บทที่ 02
ไม่อยากขัดใจพ่อ [1]
“พี่จากัวร์!”
เสียงตะโกนของณาลัลน์ทำให้ศิลาต้องละสายตาออกจากเอกสารที่เขาเพิ่งจะพิมพ์ออกมา วางปากกาในมือลงแล้วเพ่งมองไปที่หญิงสาวที่วิ่งออกมาจากห้องนอนของเขาด้วยใบหน้าและสายตาตื่นตระหนก
“นี่พี่ทำ...” เธอเว้นช่องว่างเอาไว้เหมือนจะไม่กล้าพูดมันออกมา แต่ศิลาพอจะเดาได้ว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร
“ค่ะ”
“นี่พี่...ทำ...”
“ค่ะ พี่ทำ”
“พี่!”
“พี่ทำทั้งคืนเลยค่ะ”
ตุ้บ!
“มะ ไม่จริง” เสียงรำพึงรำพันของณาลัลน์ทำเอาศิลาอยากจะหัวเราะ ติดตรงที่ยังอยากจะแกล้งเธอต่ออีกสักหน่อย คราวหน้าคราวหลังเธอจะได้ดื่มแบบพอประมาณ ไม่ใช่เมาจนจำอะไรไม่ได้เลยแบบนี้
เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ตัวหรอกว่าเกิดหรือไม่เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่น่าจะยังไม่แน่ใจ บวกกับก่อนหน้านี้ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาเธอก็คงดูไม่น่าไว้ใจเท่าไรนักเท่านั้นเอง
“บ้าจริง”
“น้องลัลน์ว่าพี่เหรอคะ”
“ปะ เปล่าค่ะ ลัลน์ว่าตัวเอง” เธอบอกเสียงเรียบก่อนจะถอนหายใจ ห่อไหล่เล็กๆ เข้าหากันดูน่าสงสาร
“พี่แกล้งเล่นเฉยๆ ค่ะ ที่พี่บอกว่าพี่ทำทั้งคืน พี่หมายถึงเช็ดอ้วกน้องลัลน์ทั้งคืนค่ะ ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า” ศิลาเฉลย พูดจบก็เห็นว่าแววตาของณาลัลน์ดูตกใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “นี่น้องลัลน์คิดว่าพี่จะทำอะไรน้องลัลน์จริงๆ เหรอคะ”
“ปะ เปล่าค่ะ ลัลน์ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
“อ้อ พี่คิดว่าน้องลัลน์จะคิดว่าพี่รังแกน้องลัลน์เสียอีก”
“ลัลน์ไม่กล้าคิดแบบนั้นหรอกค่ะ ลัลน์รู้ว่าพี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบลัลน์” ณาลัลน์บอกอย่างรู้ตัว พูดจบเธอก็ถอนหายใจพลางก้มหน้าลงมองสภาพร่างกายของตัวเอง ดึงคอเสื้อเชิ้ตตัวโตออกกว้างๆ แล้วจ้องมองลงไปด้านในที่เห็นทะลุปรุโปร่งว่าเธอไม่ได้สวมชั้นใน
“แล้วนี่เสื้อพี่จากัวร์เหรอคะ”
“ค่ะ ส่วนเสื้อผ้าน้องลัลน์พี่ส่งซักรีดให้แล้ว เดี๋ยวถ้าเรียบร้อยแม่บ้านจะเอามาส่ง ตอนนี้ก็ใส่เสื้อผ้าพี่ไปก่อนแล้วกันนะคะ หรือถ้าอยากจะอาบน้ำก็เลือกเสื้อผ้าชุดใหม่จากในตู้เสื้อผ้าของพี่นั่นแหละค่ะ”
“แล้วใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลัลน์คะ”
“จะใครเสียอีกล่ะคะถ้าไม่ใช่พี่” ศิลาตอบหน้าตาย เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นว่าณาลัลน์ทำตาโตเท่าไข่ห่าน
“พี่ไม่เห็นอะไรหรอกค่ะเพราะพี่ปิดไฟ ใช้มือคลำๆ เอา”
“อะไรนะคะ”
“หมายถึงคลำข้อมือน้องลัลน์แล้วก็สอดไปทางแขนเสื้อน่ะค่ะ ตอนติดกระดุมก็ดึงสาบเสื้อสูงๆ ไม่โดนอะไรเลย สาบานได้”
ใบหน้าของณาลัลน์ร้อนวูบ ตอนได้ยินศิลาพูดว่าไม่โดนอะไรเลยนี่เธอคิดดีไม่ได้เลยจริงๆ มันนึกสงสัยว่าที่ไม่โดนเพราะเขาตั้งใจจะให้เกียรติเธอหรือกำลังหลอกด่าว่าเธอไม่มีหน้าอกกันแน่
“ถ้าอย่างนั้นลัลน์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวจะได้รีบกลับบ้าน ขอโทษนะคะที่รบกวนพี่”
“น้องลัลน์ยังกลับบ้านไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะเมื่อคืนพี่ไม่กล้าพาน้องลัลน์ไปส่งบ้านในสภาพนั้น พี่ก็เลยโทรบอกพ่อพี่ให้ช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากับพ่อแม่ของน้องลัลน์ไปก่อนแล้วค่ะ”
“ยังไงคะ”
“พ่อพี่บอกกับพ่อแม่ของน้องลัลน์ว่าพี่กับน้องลัลน์ไปดูงานที่ต่างจังหวัดกันสองสามวันน่ะค่ะ”
หมายความว่าเธอจะต้องอยู่ที่นี่กับเขาสองสามวันอย่างนั้นเหรอ!
“ช่วงนี้น้องลัลน์พักที่นี่ไปก่อนก็แล้วกันนะคะ”
“จะดีเหรอคะ”
“อย่างน้อยๆ พี่ว่าก็น่าจะดีกว่าที่พี่หิ้วน้องลัลน์กลับไปส่งที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน” ศิลาตัดบท และมันก็ทำให้ณาลัลน์พูดไม่ออกเพราะเธอเข้าใจดีถึงคำว่า 'สภาพ' ที่ศิลาบอก
ปกติแล้วเวลาที่เธอดื่ม เธอก็มักจะค้างที่คอนโดของเพื่อนคนใดคนหนึ่งอยู่แล้วเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะไหว ใครจะไม่ไหว ซึ่งแน่นอนว่าเธออยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ไหวตลอด ส่วนเพื่อนรักนักแบกก็หนีไม่พ้นข้าวต้มแน่นอน
“ไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอก ถ้าน้องลัลน์หิว โทรสั่งอาหารได้เลยนะคะ พี่จะบอกแม่บ้านเอาไว้ให้ว่าถ้ามีอาหารมาส่งที่ห้องพี่ ให้เขารับแล้วเป็นคนเอาขึ้นมาให้ที่ห้องเลย น้องลัลน์จะได้ไม่ต้องลงไปรับเองค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ณาลัลน์บอกเสียงอ่อย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้ปิดประตู เธอก็ต้องหันกลับมามองเขาอีกรอบ
“พี่จากัวร์คะ”
“ว่าไงคะ” ศิลาขานรับแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เขากำลังจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไปเอกสารซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่งานด่วนแต่เขาก็อยากจะจัดการให้เสร็จ เผื่อว่าวันไหนเขาพลาดพลั้งทำอะไรผิดหรือขัดใจพ่อของเขาขึ้นมาอีกรอบ ก็จะได้มีข้ออ้างเรื่องงานไปเอาตัวรอด
“เมื่อคืนนี้ลัลน์...”
