บทที่ 02 ไม่อยากขัดใจพ่อ [3]

1871 คำ
บทที่ 02 ไม่อยากขัดใจพ่อ [3] “อืม คนนี้แหละ” “ว่าแล้ว ของจริงล่ะสิ” เฟิร์สถึงกับตบเข่าเสียงดังเมื่อสิ่งที่เขาเองก็คาดเดาเอาไว้มันถูกจริงๆ ก่อนจะต้องรีบลอบมองกลับไปทางด้านหลังเพราะกลัวว่าณาลัลน์จะมาได้ยินเข้า คงไม่ดีแน่ถ้าเธอจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอคือผู้หญิงที่ศิลาแอบมองมาตลอด “ก็ถ้าจะขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่เปิดตัวไปเลยวะ ลังเลอะไร” “ง่ายแบบนั้นก็ดีน่ะสิ กับคนนี้พลาดไม่ได้เลยนะ พ่อเอาตาย” “อ้อ ลืมไปว่าคนโปรดคุณประมุข แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอวะ มีพ่อปูทางให้ จะไม่ได้เสียเวลา” “ไอ้ดีมันก็ดี แต่ถ้าเกิดว่าไปกันไม่รอดเนี่ย ลำบากทั้งคู่เลยนะไอ้เฟียร์ส” ศิลาบอกอย่างนึกกังวล หากไม่กลัวว่าเขาจะเป็นคนทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวต้องสะบั้นลงแล้วล่ะก็ เขาจะไม่คิดมากแบบนี้เลย อยากได้เธอจนตัวสั่น เมื่อคืนกว่าจะหักห้ามใจได้เขาก็ต้องนั่งพิมพ์เอกสารมาเซ็นเล่นจนหมดกระดาษไปเป็นรีมๆ ถือโอกาสตรวจงานเก่าๆ ก็แล้ว กว่าจะเช้าเขาก็แทบเป็นบ้า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องอดกลั้นความอยากเอาไว้มากขนาดนี้มาก่อน “ก็จริงของนาย แล้วแบบนี้นายจะทำยังไง คิดเอาไว้รึยัง ฉันว่าท่าทางน้องลัลน์เขาก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังนายอยู่นะ” “น้องลัลน์ก็ชอบฉัน” “ก็ลงตัวเลยสิ” “ไม่ จนกว่าฉันจะแน่ใจว่ามันจะไม่เกิดปัญหาทีหลัง ฉันไม่อยากทำให้น้องลัลน์เสียใจ” “โอ้โห ผีสุภาพบุรุษเข้าสิงกันเลยทีเดียว” “พวกนายอย่าทำอะไรมีพิรุธก็แล้วกัน เดี๋ยวน้องลัลน์สงสัย ฉันอยากจะลองปล่อยให้เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ไปก่อน” ศิลาตัดสินใจเอาไว้อย่างนั้นและยังไม่คิดจะเปลี่ยนใจ “เออ แต่จะเตือนเอาไว้หน่อยก็แล้วกันว่าระวังเหยื่อจะหลุดมือ” “ไม่หรอก” “พูดเป็นเล่นไป น้องลัลน์เขาไม่ใช่ของตายนะเว้ย ทั้งสาว ทั้งสวยขนาดนั้น ถ้าเจอกันที่อื่นก็มีมองเหมือนกัน” “คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ” ณาลัลน์เดินกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มพอดี ทำเอาศิลากับเพื่อนต้องตีหน้าขรึมใส่กันทันที “น้องลัลน์” “อ้าว สวัสดีค่ะพี่ปิติ แวะมาทานสเต๊กเหมือนกันเหรอคะ” ไม่ทันที่ณาลัลน์จะได้นั่งลงข้างศิลา ปิติที่เดินเข้าร้านมาพอดีก็ตะโกนเรียกเธอเอาไว้เสียก่อน เธอก็หันไปส่งยิ้มให้เขาต่อหน้าต่อตาศิลาที่ขยับตัวเก้อรอให้เธอนั่งลงข้างๆ “ครับ แล้วนี่น้องลัลน์มากับใคร อ้อ สวัสดีครับ” ปิติ เอ่ยทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม ไม่เฉพาะแค่เฉพาะศิลา แม้แวบแรกรอยยิ้มของเขาจะกว้างกว่านี้แต่ศิลาก็ไม่ได้คิดจะสนใจเพราะเขากำลังสนใจรอยยิ้มกว้างๆ ของณาลัลน์มากกว่า ทำยังไงเธอถึงจะเลิกยิ้มเหมือนดีใจที่ได้เห็นผู้ชายคนอื่นแบบนั้นกันนะ “แล้วพี่ปิติละคะ มากับใครเอ่ย” “จะใครเสียอีกล่ะ” “พี่หมอบาสเหรอคะ” “อืม มันเพิ่งออกเวร โทรตามพี่มาเลี้ยงข้าว” ปิติบอกยิ้มๆ ศิลานึกไม่ชอบใจเพราะเขาไม่รู้เลยว่าณาลัลน์กับปิติกำลังพูดถึงใครกันอยู่ ทำไมเธอถึงได้หน้าบานอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้น “ลัลน์อยากเจอพี่หมอบาสจังเลยค่ะ” “มันบอกว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับ เมื่อกี้ตอนคุยกันมันกำลังลงจากตึก ขอแวะเอาของไปเก็บที่คอนโดก่อน ให้พี่สั่งอาหารไว้รอเลยเพราะมันหิวมาก น้องลัลน์รอเจอมันก่อนก็ได้นะคะ” “เอ่อ...” ณาลัลน์อึกอัก เธอหันไปมองหน้าศิลานิดหน่อยเพราะรู้สึกเกรงใจเขา “เชิญน้องลัลน์ตามสบายครับ” เป็นเฟียร์สที่เอ่ยปากเพราะทนรำคาญความเล่นตัวของเพื่อนไม่ไหว หวงเก่งขนาดนี้แต่ทำเป็นก้มหน้าไม่สนใจ เดี๋ยวเขาจะแกล้งปั่นให้อกแตกตายไปเสียเลย “งั้นเดี๋ยวลัลน์ตามไปนะคะ” “ได้ครับ ว่าแต่น้องลัลน์ยังชอบกินปลาอยู่รึเปล่าครับ” คำถามของปิติทำให้ศิลากำมีดหั่นสเต๊กแน่น เขาจำได้ว่าตอนถามเธอว่ากินเนื้อไหม เธอตอบเขาว่าของโปรดแต่ทำไมปิติถึงพูดเหมือนว่าเธอชอบกินสเต๊กปลา “ไม่ค่อยแล้วค่ะ ตอนไปญี่ปุ่นคราวก่อนยัยแพตมันชวนกินเนื้อ โอโห หลังจากนั้นก็หาทางออกจากวงการเนื้อไม่ได้เลย” “งั้นเดี๋ยวพี่สั่ง...” “ไม่เป็นไรค่ะ ลัลน์สั่งแล้วเรียบร้อย เอาเป็นว่าเดี๋ยวลัลน์ตามไปนะคะ ขอทานก่อนแป๊บหนึ่ง หิวจะแย่” “อ้อ ได้ครับ ไม่เป็นไร” “พี่ปิติคะ” “ครับน้องลัลน์” “เรื่องเมื่อคืน...” “ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ พี่นี่ตอบคำถามลูกค้าไม่ได้หยุดจนปิดร้าน ฮ็อตแล้วหนึ่ง” “ของมันแน่อยู่แล้วค่ะ ลัลน์ไปนะคะ เดี๋ยวพี่หมอบาสมาแล้วลัลน์แวะไปที่โต๊ะค่ะ” ณาลัลน์บอกยิ้มๆ ก่อนจะโบกมือลาปิติที่เดินแยกไปจับจองโต๊ะทางด้านใน ส่วนเธอก็กลับมานั่งลงที่ข้างๆ ศิลาตามเดิม ทว่านั่งลงได้สักพัก ณาลัลน์กลับรู้สึกว่าบรรยากาศที่โต๊ะอาหารดูไม่สนุกสนามเหมือนเคย ศิลาก็เอาแต่หั่นสเต๊กใส่ปาก ไม่พูดไม่จา แถมยังดื่มไวน์หมดแก้วไวกว่าปกติ “พี่จากัวร์ไม่สบายรึเปล่าคะ” “พี่นึกขึ้นได้ว่าลืมเซ็นเอกสารส่งให้พ่อน่ะค่ะ น้องลัลน์รีบทานนะคะ พี่รีบกลับ” ข้ออ้างของศิลาทำเอาเพื่อนฝาแฝดกลั้นขำ เตะขากันเบาๆ ส่งสัญญาณให้เริ่มปั่นอีกรอบ “ถ้านายรีบ นายกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันแวะไปส่งน้องลัลน์ให้ ฉันจะแวะไปซื้อของแถวนั้นพอดี ยังไงก็ต้องผ่านคอนโดนายอยู่แล้ว” “ไม่ต้อง น้องลัลน์ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมรถคนอื่น แปลกกลิ่นแล้วจะเมารถ” ณาลัลน์เบิกตาโพลงเมื่อได้ยิน จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้โกหกแต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องนั้นของเธอได้ “อ้อ ถ้าอย่างนั้นน้องลัลน์รีบทานเถอะครับ เดี๋ยวจะโดนเสือดุเนอะ” “ค่ะ แฮ่” ณาลัลน์ยิ้มแห้งอย่างรู้งาน ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตากินสเต๊กในจานจนหมดเรียบ รวมถึงรับผิดชอบอาหารทุกอย่างที่เธอเป็นคนสั่งมาแบบไม่มีเหลือ “กลับเถอะครับ พี่รีบ” ศิลาเอ่ยปากเมื่อเห็นณาลัลน์ทานอาหารจนอิ่มเรียบร้อย เธอมีท่าทีอึกอัก แม้จะไม่ได้อยากขัดใจศิลาแต่ก็นัดกับปิติเอาไว้แล้วนี่นา “ลัลน์ขอเดินไปบอกพี่ปิติก่อนได้ไหมคะว่าจะกลับแล้ว เผื่อเขารออยู่” “เดี๋ยวไปโทรบอกในรถก็ได้ค่ะ” ศิลาตัดบท แม้ในใจจะร้อนรุ่มแต่ก็ยังพยายามรักษาระดับน้ำเสียงเอาไว้เป็นอย่างดี “ก็ได้ค่ะ งั้นเรากลับกันเลยก็แล้วกันนะคะ” ท่าทีสดใสและยังคงไม่รู้อีโหน่อีเหน่ของเธอทำเอาเฟิร์สกับเฟียร์สกลั้นขำกันจนท้องแข็ง ศิลาเอื้อมมือไปรั้งข้อมือของณาลัลน์แล้วจูงเธอเดินกลับออกจากร้านทันที ส่วนกระเป๋าของเธอเขาก็เป็นคนถือให้เพราะตั้งใจจะไม่คืนให้เธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว “พี่จากัวร์โกรธอะไรลัลน์รึเปล่าคะ” “เปล่านี่คะ” “แล้วทำไมพี่ทำหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะคะ หรือว่าอาหารไม่อร่อย” “เปล่าค่ะ” “รสชาติไวน์ไม่ดีเหรอคะ” “ไม่ใช่ค่ะ” “ถ้าอย่างนั้น...” “พี่หวงน้องลัลน์ค่ะ” ศิลาหันไปบอกตรงๆ ณาลัลน์ถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้ยิน ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเขาจะพูดคำนั้นออกมา “พี่ดูออกค่ะว่าเขาคนนั้นชอบน้องลัลน์ ไม่ใช่แค่ในฐานะของรุ่นพี่รุุ่นน้อง แต่ชอบแบบชู้สาว” “เอ่อ ละ แล้วยังไงคะ” เธอถามกลับมาตะกุกตะกัก แต่กลับทำให้ศิลาหน้าชาไปครึ่งซีก “พี่ไม่อยากให้ใครมาจีบน้องสาวพี่ค่ะ ถ้าจะจีบ ต้องผ่านพี่ก่อน” “อะไรนะคะ” “น้องลัลน์เป็นน้องสาวพี่นะคะ อีกอย่างน้องลัลน์ก็รู้ว่าพ่อพี่อยากได้น้องลัลน์เป็นสะใภ้แค่ไหน ช่วงนี้พี่ไม่อยากขัดใจพ่อให้เกิดปัญหา แต่ก็ไม่ได้อยากจะทำให้น้องลัลน์เสียโอกาส เพราะฉะนั้นถ้าน้องลัลน์จะมีแฟน ต้องปรึกษาพี่ก่อนนะคะ” ศิลาสรรหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง แม้ณาลัลน์จะยังไม่เข้าใจนักแต่ก็กำลังค่อยๆ คิดตาม “ต่อไปนี้ถ้าน้องลัลน์จะไปไหนมาไหนก็ให้ไปกับพี่ แล้วถ้าเป็นไปได้ อย่าเพิ่งคุยกับใครออกนอกหน้านอกตาจนกว่าพี่จะกล่อมพ่อให้ล้มเลิกความตั้งใจที่จับเราแต่งงานกันสำเร็จ” “ค่ะ” ณาลัลน์ตอบอึ้งๆ เธอไม่เข้าใจความคิดของศิลาเลยสักนิด เรื่องเดียวที่เธอพอจะมั่นใจได้จากคำพูดของเขาก็คือเขาชัดเจนแล้วว่ายังไงก็จะไม่แต่งงานกับเธอ ถึงเธอจะชอบเขา แต่การแต่งงานมันเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ ที่ผ่านมาเธอพยายามบอกตัวเองให้ยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้มาตลอด “ถ้าอย่างนั้นลัลน์ขอโทรบอกพี่ปิติก่อนแล้วกันนะคะ” ณาลัลน์ตัดบทก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาปิติ พูดกันแค่ไม่กี่คำเพราะเธอต้องการบอกแค่ว่าเธอรีบกลับและคงไม่ได้อยู่รอพบพี่หมอบาส จากนั้นก็กดวางสายทันที “น้องลัลน์โกรธพี่รึเปล่าคะ” “ปะ เปล่าค่ะ ลัลน์จะไปโกรธพี่ทำไมล่ะคะ ลัลน์เข้าใจค่ะว่าพี่เองก็คงอึดอัดที่ต้องถูกคุณลุงบังคับให้แต่งงานกับลัลน์เหมือนกัน” “เรื่องนั้น...” “เอาเป็นว่าลัลน์จะลองช่วยพูดกับคุณลุงอีกทางก็แล้วกันนะคะ” ณาลัลน์บอกยิ้มๆ แม้หัวใจของเธอจะเจ็บช้ำเธอก็ยืนยันว่าจะไม่บังคับหรือยัดเยียดความรู้สึกของเธอให้กับเขาเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมาเธอก็ทำได้ดีมาเสมอ ในขณะที่ศิลารู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรพลาดไป เขาอยากได้เธอใจจะขาดแล้ว หวงเธอจนหน้ามืดแต่กลับพูดจาทำร้ายจิตใจเธอทั้งที่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขา ปกติแล้วเวลาอยากได้ใคร เพียงใช้สายตามองแล้วรู้ว่าอีกฝ่ายคิดตรงกัน ไม่เกินสามชั่วโมงเขามักจะได้สมใจเสมอ แต่พอเป็นเธอ แค่ยอมรับกับตัวเองว่าอยากได้ยังใช้เวลาตั้งครึ่งค่อนคืน ทำไมมันเหมือนจะง่ายแต่ยากแบบนี้กันนะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม