ลมหายใจของเฌอปัณณ์พลันอ่อนระโหย คล้ายกับความพยายามและสู้อดทนมาตลอดสามปีกว่าหมดลงแล้ว มันเหนื่อยจนเธอไม่มีแรงเดินต่อ ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวกำลังใจที่จะปลุกเร้าตัวเอง หมดใจที่จะหลอกตัวเองว่ามีความสุข ทั้งที่ความเป็นจริงแสนทุกข์เหลือเกิน ความทรงจำทั้งหมดจนถึงตอนนี้มีแต่ความเจ็บปวดที่สัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง
แต่ก็ช่างเถอะ!
ต่อให้พูดหรือฟูมฟายออกไป แล้วจะได้อะไรขึ้นมา ยังไงเธอก็ไม่มีวันล้างตัวให้ขาวสะอาดได้ในสายตาของภรัณ เพราะเรื่องที่เธอปีนป่ายขึ้นเตียงของเขาเป็นเรื่องจริง ที่เขาโดนบังคับให้แต่งงานกับเธอโดยที่ไม่รักก็เป็นเรื่องจริง เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายและน่ารังเกียจอย่างที่เขาปรามาสดูแคลนนั่นแหละ
สองเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกผิดและติดค้างเขามาตลอด...
และตอนนี้ถึงเวลาที่เธอควร ‘ชดใช้’ ให้เขาเสียที เธอจะคืน ‘อิสรภาพ’ ที่เคยริดรอนให้แก่ภรัณ
เฌอปัณณ์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สายตามองสามีหนุ่มแน่วแน่ ริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อเผยรอยยิ้มจางๆ เป็นธรรมชาติ ขณะกดความขมขื่นเอ่ยคำพูดย้ำชัดอีกครั้งว่า
“พี่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ สุดแล้วแต่ใจของพี่เลยค่ะ แต่เฌอขอยืนยันว่าเฌอจริงจัง หย่ากันเถอะค่ะ พี่จะได้อยู่กับคนที่พี่รักอย่างแท้จริง ไม่ต้องมาทุกข์ทรมานอยู่คนที่พี่เกลียดขี้หน้าอย่างเฌออีก”
“แล้วเธอล่ะได้อะไร?” ภรัณเลิกคิ้วถาม เชื่อไม่ลงว่าเธอจะใจดีทำเพื่อเขา โดยที่ตัวเองไม่ได้อะไรเลย
เฌอปัณณ์ยิ้มขื่น สิ่งที่เธออยากได้ไม่มีวันเป็นจริง เพราะหัวใจของเขาที่เธอต้องการ ภรัณได้ยกให้มารีนไปหมดทั้งดวงแล้ว
“เฌอก็ได้อิสระคืนมา สามารถใช้ชีวิตไล่ตามความฝันได้อย่างที่คิดไงละคะ”
สีหน้าภรัณมืดครึ้มลงทันทีที่แม่เมียตัวดีพูดคล้ายจะตีปีกไปจากอกเขา ทว่าเพียงแวบเดียวหัวคิ้วก็คลายออก สองมือกอดอกมองเธออย่างรู้ทัน เขาพอจะล่วงรู้มารยาหญิงแล้วว่าเฌอปัณณ์อยากจะมีลูก เพื่อใช้เป็นบันไดไปสู่ทรัพย์สินเงินทองอันมหาศาลของครอบครัวเขาล่ะสิท่า เธอเลยตั้งใจยุพ่อแม่เขาให้มาเร่งเร้าเรื่องลูกกับเขา แถมยังจะท้าหย่า เพราะรู้อยู่แล้วว่าพวกท่านจะต้องร้อนใจยอมเธอทุกอย่าง
ร้ายนักนะ! นับวันผู้หญิงคนนี้จะยิ่งเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดมากขึ้นทุกที
“เฮอะ...คิดจะใช้มุกนี้มาบีบให้ฉันยอมมีลูกกับเธองั้นเหรอ แผนสูงดีนี่ แต่เสียใจด้วยนะ คนอย่างฉันไม่มีทางจะมีลูกกับเธอเด็ดขาด ในเมื่อเธอได้ยินชัดๆ แล้วก็ดี งั้นก็รู้ตัวเอาไว้ซะด้วยว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่คู่ควรเป็นแม่ของลูกฉัน”
เฌอปัณณ์แค่นยิ้ม ยังคงเป็นเธอที่ผิดในสายตาของเขาเสมอ ใช่สิ...ในหัวภรัณฝังคำว่า ‘ร้ายกาจ’ เอาไว้บนหน้าเธออยู่แล้วนี่ แต่ที่น่าสมเพชก็คือความเจ็บปวดของเธอยังคงไม่ลดน้อยลงเลย ยังเจ็บเหมือนถูกเขากรีดหัวใจนับร้อยๆ แผล
“ค่ะ เฌอไม่คู่ควร” หญิงสาวกำมือแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าเนื้อ “ถ้าอย่างนั้นพี่ภามก็อย่ามัวเสียเวลาอีกเลยค่ะ พรุ่งนี้เช้าเราไปเจอกันที่สำนักงานเขต ไปจบเรื่องที่เราควรจะจบมาตั้งนานแล้วกันสักที”
ภรัณขมวดคิ้วสีหน้าดำเหมือนถ่าน ขึงตาจ้องเธออย่างดุดันเป็นเชิงสั่งว่าเลิกวุ่นวายได้แล้ว เฌอปัณณ์เมินสายตาออกหันมามองสบตาพ่อแม่สามีด้วยความซาบซึ้ง ยกมือไหว้พวกท่านอย่างนอบน้อม กล่าวร่ำลาด้วยสุ้มเสียงที่เพียรบังคับไม่ให้สั่นเครือว่า
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อคุณแม่ที่รักและเอ็นดูเฌอมาตลอด เฌอจะไม่ลืมพระคุณเลย ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ เฌอเป็นห่วง” ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เฌอปัณณ์ก็หันหลังเดินตั้งใจจะเดินจากไป แต่ถูกแม่สามีรั้งเอาไว้อย่างร้อนรน
“เฌออย่าเพิ่งไป ลูกลองคิดดูให้ดีๆ อีกทีได้มั้ย อย่ารีบด่วนตัดสินใจ ลองคิดดูสิว่าถ้าลูกหย่ากับตาภามแล้ว ผู้หญิงตัวคนเดียวแบบลูกจะไปอยู่ที่ไหน อยู่ยังไง สังคมสมัยนี้ปลอดภัยไว้ใจได้ซะที่ไหน มีแต่คนเลวๆ เยอะแยะเกลื่อนถนนเต็มไปหมด แม่เป็นห่วง แม่ไม่สบายใจเลยที่จะปล่อยให้ลูกออกไปอยู่ตัวคนเดียว ถ้าเฌอไม่อยากอยู่เพนต์เฮาส์กับตาภาม ก็อยู่ที่นี่กับพ่อกับแม่เถอะนะ แต่อย่าเพิ่งหย่าได้มั้ย ถือว่าแม่ขอร้อง”
เฌอปัณณ์มองสีหน้าห่วงใย ยังมีแก่ใจคิดถึงเธอแล้วยิ่งตื้นตัน
“เฌอกับพี่ภามไม่ได้รักกัน เรื่องของเราเป็นความผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ในเมื่อรู้แล้วเราก็ควรแก้ไขให้ถูกต้อง เพราะฝืนอยู่ต่อไปก็มีแต่จะทุกข์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย จบแบบนี้ดีที่สุดแล้วละค่ะ”
หญิงสาวยกมือไหว้ท่านอีกครั้งอย่างอ่อนน้อม ยิ้มบางๆ แววตาเผยความเข้มแข็งและเต็มเปี่ยมไปด้วยแวววิงวอนร้องขอ หวังให้พวกท่านเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของเธอ ทำเอาทั้งภัสสรกับวุฒิชัยชะงักพากันพูดไม่ออก ทั้งที่ใจยังอยากจะรั้งเฌอปัณณ์เอาไว้อีกหน่อย ก็ได้แต่จำใจพยักหน้ารับ
“เฌอไปก่อนนะคะ ลาก่อนค่ะคุณลุงคุณป้า” เธอเอ่ยลาเป็นครั้งสุดท้าย
ภรัณหรี่ตามองคนที่จงใจเมินเขา หางตาพลันกระตุก
เฌอปัณณ์บอกว่าเรื่องของเรา ‘ผิดพลาด’ ?
เธอเพิ่งจะมานึกเสียใจเอาตอนนี้เนี่ยนะ ไม่สายเกินไปหน่อยหรือ แล้วไหนจะสรรพนามที่เธอเรียกขานบุพการีของเขาเปลี่ยนไปทันที ทั้งที่ยังไม่ทันหย่านั่นอีกล่ะ ฟังแล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไส้ เขาขบกรามแน่นมองเธอที่เดินออกจากคฤหาสน์เลิศภูวนันท์ไปโดยไม่หันกลับ เห็นแผ่นหลังบอบบางคล้ายจะเลือนลางเพราะแสงที่ตกระทบร่างเธอ ภรัณขยับเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ดวงตาดำดิ่งจมลึกอยู่ในความเดือดดาล ขบกรามแน่นเมื่อได้ยินมารดาตวาดแว้ดใส่เขาจนแก้วหูแทบแตกว่า
“ไอ้ลูกโง่! หาเมียดีๆ ให้ก็รักษาเอาไว้ไม่ได้ งั้นเชิญแกโง่ เอาหัวผุๆ ของแกจิ้มอยู่ในขี้ควายต่อไปเถอะ ฉันไม่อยากจะสนใจแกแล้ว” แล้วทั้งพ่อทั้งแม่เขาก็พากันสะบัดก้นเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างโมโห
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจพลางดึงเนกไทที่ลำคออย่างแรงจนแทบจะกระชาก แต่งงานกันมาตั้งนาน เขาเพิ่งได้เห็นฤทธิ์เดชเมียตัวดีชัดๆ ก็วันนี้ ปกติเห็นทำตัวหงิ๋มๆ แทบไม่พูดไม่จา เขาว่าเขาแขวะยังไงก็ไม่มีปากมีเสียง แต่ใครจะรู้ว่าลูกแกะอย่างเฌอปัณณ์จะกลายเป็นพวกดื้อเงียบล่ะ ไม่รู้จู่ๆ นึกบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเขา แถมคำพูดคำจาก็ยอกย้อนไม่มีลดละ สวนกลับทุกหมัดจนเขาอยากจะบีบคอเธอให้ตายคามือนัก
สงสัยคงต้องสอนให้เธอรู้จักหลาบจำซะบ้างแล้วว่าอย่าดื้อกับเขา!
ร่างกายตอบสนองเร็วเสียยิ่งกว่าสมอง ภรัณลุกพรวดก้าวเท้ายาวๆ เดินอาดๆ ตามภรรยาออกไปจนทันถึงตัวเธอ มือหนาบีบข้อมือเล็กกระชากร่างบางเดินตรงดิ่งไปขึ้นรถยนต์ของเขาทันที จุดหมายคือเพนต์เฮาส์ที่เขาจะใช้ปราบพยศเมียให้เร่าร้อนมอดไหม้อยู่ในไฟที่เสียวซ่าน สุขสมจนล้นอก
ดูสิ! ทีนี้เฌอปัณณ์ยังจะกล้าพูดว่าขอหย่ากันอีกไหม...