“ช่างเถอะค่ะ พี่จะคิดเสียว่าพี่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรก็แล้วกัน” ศิลาโกหก เพราะความจริงแล้วเขาเห็นทุกอย่าง และยังไม่สามารถลบภาพเสือสาวสุดแสนจะยั่วยวนคนเมื่อคืนได้เลย
ณาลัลน์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้อง ปิดประตูห้องลงอย่างเบามือ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะพุ่งตัวไปที่กระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ควานหาโทรศัพท์มือถือแล้วหยิบมันออกมาโทรหาตัวการทั้งหลายทันที
เป็นการโทรกลุ่มที่ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วเพราะทุกคนพร้อมใจกันรับสายแบบที่ไม่มีใครยอมตกข่าวเลยสักคนเดียว
“ฮัลโหล”
[แม่เสือกูฟื้นแล้ว] ข้าวต้มทักทายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตรงกันข้ามกับณาลัลน์ที่กำลังนึกอยากจะหายตัวไปจากห้องของศิลาเหลือเกิน
[เป็นไงบ้างแก เมื่อคืนโดนไหม]
[แกก็ไม่น่าถามนะยัยแพต นี่มันสี่โมงเย็นแล้ว แกว่าถ้าไม่โดนแล้วยัยลัลน์มันมัวแต่นอนซ้อมตายหรือไง]
[นั่นสิ เห็นยัยลัลน์โดนอุ้มออกไปแบบนั้น ฉันว่ามีโดนฟาดทั้งคืน]
“ยัยนุ่มนิ่ม แกว่าใครโดนอุ้ม” ณาลัลน์ที่เป็นคนโทรแต่กลับพูดไม่ทันเพื่อนสักประโยคต้องรีบตั้งสติแล้วถามแทรก
[ก็จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่แก โอ๊ย อิจฉา มีผู้ชายตามมาเฝ้า มาหึงมาหวง ฉันนะอยากจะถ่ายคลิปตอนที่พี่จากัวร์ของแกเขากระชากแกลงมาจากโต๊ะเก็บไว้ให้ลูกให้หลานแกดูเสียจริงๆ เสียดายที่ตอนนั้นหาโทรศัพท์ไม่เจอ]
“อีข้าว แกอย่าเว่อร์”
สองตาของณาลัลน์เบิกโพลงเมื่อได้ยินข้าวต้มขยายความ ลำคอแห้งผากไปหมด กลืนน้ำลายไปหลายอึกก็ไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย
[ฉันไม่ได้เว่อร์ ไม่เชื่อแกก็ลองถามยัยพวกนั้นดู แกเอ๊ย อย่างกับในละครที่พระเอกหึงโหดตามมาลากเมียร่านกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น]
“ยัยแพต”
[จริง]
“เอิร์น”
[ไม่มีเกินจริงสักคำเลยแก]
“นุ่มนิ่ม”
[ตกลงอีข้าวมันชงเหล้าหรือยาลบความจำให้แกกิน นี่แกจำไม่ได้จริงๆ เหรอวะลัลน์]
คำยืนยันและคำถามจากทุกคนทำให้ณาลัลน์ยกมือขึ้นมาตีหน้าผากตัวเองแรงๆ อยู่หลายที คำเดียวที่กำลังขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในสมองของเธอตอนนี้ก็คือคำว่าฉิบหาย!
[เป็นอะไรรึเปล่าวะยัยลัลน์ หรือว่าพวกฉันเล่นแรงไป อย่าบอกนะว่าแกกับพี่จากัวร์มีปัญหากันน่ะ] เอิร์นรีบถามเมื่อณาลัลน์เงียบไปผิดปกติ
[อ้าว ไม่โดนหรอกเหรอวะ]
[อีข้าว หยุดเล่นก่อน]
[เออๆ โทษๆ ตกลงยังไงยัยลัลน์ สรุปว่าเหยื่อเผ่นเหรอวะแก]
ณาลัลน์เรียบเรียงคำตอบไม่ถูกเลยทีเดียว
[อีลัลน์ตายแล้ว]
“ยัง!”
