที่หน้าโรงเรียน แต่สิ่งที่เห็นทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน สายตาของฉันพร่ามัวด้วยความโกรธ ฉันเดินตรงไปเหมือนราชินีสิงโตที่ถูกขังไว้ แต่พร้อมจะปกป้องลูกของเธอ "คุณมาทำอะไรที่นี่?!" ฉันตะโกนใส่ผู้หญิงที่กล้ามาก่อกวนลูกของฉัน ใบหน้าที่เศร้าหมองของลูก ๆ บอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ได้พูดอะไรบางอย่างกับพวกเขา และมันคงไม่ใช่เรื่องที่น่าฟัง "ฉันมีสิทธิ์ที่จะเจอหลาน ๆ และในเมื่อพวกเขารู้แล้วว่าพ่อของพวกเขาแยกทางจากแม่ที่ไร้ค่าอย่างเธอ ฉันก็แค่อยากให้พวกเขารู้ว่าบ้านของฉันพร้อมเปิดรับเสมอ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอไม่มีทางให้สิ่งที่ลูกฉันเคยให้หลานได้เลย ฉันจะทำให้แน่ใจว่าเธอจะไม่มีอะไรติดตัว และเธอจะไม่ได้ดูแลพวกเขา เพราะเธอมันผู้หญิงไร้ค่า ทำอะไรไม่เป็น และรัฐอาจตัดสินว่าพวกเขาควรอยู่กับฉันและลูกชายของฉันมากกว่า" "ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่า ฉันจะเอาลูก ๆ ของเธอมาให้ได้ และฮวน หลุยส์จะไม่ต้องจ่ายเงินให้เธอแม้แต่สตางค์แดงเดียว อีกอย่าง ลาก่อนบ้านหลังนี้ เพราะมันจะเป็นของฉันในที่สุด จำไว้ด้วยล่ะ" เธอพูดจบแล้วเดินจากไป ขึ้นรถที่จอดรออยู่ ฉันแทบไม่เชื่อว่าเธอกล้าบุกมาทำร้ายจิตใจลูก ๆ ของฉันแบบนี้ ฉันรู้ดีว่าเธอไม่เคยรักหลาน ๆ เลย โดยเฉพาะโทนี่ที่หน้าตาเหมือนฉัน แต่การข่มขู่พวกเขาแบบนี้ ฉันจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะตกลงรับเฉพาะสิ่งที่กฎหมายกำหนดเรื่องค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้ ฉันจะทำให้ฮวน หลุยส์ต้องลำบากถึงขนาดไม่เหลือกางเกงชั้นในเลยสักตัว อย่างที่ทนายของแม่พูดไว้! "แม่ขา!" ลิลลี่ของฉันวิ่งเข้ามาหา น้ำตาไหลพรากอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนโทนี่เองก็ดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ฉันสังเกตได้ทันที เพราะเขามีอาการเดียวกับฉัน เวลาที่เราโกรธจัด หน้าของเราจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนสีผมของฉัน "พ่อจะเอาทุกอย่างไปจากเรา แล้วไม่ให้เงินเราเลยเหรอคะ ทำไมล่ะแม่? ทำไมพ่อถึงเกลียดพวกเราล่ะ?" ฉันมองหน้าลูกสาวที่เต็มไปด้วยน้ำตา คำถามของเธอทำให้หัวใจของฉันเหมือนถูกบีบจนเจ็บปวด ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ชายที่ฉันรู้จักมานาน คนที่ฉันใช้ชีวิตร่วมกันมา 12 ปี และเคยบอกว่ารักฉัน เขาหายไปไหน? หรือบางที... เขาอาจไม่เคยมีตัวตนจริง ๆ เลยก็ได้ แต่สิ่งที่ฉันรู้แน่ชัดในตอนนี้คือ ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นมาเข้าใกล้ลูก ๆ ของฉันอีกต่อไป "อย่าร้องไห้เลยนะลิลลี่ กับสิ่งที่ย่าของหนูพูด เธอไม่เคยรักเราเลย" ฉันพูดพลางลูบผมลูกสาวเบา ๆ "แต่เราต้องยอมรับความจริงว่า ตอนนี้มันมีแค่เราสามคนแล้ว หน้าที่ของเราคือดูแลกันและรักกันให้มากที่สุด" สำหรับฉัน ผู้หญิงคนนั้นหมดสิ้นความเป็นย่าของหลาน ๆ ไปแล้ว ฉันหวังว่าเธอจะไม่ต้องมาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในอนาคต เพราะชีวิตมักมีวิธีพาเรากลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราเคยทำ แต่สิ่งที่สะเทือนใจฉันที่สุดก็คือ ลูก ๆ ของฉันต้องโตเกินวัยอย่างน่าตกใจเพราะเรื่องพวกนี้ ขอบคุณมากนะ ฮวน หลุยส์ ฉันคิดในใจ ฉันจะจดเรื่องนี้ไว้ด้วย ไว้รอถึงเวลาที่ต้องสะสางกัน ฉันจะไม่ลืม ฉันกอดลูก ๆ ของฉันแน่น ความรู้สึกบางอย่างกำลังตื่นขึ้นในตัวฉัน พวกเขาปลุกสัตว์ร้ายในตัวฉันให้ลุกขึ้นแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม