“แล้วแม่งลูกน้องของมึงคนไหนวะไอ้อัคนี”
คีรินหันไปถามเพื่อนที่กำลังก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก ราวกับไม่ได้สนโลก และก็เหมือนไม่ได้สนใจด้วยว่าจะเป็นใคร
อัคนียักไหล่ ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง
“กูจะไปรู้ได้ไงวะว่าคนไหน ลูกน้องกูมีเป็นร้อยๆคน มึงอยากรู้มึงก็ไปถามมันเองดิ มันเป็นคนจัดน้องเขาไม่ใช่หรอ”
สายตาของเขาตวัดไปทางราชันย์ทันที ราวกับโยนเรื่องให้เต็มๆ
ราชันย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงต่ำห้วน
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันเว้ย รู้แค่ว่าเธอแม่งหอบเงินแล้ววิ่งออกไปจากห้องทันที”
“หึ!”
อัคนีหลุดหัวเราะออกมา
“ก็แน่สิวะ เจอคนอย่างมึงเข้าไป ใครมันจะอยู่ต่อไหววะ”
อัคนีพูดพลางส่ายหน้าเบาๆ ราวกับรู้ชะตาเด็กคนนั้นอยู่แล้ว เพราะเขารู้ดีกว่าใครว่ามาเฟียอย่างราชันย์ ไม่มีคำว่าเบามืออยู่ในพจนานุกรม ผู้หญิงคนไหนที่เจอต้องลองขอชีวิตแทบทุกราย
“แต่เธอยังซิงอยู่นะเว้ย”
ราชันย์เอ่ยออกมาพร้อมหันหน้ามองเพื่อนทั้งสอง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดปนหงุดหงิด
“คนไหนวะ กูแม่งอยากรู้แล้วสิ สมัยนี้หาคนซิงแม่งยากนะเว้ย มึงนี่แม่งเจอแต่ของดีจังวะไอ้ราชันย์”
คีรินพูดขึ้นทันทีด้วยความอยากรู้ ไม่ปิดบังเลยว่าเรื่องนี้ทำให้เขาเริ่มสนใจมากขึ้น ยิ่งรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นยังซิง เขาก็ยิ่งให้ความสนใจมากขึ้นไปอีก
ราชันย์ขยับตัวเล็กน้อยก่อนถามขึ้นบ้าง
“เออจริงสิ กูว่าจะถามมึง ที่คอนโดมึงรับพนักงานตั้งแต่อายุเท่าไรวะ”
อัคนีที่กำลังกินอยู่ชะงักนิดหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบ
“ก็ต้อง 18 ขึ้นไปปะวะ เด็กกว่านั้นมึงจะเอามาทำไม ไม่ถึง 18 ปีกฎหมายแรงงานเล่นกูตาย”
ราชันย์ถอนหายใจยาวทันที เหมือนโล่งอกไปครึ่งหนึ่ง
“เออกูค่อยสบายใจหน่อย อย่างน้อยๆกูก็ได้รู้ว่ากูไม่ได้ภาคผู้เยาว์เว้ย”
คีรินเลิกคิ้วใส่เพื่อน
“อย่างมึงสนใจด้วยเหรอวะ”
ราชันย์กระตุกริมฝีปากขึ้นนิด
“สนดิวะ เห็นกูแบบนี้ กูแม่งก็ไม่เอาเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 นะเว้ย กูไม่ชอบเด็กเกิน กูไม่ได้เหมือนมึงไอ้คีริน แดกแต่เด็กอีกหน่อยมึงก็ปัญญาอ่อนแล้วกูว่า”
“อ่าวไอ้นี่! ไอ้ควย สรุปมันก็วนกลับมาหากูจนได้”
คีรินสบถพลางหัวเราะหงาย
อัคนีส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นบ้าง
“หึ! มึงพูดซะกูอยากรู้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
คีรินรีบเสริมทันที
“เออ กูแม่งก็อยากรู้ ใครวะ ที่แม่งซวยขนาดโดนไอ้ราชันย์เย็ดวะ”
"มึงไม่คิดว่าเธอโชคดีบ้างไงวะ"
ราชันย์เอ่ยถาม
"ชะตาขาดเดี๋ยวสิไม่ว่า คนซิงๆเจอมึงเข้าไป กูว่าระบมไปทั้งตัวแน่"
อัคนีที่รู้จักแรงอารมณ์ของเพื่อนดี
“ว่าแล้วมึงไปค้นดูกล้องดิไอ้อัคนี กูอยากรู้ว่าเธอเป็นใครว่ะ”
ใบหน้าคีรินเปลี่ยนเป็นจริงจังด้วยความอยากรู้
อัคนีถอนหายใจลึก เหมือนรับรู้ชะตากรรมตัวเอง
“ลำบากกูต้องไปตามหาอีก เย็ดก็ไม่ได้เย็ดด้วย แต่กูต้องเป็นคนเดือดร้อนคนหาให้ซะงั้น แม่งไม่ยุติธรรมเลยว่ะ”
เขาบ่นงึมงำเบาๆ แต่ก็รู้ดีว่าคงต้องทำอยู่ดี
ในจังหวะที่ทั้งโต๊ะกำลังถกเถียงกันอย่างสนุก โทรศัพท์ของราชันย์ก็สั่นครืดขึ้นมาบนโต๊ะอาหาร
ครืด~ ครืด~
“แป๊บนะเว้ย”
ราชันย์บอกเพื่อนก่อนเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมากดรับ เห็นชื่อคนโทรมาก็ต้องสูดลมหายใจลึก
“ครับแม่”
เสียงปลายสายดังขึ้นทันที เสียงดังฟังชัดและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ไหนพี่ชายแกบอกว่าแกลงเครื่องมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แล้วทำไมแกยังไม่กลับบ้านอีกตะราชันย์! หรือแกไม่คิดจะให้แม่เห็นหน้าเลยใช่ไหมฮะ!”
น้ำเสียงของคุณหญิงจันทร์วาดพุ่งมาอย่างแรง จนเพื่อนสองคนของเขาเหลือบมองกันยิ้มขำ ส่วนราชันย์ขมวดคิ้วแน่น ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเพียงกับเธอคนเดียวเท่านั้น
“ครับวันนี้ผมก็กลับครับแม่ ผมบอกแล้ว”
“ลูกพูดแล้วนะว่าจะกลับวันนี้น่ะ”
“ครับแม่”
“ดี! แม่จะได้เตรียมงานต้อนรับลูกคืนนี้เลย”
ราชันย์กดสันกรามแน่น เขาไม่เคยถูกตามใจ แต่ก็ไม่เคยขัดใจแม่ตรงๆเช่นกัน
“แม่ไม่ต้องจัดก็ได้ครับ แค่ทานข้าวพร้อมกันก็พอแล้ว ผมไม่อยากให้มันเวอร์เกินไป”
ทันทีที่พูดจบ เสียงปลายสายก็สวนกลับทันควัน
“ได้ยังไงกันล่ะราชันย์! ลูกชายแม่กลับไทยทั้งที จะให้แค่นั่งกินข้าวเฉยๆได้ยังไง ต้องจัดงานต้อนรับให้สมเกียรติสิ”
ราชันย์หลับตากดขมับ เพื่อนทั้งสองแอบยกแก้วน้ำขึ้นจิบกลั้นหัวเราะ กับสภาพเพื่อนมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ที่กลายเป็นแค่ลูกชายที่โดนแม่บ่นแบบไม่เหลือฟอร์ม
ราชันย์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนรับคำสั้นๆอย่างรู้ดีว่าห้ามขัดใจแม่
“ครับแม่”
“งั้นเย็นนี้รีบกลับนะ แม่จะได้จัดงานเลี้ยงรอ”
“ครับแม่”
เมื่อเสียงปลายสายเงียบลง เขาก็กดวางทันทีโดยไม่ลังเล
คีรินมองแล้วหลุดยิ้มมุมปาก
“แม่มึงเร่งแล้วสินะ”
“อืม”
“ก็แน่อยู่แล้วปะวะ ลูกชายกลับมาทั้งที ไม่ได้เจอตั้งนาน ใครจะไม่คิดถึงมึงบ้างล่ะ”
อัคนีเสริม ทั้งที่มือยังตักอาหารเข้าปากไปด้วย
ราชันย์พยักหน้ารับอย่างไม่สบอารมณ์ แต่แววตายอมรับกลายๆว่าแม่โทรมากี่ที เขาก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่ดี
“ไว้กินเสร็จเดี๋ยวกูกลับแล้ว ถ้าอีกชั่วโมงไม่เห็นกูโผล่ถึงบ้าน แม่กูโทรมาซ้ำอีกแน่”
อัคนีหัวเราะ
“จริงๆมึงก็ควรกลับไปหาท่านตั้งแต่ตอนลงเครื่องแล้วไหมวะ แต่ดันไปนอนกับผู้หญิงก่อนเจอแม่เนี่ย มึงนี่มันเกินไปจริงๆ”
ราชันย์ยกมุมปากขึ้น รอยยิ้มกวนๆ ที่มีแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่เห็น
“หึ! ของมันต้องมีเว้ย”
ประโยคนั้นทำเอาเพื่อนทั้งสองหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน ราวกับราชันย์ลืมเรื่องวุ่นวายเมื่อคืนไปชั่วขณะ เหลือเพียงตัวตนแบบเดิม ชายผู้เย็นชา ดิบ และร้ายกาจ
บ้านคุณหญิงจันทร์วาด
“ป้าทับทิม”
“ขาาา~ คุณผู้หญิง”
ป้าทับทิมรีบเดินตรงเข้ามาทันที ที่ได้ยินเสียงเรียกของคุณหญิงจันทร์วาด
“ตะราชันย์กลับมาแล้วนะ ห้องของราชันย์เป็นยังไงบ้าง ให้เด็กๆไปทำความสะอาดให้เรียบร้อยหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณผู้หญิง”
ป้าทับทิมตอบอย่างนอบน้อม
“ดีมาก…เออ! แล้วเย็นนี้อย่าลืมจัดโต๊ะอาหารที่สนามหญ้าหน้าบ้านด้วยนะ”
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง ต้องการให้ตั้งกี่ที่ดีคะ”
คุณหญิงจันทร์วาดขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางคิดถึงนิสัยลูกชาย
“อืม…สักห้าหกที่ก็พอ ฉันไม่เชิญใครน่ะ ตะราชันย์ไม่ชอบความเอิกเกริกนัก เดี๋ยวหาว่าฉันจัดให้ใหญ่โตแล้วจะบ่นฉันอีก”
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง”
ป้าทับทิมรับคำ พร้อมทั้งก้มหัวเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินไปจัดการทุกอย่างตามคำสั่งอย่างคล่องแคล่ว
บรรยากาศภายในคฤหาสน์เริ่มคึกคักขึ้นทันที เมื่อข่าวว่าราชันย์ลูกชายคนเล็กของบ้าน กำลังจะกลับถึงบ้านเย็นนี้ ข่าวแพร่กระจายไปทั่วบ้านหลังใหญ่อย่างรวดเร็ว และทุกคนต่างก็ดีใจไม่ต่างจากคุณหญิงจันทร์วาดเลย
“จุ๊บแจง เรื่องที่ป้าให้ไปดูแลห้องของคุณราชันย์ เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม”
ป้าทับทิมถามทันทีที่เห็นจุ๊บแจงเดินผ่านมา สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรอบคอบและกังวลเล็กๆ เพราะไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ในวันที่คุณราชันย์กลับบ้าน
“เรียบร้อยแล้วค่ะป้า ทุกอย่างจัดไว้ตามเดิม ไม่มีอะไรตกหล่นค่ะ”
“อืม…ดีมาก”
ป้าทับทิมพยักหน้าอย่างโล่งใจ แต่ก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า
“งั้นไปช่วยป้าบอกคนสวน ให้มาจัดโต๊ะที่สนามหญ้าหน้าบ้านหน่อยเร็ว เผื่อช่วยกันดู จะได้จัดเสร็จทันเวลาก่อนคุณราชันย์มาถึง”
“ได้ค่ะป้า”
จุ๊บแจงรีบตอบรับ ก่อนจะเดินตามป้าทับทิมไปทันทีด้วยท่าทางเร่งรีบ
ทั้งสองรู้ดีว่า ค่ำคืนนี้สำคัญสำหรับบ้านหลังนี้แค่ไหน และยิ่งเป็นงานต้อนรับลูกชายคนเล็กของคุณหญิงจันทร์วาด ความผิดพลาดคือสิ่งที่ไม่มีใครกล้าให้เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย
“อะไรกันครับเนี่ย ดูครึกครื้นกันจังเลย”
เตโชลูกชายคนโตของคุณหญิงจันทร์วาดเอ่ยขึ้น ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน สายตาคมกวาดมองไปรอบตัว เห็นแม่บ้านเดินวุ่นไปมาทั้งบ้าน จนบรรยากาศบ้านดูต่างจากปกติอย่างชัดเจน
คุณหญิงจันทร์วาดหันกลับมายิ้มอ่อน
“ก็จะอะไรล่ะลูก เย็นนี้แม่จะจัดโต๊ะเลี้ยงต้อนรับน้องชายเราไง”
เตโชเลิกคิ้วขึ้นทันที
“โห…ต้องจัดใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอแม่”
คุณหญิงหัวเราะเบาๆ
“ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนี่นา แม่เชิญมาแค่ไม่กี่คนเอง ก็คุณลุงชาริตกับคุณป้าดรุณีแค่นั้น เขาสองคนรอน้องชายแกกลับมาเป็นปีๆแล้ว ถ้ารู้ว่าหลานชายคนเล็กกลับมาแล้วคงดีใจแย่”
เตโชส่ายหน้าเบาๆพลางยิ้มขำ
“ครับแม่ แต่ราชันย์รู้ใช่ไหมครับว่าแม่กำลังจะจัดต้องรับ"
คุณหญิงย่นหัวคิ้วอย่างไม่เดือดร้อน
"รู้สิลูก แต่แม่ก็จัดแค่เล็กๆสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้นแหละลูก"
"อ้อครับ ดีแล้วครับเพราะเจ้านั้นไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายอยู่แล้ว ผมว่าเชิญแค่คุณลุงกับคุณป้าก็น่าจะพอแล้วนะครับ"
"ใช่จ้ะลูก แม่ก็เชิญแค่คนลุงกับคุณป้านั่นแหละ"
เตโชยิ้มขำๆ เพราะเขารู้ดีว่ายังไงน้องชายก็ไม่ชอบแน่ๆ ที่แม่ทำให้บ้านดูครึกครื้นขนาดนี้ เพราะน้องชายตัวดีของเขาชอบอะไรที่เรียบๆไม่วุ่นวาย