[สรุปยังไง พูด]
เธอจะเริ่มจากตรงไหนดีนะ ดูเหมือนว่าเรื่องมันจะยุ่งไปกันใหญ่เพียงเพราะเธอปล่อยให้ทุกอย่างเลยตามเลยมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้
“คือว่าจริงๆ แล้วพี่จากัวร์เขาไม่ใช่แฟนฉัน”
[อะไรนะ!] เสียงทุกคนดังมาจากปลายสายจนณาลัลน์ยังตกใจ
“เขาเป็นเจ้านายฉัน”
[ฉิบหาย นี่อย่าบอกนะว่าเขาไล่แกออกน่ะ]
“เปล่า เขาทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะจริงๆ แล้วพี่จากัวร์เขาชื่อจริงว่า...พี่ศิลา”
[อย่าบอกนะว่าศิลาเดียวกัน] นุ่มนิ่มคาดเดาทันที
“อืม พี่ศิลา พี่ชายข้างบ้านที่ฉันเคยเล่าให้พวกแกฟัง” ณาลัลน์ตอบเสียงอ่อย เธอคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าตอนนี้เธอจะมองหน้าศิลายังไง “ฉันจะทำยังไงดีวะพวกแก”
คร่ำครวญพลางทิ้งตัวลงกับที่นอน ฟุบหน้าลงกับหมอนอย่างคนกำลังพยายามหาทางออก
[สรุปว่าพี่จากัวร์กับพี่ศิลาคือคนเดียวกัน]
“อืม”
[คนที่แกแอบชอบเขามาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นเหตุผลที่แกไม่เปิดใจให้ใครเลยเพราะอยากจะแต่งงานกับเขาเนี่ยนะ]
“อืม”
[แค่ฉิบหายคงไม่พอแล้วมั้ง]
“ฮือ ฉันจะทำยังไงดีวะพวกแก เขาต้องเกลียดฉันไปแล้วแน่ๆ เลย” ณาลัลน์ขอคำปรึกษาจากเพื่อนเพราะตอนนี้เธอรู้สึกมืดแปดด้านแล้วจริงๆ
[ใจเย็นๆ เว้ย ทุกปัญหาต้องมีทางออก]
“แกไม่ต้องมาพูดดี ทั้งหมดมันเพราะแกคนเดียวเลยอีข้าว!”
[แกอย่ามาโทษฉันสิโว้ย ใครจะไปรู้ว่าคนเดียวกัน ยังแปลกใจอยู่ว่าแกจะเปิดตัวคนอื่นได้ยังไงในเมื่อแกเทิดทูนพี่ศิลาของแกอย่างกับอะไร]
“นี่ขนาดแกแปลกใจแล้วนะ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าแกไม่แปลกใจฉันจะมีสภาพยังไง”
[โอ๊ย คราวหลังก็บอกให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิวะ ฉันจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง แล้วทีนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ]
“ฉันสิต้องถามแก แกเป็นคนทำพัง แกต้องรับผิดชอบ!” ณาลัลน์โบ้ยความผิด ทั้งที่เธอเองก็รู้ดีแก่ใจว่าความผิดทั้งหมดมันคือตัวของเธอเอง ถึงจะรู้ตัวว่าดื่มมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดที่ศิลาอุ้มลงมาจากโต๊ะ แถมเธอยังมาอ้วกให้เขาเช็ดอีก
ภาพที่เธอฝันเอาไว้ว่าอยากจะให้เขามองเธอเป็นภรรยาที่แสนดีหายวับไปในคืนเดียวเลยจริงๆ
[ฉันขอคิดก่อนก็แล้วกัน ได้เรื่องแล้วจะโทรบอก]
“เออ พวกแกคนอื่นก็ช่วยฉันคิดด้วยนะ ใครไม่ช่วยฉันจะตัดเพื่อนให้หมด อีพวกเพื่อนภาระ!” ณาลัลน์ตัดบทก่อนจะเป็นฝ่ายกดวางสาย เตะขาลงกับที่นอนซ้ำๆ อย่างนึกโมโหตัวเอง เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ เป็นเธอที่พยายามจะพูดความจริง แต่มันผิดตรงที่เขาดันแนะนำตัวเองว่าเป็นแฟนของเธอนั่นแหละ
“เฮ่ย!” ตั้งใจจะรีบลุกมาอาบน้ำแต่พอหันมาอีกทีกลับเห็นศิลายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน