7
บีบคั้น
ปลื้มไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษร ทำเหมือนมั่นใจแน่ๆ ว่าภายในสามเดือนเขาต้องได้หย่ากับเธอ
และเหตุผลที่เขาทำแบบนั้นมันก็มีให้เดาแค่สองเหตุผลเท่านั้น คือเขาไม่เคยคิดที่จะไปต่อกับเธอ ไม่มีวันรู้สึกอะไรทั้งนั้น หรืออีกอย่างคือเขารักผู้หญิงคนนั้นมากจนรักใครไม่ได้อีกแล้ว
แต่ในเมื่อคุยกันแล้ว เธอก็พร้อมที่จะลงรายมือชื่อในกระดาษแผ่นนั้น เพราะเธอรักษาสัญญาอยู่แล้ว ภายในสามเดือนเธอจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งกับเขา และแม่ของเขาที่เป็นผู้มีพระคุณ
ภายในโต๊ะอาหารของอาหารมื้อค่ำเป็นไปอย่างเรียบง่าย อัทธ์คอยสังเกตท่าทีของปลื้มใจอยู่ตลอดเวลา เธอเอาอกเอาใจแม่เขาเป็นพิเศษ และคิดว่าเธอคงทำแบบนั้นอยู่แล้วเพราะเธอคาดหวัง เธอมีเป้าหมายในใจ ตรงนี้เขาเลยไม่แปลกใจ ถ้าจะรู้สึกแปลกๆ ก็คงเป็นเพราะเธอเผื่อแผ่ความใส่ใจมาที่เขานั่นแหละ
สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีเมีย มาเจอแบบนี้ก็แปลกๆ แหละ แต่ก็แค่สามเดือนเท่านั้น เขาจะทนแค่สามเดือน และหลังจากนั้นเขาจะทำทุกอย่างตามที่ใจต้องการ
“ที่โชว์รูมเป็นยังไงบ้างอัทธ์ ช่วงนี้งานยุ่งหรือเปล่า”
โชว์รูมที่อัทธ์ดูแลและเป็นเจ้าของค่อนข้างใหญ่ เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีลูกค้าทุกระดับ รู้ว่าที่ผ่านมาลูกชายเพียงคนเดียวของท่านเหนื่อยกับการพยายามและรักษามาตรฐานของโชว์รูมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
“ผมดูแลได้ครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
“วันไหนว่างพาหนูปลื้มไปดูที่นั่นสิ”
“ดู?”
คิ้วดกเข้มขมวดเข้าหากันก่อนที่อัทธ์จะหันมองเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
“พาหนูปลื้มที่ดูที่นั่นในฐานะภรรยา ให้เห็นที่ทำงาน ให้เห็นสภาพแวดล้อมและการเป็นอยู่ในทุกๆ ด้านในฐานะภรรยา”
คุณอัญญาไม่ได้วางใจในตัวลูกชายตัวดีเลยแม้แต่นิดเดียว อัทธ์ไม่ใช่คนที่จะยอมง่ายขนาดนั้น ยอมมานั่งทานข้าวด้วยง่ายๆ แบบนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน แต่เชื่อเถอะตราบใดที่ท่านยังอยู่ตรงนี้ เจ้าตัวดีทำเรื่องชั่วๆ กับเมียไม่ได้แน่นอน
“เอาไว้วันไหนสะดวกค่อยไปก็ได้ค่ะ”
ปลื้มแทรกขึ้นพร้อมกับยิ้มให้แม่เขา และก็เป็นแบบที่คิด ทันทีที่คนพูดคนบอกคือเธอ แม่เขายอมทุกอย่างทันที ต่างจากตอนที่คนเป็นลูกแท้ๆ พูดคุณแม่กับคัดค้าน ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย
“แม่พร้อมจะจัดงานแต่งงานให้ทันทีที่หนูปลื้มพร้อมนะลูก”
คุณอัญญาเอ่ยออกมาต่อหน้าบุตรชาย ให้รู้ว่าท่านรักและเลือกคนนี้ พร้อมจะสนับสนุนแค่คนนี้ให้เป็นภรรยาของอัทธ์เท่านั้น และอยากให้หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้ารู้ว่าท่านพร้อมจะเคียงข้าง พร้อมจะยกย่องและให้เกียรติปลื้มใจในฐานะสะใภ้ โดยให้คนนอกรับรู้เรื่องนี้ด้วย
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ ปลื้มขอเวลาหน่อยนะคะ ปลื้มยังไม่พร้อมจริงๆ ค่ะ”
“แม่รอวันที่หนูพร้อมได้เสมอ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจบอกแม่ได้ทุกเรื่องนะลูก”
“ค่ะ”
อัทธ์มองคนสองคนที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีพร้อมกับถอนลมหายใจออกมาเบาๆ เขาคงไม่ไว้หน้าเธอหากแม่ของเขาไม่ชอบเธอมากขนาดนี้
•••
“เธอคิดยังไงกับเรื่องแต่งงานที่คุณแม่พูด”
อัทธ์เปิดประเด็นเมื่อเราอยู่ด้วยกันตามลำพัง เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผู้หญิงและเขาไม่รู้ว่าเธออ่อนไหวมากแค่ไหนกับการที่จะได้เป็นเจ้าสาวของเขา
“คุณแม่ท่านเมตตาปลื้มค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นหากคุณไม่เต็มใจ”
อัทธ์มองหน้าสวยๆ ของคนที่ในตอนนี้ทำเหมือนเข้าอกเข้าใจเขาทั้งที่ความเป็นจริง หากเธอคิดแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่เราสองคนจดทะเบียนสมรสกัน เขาและเธอคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วยกันทั้งคู่
“แล้วในข้อตกลงของเรา เธอบอกจะทำหน้าที่ภรรยาที่ดี แล้วหน้าที่ของภรรยาที่ดีมีอะไรบ้าง”
คนถูกถามเม้มริมฝีปากเบาๆ เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดไปไกลถึงไหน แต่เธอก็ไม่เลือกที่จะตอบมันออกมา
“ปลื้มทำได้ทุกอย่างค่ะ ไปอาบน้ำไหมคะเดี๋ยวปลื้มเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้”
นี่คือสิ่งที่คนเป็นเมียควรปรนนิบัติผัวใช่ไหม
“อาบด้วยกันไหม?”
อัทธ์เลิกคิ้วขึ้นถาม เขากำลังมองหน้าเธออยู่ อยากเห็นปฏิกิริยาของเธอตอนที่ตอบออกมา
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้นปลื้มก็ทำได้ค่ะ”
“แล้วเหมือนวันนั้นล่ะ ได้ไหม?”
เขาถามต่อ ยอมรับว่าหลายครั้งที่นึกถึงเรื่องคืนนั้น แต่ทุกครั้งความสุขก็มักดับวูบหายไปเมื่อนึกถึงตอนที่แม่เขาเข้ามาตอนที่เธอและเขาอยู่ด้วยกัน
“ปลื้มบอกแล้วไงคะว่าได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
อัทธ์ร้องเหอะออกมาเบาๆ ผู้ชายแพ้ให้กับผู้หญิงสวยๆ อยู่แล้ว หน้าสวยๆ ตาใสๆ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยโงหัวไม่ขึ้นทั้งนั้น แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่เขา เขาไม่มีวันหลงชอบเธอเหมือนวันนั้นแน่ ระหว่างสามเดือนที่ต้องอยู่ด้วยกัน เขาไม่ได้บอกว่าจะเป็นสามีที่ดีของเธอ แค่จะทำตามข้อตกลงที่คุยกันไว้ แม้ข้อตกลงนั้นจะมีจุดบอดหลายจุดที่ทำให้เขาเล่นตุกติกได้ก็ตาม
“งั้นคืนนี้รอทำหน้าที่เมียหน่อยนะ ถือว่าฉลองกับผัวเนื่องในโอกาสที่ได้รถใหม่ป้ายแดงจากแม่ผัวดีไหม”
ปลื้มสบตากับคนที่กำลังประชดเธอ หลายครั้งที่พยายามอ่านเขา และหลายครั้งที่เหมือนเธอจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
“ปลื้มคืนรถให้คุณได้นะคะถ้าคุณต้องการ”
“ขืนทำแบบนั้นเธอก็รู้อยู่แล้วว่าคุณแม่ไม่มีวันยอม ช่างเถอะ ในเมื่อเขาตั้งใจให้เธอเธอก็รับมันไว้เถอะ สามเดือนที่อยู่ด้วยกัน ฉันก็อาจจะได้จากเธอมาบ้าง ต่อให้มันอาจจะไม่คุ้มค่ากันเลยก็เถอะ”
“สิ่งที่คุณจะได้จากปลื้ม… คุณอัทธ์กำลังเปรียบเทียบมันเป็นค่าตัวของปลื้มเหรอคะ”
ทั้งที่หน้าชากับสิ่งที่เขาเอ่ยออกมา แต่เธอไม่ชอบอะไรที่มันคาราคาซัง
“ก็ไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ก็แล้วแต่เธอจะคิดเถอะ ถึงยังไงฉันก็รับปากว่าจะทำตามข้อตกลงที่เราคุยกันไว้ ฉันจะไม่ยุ่งกับณิชาตามที่เธอขอ อีกอย่างตอนนี้เราก็จดทะเบียนสมรสกันอยู่ ฉันไม่อยากให้ณิชาถูกมองว่าเป็นมือที่สาม ต่อให้เขาจะเป็นคนมาก่อนก็เถอะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่เจอเขาเลยนะ”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
แววตาของปลื้มใจสั่นระริก เธอไม่อยากเห็นว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนตลบตะแลงพูดจาย้อนแย้งและไม่รักษาคำพูดของตัวเองเลยสักนิด
“ฉันยังเจอกับณิชาได้ในฐานะเพื่อนสนิทไม่ใช่เหรอ เธอเองก็เข้ามาอยู่ตรงนี้โดยที่ฉันไม่ได้เต็มใจ หวังว่าเธอจะไม่ใจดำจนกีดกันสถานะเพื่อนหรอกใช่ไหม”
“เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าน่ะเหรอคะ”
“ทำไม เธอจะใช้โซ่ล่ามฉันทุกทางเลยเหรอ จะไม่ให้ดิ้นไปไหนได้เลยใช่ไหม”
“ปลื้มขอแค่สามเดือนเองนะคะ ซึ่งคุณมั่นใจมากว่ายังไงคุณก็จะหย่า เพราะฉะนั้นตอนนี้ปลื้มขอความสบายใจได้ไหมคะ”
“แต่คืนนี้ฉันนัดกับณิชาไว้ในฐานะเพื่อน ซึ่งฉันมั่นใจว่าสถานะเพื่อนมันไม่ได้ทำให้ฉันผิดข้อตกลงกับเธอเลย”
อัทธ์ยกยิ้มเมื่อเอ่ยจนจบประโยค รู้ว่าเธอไม่พอใจ แล้วเธอจะทำอะไรเขาได้ เขาแค่จะไม่เกินเลยกับณิชาตามที่ตกลงกันไว้ ไม่ได้บอกว่าจะทำหน้าที่ผัวที่ดีซะหน่อย บางทีวิธีนี้มันอาจจะทำให้เธอเป็นฝ่ายยอมไปจากเขาก่อนสามเดือนด้วยซ้ำ และถ้าวันนั้นมาถึง เขาคงรู้สึกโล่งน่าดู
————————————-
เดี๋ยวก็รู้ว่าจะโล่งแค่ไหน 😉
**กดติดตาม-กดไลก์-คอมเมนต์=กำลังใจงับ**