บทที่ 2 หย่ากันก็อดตาย 1

861 คำ
“เฌอ! มาเมื่อไหร่ลูก?” ภัสสรตกใจหน้าเสียรีบเอ่ยทัก พลางหันมองตากับสามีด้วยความวิตกกังวล เมื่อกี้หล่อนได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? ลูกสะใภ้พูดว่าจะ ‘หย่า!’ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเฌอปัณณ์ได้ยินที่พวกท่านพูดกับภรัณหมดแล้ว ไม่รู้ว่าลูกสะใภ้หล่อนจะเจ็บปวดเสียใจมากขนาดไหน แต่ละคำที่ไอ้ลูกชายตัวดีพ่นมาน่ะฟังได้เสียที่ไหน เรื่องพูดจาทำร้ายจิตใจเมียละเก่งนัก! เฌอปัณณ์สบตาพวกท่านยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าแน่วแน่ ยืนยันว่าเธอได้ยินทุกอย่างที่พวกท่านพูดกับภรัณจนหมดสิ้นแล้ว “หย่า?” ภรัณเหยียดยิ้มมองภรรยาด้วยแววตาเยาะเย้ย ไม่มีทีท่าตื่นตระหนกเลยสักนิด “คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีกล่ะ หรือว่าอยากจะเรียกร้องเงินทองหรือความสนใจจากครอบครัวของฉันอีกเหมือนเคย” เฌอปัณณ์เม้มปากแน่น ทำใจกล้าเงยหน้าสบดวงตาลุ่มลึก ก็เพราะดวงตาคู่นี้ ใบหน้าหล่อเหลาแบบนี้ และท่าทีที่เก่งกล้าน่าเกรงขามของเขาไม่ใช่หรือ ที่มอมเมาเธอจนหลงใหลถอนตัวไม่ขึ้น แต่วันนี้...เธอจะตัดทุกอย่างที่เป็นตัวเขาทิ้งให้หมด! ดวงตากลมโตหวานซึ้งวาวขึ้นอย่างเข้มแข็ง ภรัณที่มักจะสบตาเธอเพียงแวบเดียวก็เมินกัน ทำราวกับเสียสายตาที่มองหน้าเธอนานๆ ยังต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย รู้สึกได้ว่าเฌอปัณณ์มีอะไรบางอย่างที่แปลกไป นั่นทำให้ใจเขาแกว่งพิกล “พี่สบายใจได้ค่ะ เฌอไม่คิดจะเรียกร้องสมบัติเงินทองอะไรจากพี่เลยแม้แต่บาทเดียว เฌอแค่ต้องการหย่าและจากกันด้วยดีเท่านั้นเอง” “คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?” เขาส่ายหน้า ในดวงตาเผยแววแววยิ้มเยาะฟ้องชัดว่าไม่เชื่อเลยสักคำ “ภาม! แกพูดบ้าอะไรออกมาห้ะ!?” ภัสสรแหววลูกชายด้วยความหวั่นใจระคนโมโห แทนที่จะห้ามหรือง้อเมียสักหน่อย ภรัณดันพูดเหมือนอยากจะหย่ากับเมียเร็วๆ อย่างนั้นแหละ หล่อนอุตส่าห์มองในแง่ดีว่าที่เฌอปัณณ์พูดมาเมื่อครู่ เป็นเพียงเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจลูกชายหล่อน แต่ขืนภรัณยังยั่วโมโหลูกสะใภ้หล่อนไม่เลิกละก็ ภัสสรกลัวเหลือเกินว่าเฌอปัณณ์จะถูกคำพูดร้ายๆ พวกนั้นปลุกปั่นจนเกิดแรงฮึด อยากจะหย่าขึ้นมาจริงๆ “เฌอใจเย็นๆ ก่อนนะลูก อย่าไปฟังที่ไอ้หมาบ้านี่มันพูด” ภัสสรเร่งปลอบขวัญลูกสะใภ้อย่างร้อนใจมือก็สะกิดแขนสามียิกๆ ให้ช่วยกันพูด “ภาม! แกหุบปากไปเลยนะ” วุฒิชัยเล่นใหญ่หันไปถลึงตาชี้หน้าด่าลูกชาย แล้วจึงเอ่ยกับลูกสะใภ้เสียงอ่อนว่า “พ่อรู้ว่าเฌออาจจะโกรธหรือน้อยใจพี่เขาไปบ้าง พ่อขอโทษแทนภามด้วย เฌออย่าถือสาหาความคนบ้าเลยนะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทะเลาะเบาะแว้งหรือไม่เข้าใจกันบ้างก็เป็นเรื่องปกติ มาๆ มานั่งลงก่อนแล้วค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่านะลูก” ภรัณกลอกตามองบุพการีที่ขยันโอ๋เฌอปัณณ์กันเหลือเกิน ทำราวกับเธอเป็นลูกในไส้ของพวกท่าน ไม่ใช่เขา เฌอปัณณ์ยิ้มบางๆ ในความเมตตาของพ่อแม่สามี แม้จะเจ็บ แต่เธอไม่แปลกใจเลยสักนิด สำหรับภรัณ...เธอเป็นผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยาที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเงินโดยไม่เลือกวิธี เป็นผู้หญิงน่ารังเกียจที่ปีนขึ้นเตียงเขาอย่างไร้ยางอาย ใช้ทะเบียนสมรสเป็นบ่วงผูกมัดตัวเขาเอาไว้เพื่อความสุขสบายของตัวเอง เขาเกลียดเธอ! จินตนาการไม่ถึงเลยล่ะว่าเกลียดลึกซึ้งถึงขั้นไหน... ที่รู้ๆ ภรัณคงรังเกียจจนไม่อยากจะใช้อากาศหายใจร่วมกับเธอด้วยซ้ำ ตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาไม่เคยแยแสเมียที่นอนเฝ้าเรือนหออย่างเธอเลย ต่อให้เธอจะทำเพื่อเขาสักแค่ไหน เพียรใช้ความรักความจริงใจแลกใจกับเขา แต่ก็ได้กลับมาเพียงความชิงชัง สิ่งที่เห็นจนเจนตาก็คือสีหน้าเบื่อโลกของคนเป็นสามี ทำยังกับถูกบังคับให้กินยาขมหรืออมบอระเพ็ดอยู่ตลอดเวลา ท่าทางที่แสดงออกต่อเธอยิ่งเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียนไม่ผิดปากที่มารีนเยาะเย้ยเธอเลยสักคำ ระหว่างสองเราไม่เคยมี ‘รัก’ มีแค่ ‘เซ็กส์’ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเธอไม่เคยสัมผัสถึงความรักอาทร เหมือนเขาเห็นเธอเป็นแค่ตุ๊กตายางที่ใช้ระบายความใคร่ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจทะนุถนอม ไร้ซึ่งความอบอุ่นอ่อนโยน มีแต่การปลดเปลื้องราคะความใคร่ เสร็จแล้วก็ลุกหนีอย่างไม่ไยดี ถึงภรัณจะไม่ได้ทำรุนแรงถึงขั้นทำร้ายเธอให้เลือดตกยางออก พูดได้ว่าเขาทำให้เธอสุขซ่านอย่างเต็มอิ่ม แต่เขาก็ตักตวงความสาวไปจากเธอจนเต็มคราบเช่นกัน แต่ที่น่าปวดใจคือเขาทิ้งความขมขื่นไว้ในใจเธอจนอกตรมหม่นไหม้ ทั้งๆ ที่สำหรับเธอแล้ว...เขาคือ ‘รักแรก’ ในชีวิต
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม