“เฮ้ออออ...ไม่น่าเลย” เสียงถอนหายใจหนักๆดังขึ้นกลางความเงียบของห้องพักฟื้น ก่อนที่คำพูดถัดมาจะพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากของหมอไรเฟิลด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเต็มที ดวงตาคมใต้กรอบแว่นจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยแววสงสารปนคับข้องใจ
“เพราะเจ้าบ้านั่นแท้ๆ!” เขาพึมพำต่อราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าจะตั้งใจให้ใครได้ยิน “เราเองก็เหมือนกัน พี่เตือนไปตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับมัน แล้วสุดท้ายเป็นไงล่ะ?”
หมอหนุ่มขยับลุกจากเก้าอี้ข้างเตียง เดินไปหยุดริมหน้าต่างบานสูง มือข้างหนึ่งเท้าเอวแน่น อีกข้างยกขึ้นกดหว่างคิ้วตึงเครียด เขาหลับตาลงชั่วครู่ สูดลมหายใจเข้าอย่างพยายามระงับอารมณ์ ...แต่ก็ทำไม่ได้
“พอมันขอหย่า…ก็รับไม่ได้จนมาคิดสั้นแบบนี้!!!”
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก ดวงตากลมโตยังคงพร่าเบลอด้วยฤทธิ์ยา แต่ก็พยายามจ้องสบใบหน้าของหมอหนุ่มตรงหน้าอย่างค้นหา
“คุณกำลังจะบอกว่าที่ฉันต้องเป็นแบบนี้…” เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ปลายนิ้วจิกแน่นกับผ้าห่มสีขาวที่คลุมลำตัว “เพราะมี ใครบางคน ทำงั้นเหรอคะ?”
วินาทีนั้น หมอไรเฟิลเหมือนจะหมดความอดทนกับความเงียบที่อัดแน่นอยู่ในอก ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ขึ้นมาทันที เสียงของเขาดังขึ้นอย่างไม่ทันข่ม “ก็ใช่ไง! เพราะไอ้เวรนั่นแหละ! ไอ้เวสเปอร์!”
ชื่อที่เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกลียดชังอย่างถึงที่สุด ฟังดูราวกับคำพิพากษาจากผู้คุมบัลลังก์แห่งความโกรธแค้น
“เพราะมันคนเดียว เธอถึงต้องเป็นแบบนี้! เสียใจจนคิดสั้น ทำร้ายตัวเองจนเกือบไม่มีโอกาสลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง!” ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้เตียง มือข้างหนึ่งกำแน่นจนเส้นเอ็นปูดชัด ดวงตาฉายแววทั้งเจ็บ ทั้งโกรธ ทั้งเจือแววอะไรบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
“พี่ไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” เสียงของเขาแผ่วลงเล็กน้อยเมื่อมองสบตาหญิงสาวที่ยังคงนิ่งงัน “เธอไม่ต้องกลัวนะ เรน…” น้ำเสียงของเขาก็กลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง พร้อมกับฝ่ามือที่ยื่นออกมาแตะแผ่วเบาตรงหลังมือเธอ
คำเรียกขานนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างแปลกประหลาด มันไม่ใช่แค่ความห่วงใยในฐานะแพทย์ แต่มันคือ...สายใยบางอย่างที่มีมากกว่านั้น
“ต่อไปนี้...พี่จะเป็นคนดูแลเธอเอง พี่สัญญา”
.
.
หญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเริ่มขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตากลมโตฉายแววงุนงงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินชื่อ ‘เรนเดียร์’ ที่ชายหนุ่มในชุดกาวน์เรียกเธอซ้ำเป็นครั้งที่สอง...หรืออาจจะสาม ชื่อแปลกประหลาดที่ไม่เคยเป็นของเธอเลยสักครั้งในชีวิต แล้วไหนจะคำพูดจาแปลกๆ แต่เหมือนว่ามันจะเป็นคนละเรื่องกันเลยก็ว่าได้ เพราะจริงอยู่ที่เธอ 'โดนสามีและเพื่อนสนิทหักหลังมา'
ภาพความทรงจำก่อนจะตื่นมายังที่แห่งนี้คือเธอที่เพิ่งกลับจากการทำงานแบบกะทันหัน กลับต้องมาพบว่าสามีของเธอและเพื่อนรักกำลังมีอะไรกันบนเตียงของทั้งคู่ ความโกรธ เสียใจ และรับไม่ได้กับการถูกหักหลังทำให้เธอเลือกจะหนีออกมาทันที เวลานั้นบนท้องถนนถูกสายฝนและความมืดโอบรอบเอาไว้จนมองเห็นทัศนวิสัยลำบาก บวกกับนัยน์ตาทั้งสองถูกกลบด้วยหยดน้ำตาของความเสียใจ มันเลยทำให้เธอเกิดอุบัติเหตุขับรถตกลงไปในแม่น้ำที่ราวกั้นสะพานชำรุด ความทรมานของลมหายใจที่หมดลงช้าๆ เธอจำได้ดี
แต่มันคนละเรื่องกับที่หมอหนุ่มกำลังตีโพยตีพ่ายและกล่าวโทษเลยสักนิด
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ” เสียงของหญิงสาวดังแผ่วเบา ทว่าก็พอจะทำให้ชายหนุ่มในชุดกาวน์ที่ยืนอยู่ปลายเตียงต้องหยุดชะงัก หันกลับมามองเธออีกครั้งด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เวสเปอร์...คือใครเหรอคะ?” เธอถามอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงคล้ายคนเกรงใจแต่แฝงด้วยความสับสนเต็มเปี่ยม “แล้วก็...เรนเดียร์อีก ฉันได้ยินคุณเรียกชื่อนั้นกับฉันตั้งสองครั้งแล้ว…”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก กำมือแน่นอยู่ใต้ผ้าห่มรวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนจะพูดสิ่งที่ค้างคาใจมาตลอด
“คือ...ฉันไม่ได้ชื่อเรนเดียร์นะคะ คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ”
ฟังถ้อยคำของคนผู้ป่วยตรงหน้า สีหน้าของหมอไรเฟิลก็เริ่มปรากฏแววของความยุ่งยากขึ้นมาเล็กน้อย ลมหายใจถูกถอนออกมาอีกครั้ง พร้อมกับริมฝีปากที่ขยับเตรียมตอบคำถามของสาวเจ้ากลับไป
แต่ก่อนที่คำอธิบายใดๆ จะหลุดจากปากเขา เสียงจากบานประตูด้านหลังดังขึ้น
ปึง!
ประตูห้องที่เคยถูกปิดไว้อย่างเรียบร้อยกลับถูกผลักเปิดออกด้วยแรงเกินควร เสียงเหล็กกระทบผนังทำให้ทุกสายตาหันขวับไปทันที รวมถึงหญิงสาวที่ยังนอนอยู่บนเตียงด้วยความตกตะลึง และสิ่งที่เธอเห็น...คือเงาร่างของชายแปลกหน้าผู้หนึ่ง ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มที่ก้าวเข้ามาราวกับเจ้าของห้อง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดสีชา แต่ก็ไม่อาจปิดบังบรรยากาศรอบตัวที่แผ่ความเย็นยะเยือกแบบคนที่มีอำนาจในทุกฝีก้าวได้เลย
“ก็ยังไม่ตายนี่” เสียงของเขาทุ้มต่ำ แหบพร่าและราบเรียบอย่างจงใจเย็นชา “เรียกร้องความสนใจเก่งจังนะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วแทบจะในทันที ความไม่พอใจแล่นขึ้นมาท่วมอกแบบไม่ทันได้ตั้งรับ ไม่ใช่เพียงเพราะน้ำเสียงที่เยาะเย้ย แต่เป็นเพราะแววตาคู่นั้นที่มองเธอเหมือนเป็นแค่ ‘ภาระ’ ชิ้นหนึ่งที่ยังไม่ยอมหายไปจากโลกเสียที
เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดกับเธอแบบนี้ แต่สัญชาตญาณภายในกลับตะโกนชัดเจนเหลือเกิน
...ผู้ชายคนนี้ อันตราย!!!