บทที่ 02
ไม่อยากขัดใจพ่อ [3]
“อืม คนนี้แหละ”
“ว่าแล้ว ของจริงล่ะสิ” เฟิร์สถึงกับตบเข่าเสียงดังเมื่อสิ่งที่เขาเองก็คาดเดาเอาไว้มันถูกจริงๆ ก่อนจะต้องรีบลอบมองกลับไปทางด้านหลังเพราะกลัวว่าณาลัลน์จะมาได้ยินเข้า คงไม่ดีแน่ถ้าเธอจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอคือผู้หญิงที่ศิลาแอบมองมาตลอด
“ก็ถ้าจะขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่เปิดตัวไปเลยวะ ลังเลอะไร”
“ง่ายแบบนั้นก็ดีน่ะสิ กับคนนี้พลาดไม่ได้เลยนะ พ่อเอาตาย”
“อ้อ ลืมไปว่าคนโปรดคุณประมุข แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอวะ มีพ่อปูทางให้ จะไม่ได้เสียเวลา”
“ไอ้ดีมันก็ดี แต่ถ้าเกิดว่าไปกันไม่รอดเนี่ย ลำบากทั้งคู่เลยนะไอ้เฟียร์ส” ศิลาบอกอย่างนึกกังวล
หากไม่กลัวว่าเขาจะเป็นคนทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวต้องสะบั้นลงแล้วล่ะก็ เขาจะไม่คิดมากแบบนี้เลย อยากได้เธอจนตัวสั่น เมื่อคืนกว่าจะหักห้ามใจได้เขาก็ต้องนั่งพิมพ์เอกสารมาเซ็นเล่นจนหมดกระดาษไปเป็นรีมๆ ถือโอกาสตรวจงานเก่าๆ ก็แล้ว กว่าจะเช้าเขาก็แทบเป็นบ้า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องอดกลั้นความอยากเอาไว้มากขนาดนี้มาก่อน
“ก็จริงของนาย แล้วแบบนี้นายจะทำยังไง คิดเอาไว้รึยัง ฉันว่าท่าทางน้องลัลน์เขาก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังนายอยู่นะ”
“น้องลัลน์ก็ชอบฉัน”
“ก็ลงตัวเลยสิ”
“ไม่ จนกว่าฉันจะแน่ใจว่ามันจะไม่เกิดปัญหาทีหลัง ฉันไม่อยากทำให้น้องลัลน์เสียใจ”
“โอ้โห ผีสุภาพบุรุษเข้าสิงกันเลยทีเดียว”
“พวกนายอย่าทำอะไรมีพิรุธก็แล้วกัน เดี๋ยวน้องลัลน์สงสัย ฉันอยากจะลองปล่อยให้เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ไปก่อน” ศิลาตัดสินใจเอาไว้อย่างนั้นและยังไม่คิดจะเปลี่ยนใจ
“เออ แต่จะเตือนเอาไว้หน่อยก็แล้วกันว่าระวังเหยื่อจะหลุดมือ”
“ไม่หรอก”
“พูดเป็นเล่นไป น้องลัลน์เขาไม่ใช่ของตายนะเว้ย ทั้งสาว ทั้งสวยขนาดนั้น ถ้าเจอกันที่อื่นก็มีมองเหมือนกัน”
“คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ” ณาลัลน์เดินกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มพอดี ทำเอาศิลากับเพื่อนต้องตีหน้าขรึมใส่กันทันที
“น้องลัลน์”
“อ้าว สวัสดีค่ะพี่ปิติ แวะมาทานสเต๊กเหมือนกันเหรอคะ” ไม่ทันที่ณาลัลน์จะได้นั่งลงข้างศิลา ปิติที่เดินเข้าร้านมาพอดีก็ตะโกนเรียกเธอเอาไว้เสียก่อน เธอก็หันไปส่งยิ้มให้เขาต่อหน้าต่อตาศิลาที่ขยับตัวเก้อรอให้เธอนั่งลงข้างๆ
“ครับ แล้วนี่น้องลัลน์มากับใคร อ้อ สวัสดีครับ” ปิติ เอ่ยทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม ไม่เฉพาะแค่เฉพาะศิลา
แม้แวบแรกรอยยิ้มของเขาจะกว้างกว่านี้แต่ศิลาก็ไม่ได้คิดจะสนใจเพราะเขากำลังสนใจรอยยิ้มกว้างๆ ของณาลัลน์มากกว่า ทำยังไงเธอถึงจะเลิกยิ้มเหมือนดีใจที่ได้เห็นผู้ชายคนอื่นแบบนั้นกันนะ
“แล้วพี่ปิติละคะ มากับใครเอ่ย”
“จะใครเสียอีกล่ะ”
“พี่หมอบาสเหรอคะ”
“อืม มันเพิ่งออกเวร โทรตามพี่มาเลี้ยงข้าว” ปิติบอกยิ้มๆ
ศิลานึกไม่ชอบใจเพราะเขาไม่รู้เลยว่าณาลัลน์กับปิติกำลังพูดถึงใครกันอยู่ ทำไมเธอถึงได้หน้าบานอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้น
“ลัลน์อยากเจอพี่หมอบาสจังเลยค่ะ”
“มันบอกว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับ เมื่อกี้ตอนคุยกันมันกำลังลงจากตึก ขอแวะเอาของไปเก็บที่คอนโดก่อน ให้พี่สั่งอาหารไว้รอเลยเพราะมันหิวมาก น้องลัลน์รอเจอมันก่อนก็ได้นะคะ”
“เอ่อ...” ณาลัลน์อึกอัก เธอหันไปมองหน้าศิลานิดหน่อยเพราะรู้สึกเกรงใจเขา
“เชิญน้องลัลน์ตามสบายครับ”
เป็นเฟียร์สที่เอ่ยปากเพราะทนรำคาญความเล่นตัวของเพื่อนไม่ไหว หวงเก่งขนาดนี้แต่ทำเป็นก้มหน้าไม่สนใจ เดี๋ยวเขาจะแกล้งปั่นให้อกแตกตายไปเสียเลย
“งั้นเดี๋ยวลัลน์ตามไปนะคะ”
“ได้ครับ ว่าแต่น้องลัลน์ยังชอบกินปลาอยู่รึเปล่าครับ”
คำถามของปิติทำให้ศิลากำมีดหั่นสเต๊กแน่น เขาจำได้ว่าตอนถามเธอว่ากินเนื้อไหม เธอตอบเขาว่าของโปรดแต่ทำไมปิติถึงพูดเหมือนว่าเธอชอบกินสเต๊กปลา
“ไม่ค่อยแล้วค่ะ ตอนไปญี่ปุ่นคราวก่อนยัยแพตมันชวนกินเนื้อ โอโห หลังจากนั้นก็หาทางออกจากวงการเนื้อไม่ได้เลย”
“งั้นเดี๋ยวพี่สั่ง...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลัลน์สั่งแล้วเรียบร้อย เอาเป็นว่าเดี๋ยวลัลน์ตามไปนะคะ ขอทานก่อนแป๊บหนึ่ง หิวจะแย่”
“อ้อ ได้ครับ ไม่เป็นไร”
“พี่ปิติคะ”
“ครับน้องลัลน์”
“เรื่องเมื่อคืน...”
“ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ พี่นี่ตอบคำถามลูกค้าไม่ได้หยุดจนปิดร้าน ฮ็อตแล้วหนึ่ง”
“ของมันแน่อยู่แล้วค่ะ ลัลน์ไปนะคะ เดี๋ยวพี่หมอบาสมาแล้วลัลน์แวะไปที่โต๊ะค่ะ” ณาลัลน์บอกยิ้มๆ ก่อนจะโบกมือลาปิติที่เดินแยกไปจับจองโต๊ะทางด้านใน ส่วนเธอก็กลับมานั่งลงที่ข้างๆ ศิลาตามเดิม
ทว่านั่งลงได้สักพัก ณาลัลน์กลับรู้สึกว่าบรรยากาศที่โต๊ะอาหารดูไม่สนุกสนามเหมือนเคย ศิลาก็เอาแต่หั่นสเต๊กใส่ปาก ไม่พูดไม่จา แถมยังดื่มไวน์หมดแก้วไวกว่าปกติ
“พี่จากัวร์ไม่สบายรึเปล่าคะ”
“พี่นึกขึ้นได้ว่าลืมเซ็นเอกสารส่งให้พ่อน่ะค่ะ น้องลัลน์รีบทานนะคะ พี่รีบกลับ”
ข้ออ้างของศิลาทำเอาเพื่อนฝาแฝดกลั้นขำ เตะขากันเบาๆ ส่งสัญญาณให้เริ่มปั่นอีกรอบ
“ถ้านายรีบ นายกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันแวะไปส่งน้องลัลน์ให้ ฉันจะแวะไปซื้อของแถวนั้นพอดี ยังไงก็ต้องผ่านคอนโดนายอยู่แล้ว”
“ไม่ต้อง น้องลัลน์ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมรถคนอื่น แปลกกลิ่นแล้วจะเมารถ”
ณาลัลน์เบิกตาโพลงเมื่อได้ยิน จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้โกหกแต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องนั้นของเธอได้
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นน้องลัลน์รีบทานเถอะครับ เดี๋ยวจะโดนเสือดุเนอะ”
“ค่ะ แฮ่” ณาลัลน์ยิ้มแห้งอย่างรู้งาน ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตากินสเต๊กในจานจนหมดเรียบ รวมถึงรับผิดชอบอาหารทุกอย่างที่เธอเป็นคนสั่งมาแบบไม่มีเหลือ
“กลับเถอะครับ พี่รีบ” ศิลาเอ่ยปากเมื่อเห็นณาลัลน์ทานอาหารจนอิ่มเรียบร้อย เธอมีท่าทีอึกอัก แม้จะไม่ได้อยากขัดใจศิลาแต่ก็นัดกับปิติเอาไว้แล้วนี่นา
“ลัลน์ขอเดินไปบอกพี่ปิติก่อนได้ไหมคะว่าจะกลับแล้ว เผื่อเขารออยู่”
“เดี๋ยวไปโทรบอกในรถก็ได้ค่ะ” ศิลาตัดบท แม้ในใจจะร้อนรุ่มแต่ก็ยังพยายามรักษาระดับน้ำเสียงเอาไว้เป็นอย่างดี
“ก็ได้ค่ะ งั้นเรากลับกันเลยก็แล้วกันนะคะ”
ท่าทีสดใสและยังคงไม่รู้อีโหน่อีเหน่ของเธอทำเอาเฟิร์สกับเฟียร์สกลั้นขำกันจนท้องแข็ง
ศิลาเอื้อมมือไปรั้งข้อมือของณาลัลน์แล้วจูงเธอเดินกลับออกจากร้านทันที ส่วนกระเป๋าของเธอเขาก็เป็นคนถือให้เพราะตั้งใจจะไม่คืนให้เธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“พี่จากัวร์โกรธอะไรลัลน์รึเปล่าคะ”
“เปล่านี่คะ”
“แล้วทำไมพี่ทำหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะคะ หรือว่าอาหารไม่อร่อย”
“เปล่าค่ะ”
“รสชาติไวน์ไม่ดีเหรอคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“พี่หวงน้องลัลน์ค่ะ” ศิลาหันไปบอกตรงๆ ณาลัลน์ถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้ยิน ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเขาจะพูดคำนั้นออกมา
“พี่ดูออกค่ะว่าเขาคนนั้นชอบน้องลัลน์ ไม่ใช่แค่ในฐานะของรุ่นพี่รุุ่นน้อง แต่ชอบแบบชู้สาว”
“เอ่อ ละ แล้วยังไงคะ” เธอถามกลับมาตะกุกตะกัก แต่กลับทำให้ศิลาหน้าชาไปครึ่งซีก
“พี่ไม่อยากให้ใครมาจีบน้องสาวพี่ค่ะ ถ้าจะจีบ ต้องผ่านพี่ก่อน”
“อะไรนะคะ”
“น้องลัลน์เป็นน้องสาวพี่นะคะ อีกอย่างน้องลัลน์ก็รู้ว่าพ่อพี่อยากได้น้องลัลน์เป็นสะใภ้แค่ไหน ช่วงนี้พี่ไม่อยากขัดใจพ่อให้เกิดปัญหา แต่ก็ไม่ได้อยากจะทำให้น้องลัลน์เสียโอกาส เพราะฉะนั้นถ้าน้องลัลน์จะมีแฟน ต้องปรึกษาพี่ก่อนนะคะ” ศิลาสรรหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง แม้ณาลัลน์จะยังไม่เข้าใจนักแต่ก็กำลังค่อยๆ คิดตาม
“ต่อไปนี้ถ้าน้องลัลน์จะไปไหนมาไหนก็ให้ไปกับพี่ แล้วถ้าเป็นไปได้ อย่าเพิ่งคุยกับใครออกนอกหน้านอกตาจนกว่าพี่จะกล่อมพ่อให้ล้มเลิกความตั้งใจที่จับเราแต่งงานกันสำเร็จ”
“ค่ะ” ณาลัลน์ตอบอึ้งๆ เธอไม่เข้าใจความคิดของศิลาเลยสักนิด เรื่องเดียวที่เธอพอจะมั่นใจได้จากคำพูดของเขาก็คือเขาชัดเจนแล้วว่ายังไงก็จะไม่แต่งงานกับเธอ
ถึงเธอจะชอบเขา แต่การแต่งงานมันเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ ที่ผ่านมาเธอพยายามบอกตัวเองให้ยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้มาตลอด
“ถ้าอย่างนั้นลัลน์ขอโทรบอกพี่ปิติก่อนแล้วกันนะคะ” ณาลัลน์ตัดบทก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาปิติ พูดกันแค่ไม่กี่คำเพราะเธอต้องการบอกแค่ว่าเธอรีบกลับและคงไม่ได้อยู่รอพบพี่หมอบาส จากนั้นก็กดวางสายทันที
“น้องลัลน์โกรธพี่รึเปล่าคะ”
“ปะ เปล่าค่ะ ลัลน์จะไปโกรธพี่ทำไมล่ะคะ ลัลน์เข้าใจค่ะว่าพี่เองก็คงอึดอัดที่ต้องถูกคุณลุงบังคับให้แต่งงานกับลัลน์เหมือนกัน”
“เรื่องนั้น...”
“เอาเป็นว่าลัลน์จะลองช่วยพูดกับคุณลุงอีกทางก็แล้วกันนะคะ” ณาลัลน์บอกยิ้มๆ แม้หัวใจของเธอจะเจ็บช้ำเธอก็ยืนยันว่าจะไม่บังคับหรือยัดเยียดความรู้สึกของเธอให้กับเขาเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมาเธอก็ทำได้ดีมาเสมอ
ในขณะที่ศิลารู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรพลาดไป เขาอยากได้เธอใจจะขาดแล้ว หวงเธอจนหน้ามืดแต่กลับพูดจาทำร้ายจิตใจเธอทั้งที่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขา
ปกติแล้วเวลาอยากได้ใคร เพียงใช้สายตามองแล้วรู้ว่าอีกฝ่ายคิดตรงกัน ไม่เกินสามชั่วโมงเขามักจะได้สมใจเสมอ แต่พอเป็นเธอ แค่ยอมรับกับตัวเองว่าอยากได้ยังใช้เวลาตั้งครึ่งค่อนคืน ทำไมมันเหมือนจะง่ายแต่ยากแบบนี้กันนะ!