บทนำ

2853 คำ
บทนำ พิทักษ์ทรัพย์ คอร์ปอเรชั่น ห้องประชุม 3 บรรยากาศในห้องประชุมใหญ่เงียบสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ ประมุข พิทักษ์ทรัพย์ ประธานกรรมการบริหารมีสีหน้าเคร่งเครียด กวาดสายตาน่าเกรงขามมองไปรอบห้อง ก่อนจะฟาดฝ่ามือหนาลงบนโต๊ะเมื่อหันกลับมาเห็นว่าเก้าอี้ด้านข้างของเขายังคงว่างอยู่ ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้เปล่งเสียงถามถึงใครอีกคนที่เขากำลังรอซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้การประชุมในเช้าวันนี้ยังไม่ได้เริ่ม ทั้งที่ล่วงเลยเวลามาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว บานประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดเข้ามาพอดี “ผมมาแล้วครับพ่อ” ‘ศิลา พิทักษ์ทรัพย์’ หรือ ‘จากัวร์’ ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ ตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร รายงานตัวเสียงเรียบพลางเร่งฝีเท้าเดินมานั่งที่เก้าอี้ด้านข้างประธานในที่ประชุมทันที แม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา แต่เจ้าตัวก็ยังคงนิ่ง รักษาความเป็นก้อนศิลาเอาไว้ได้สมกับชื่อที่ผู้เป็นพ่อตั้งให้ “ใครไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด แล้วฉันจะเรียกประชุมใหม่วันหลังก็แล้วกัน” สิ้นคำสั่งของประมุข พนักงานร่วมสิบชีวิตก็รีบแยกย้ายกันเดินออกจากห้องประชุมราวกับผึ้งแตกรัง “หนูลัลน์นั่งลงก่อน” ‘ณาลัลน์’ หญิงสาววัยยี่สิบสี่ ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังลอบกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินคำสั่ง เธอเหลือบสายตามองไปยังศิลาเล็กน้อยก่อนจะถอยกลับมานั่งลงอย่างไม่มีทางเลือก บางทีเหตุผลที่ทำให้เธอถูกประมุขเรียกเอาไว้อาจเป็นเพราะตำแหน่งผู้ช่วยศิลาของเธอก็ได้ แม้จะยังอายุงานไม่มาก แต่ที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยขาดตกบกพร่องในหน้าที่ อย่างเช้าวันนี้เธอก็พยายามติดต่อศิลาแล้ว แต่พบว่าเขาปิดโทรศัพท์ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งก่อนที่จะเข้าห้องประชุม เธอเองก็ได้รายงานทุกอย่างตามความจริงให้ประมุขทราบแล้ว “แกหายหัวไปไหนมา” เมื่อณาลัลน์นั่งลงตามที่ต้องการ ประมุขก็เปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทันที วันนี้เขาเรียกทุกฝ่ายเข้าประชุมด้วยเรื่องสำคัญตอนเก้าโมงเช้า แต่ลูกชายคนดีที่หนึ่งของเขาเพิ่งจะเดินเข้าห้องประชุมตอนเก้าโมงสามสิบแปดนาที จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร “ขอโทษครับ ผมลืมตั้งนาฬิกาปลุก” ข้ออ้างของศิลาทำเอาณาลัลน์ลอบถอนใจ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ผ่านโลกมาก็มาก จะหาข้ออ้างที่มันฟังดูเข้าท่ากว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร “แกลืมตั้งนาฬิกาปลุกหรือมัวแต่นอนกกอยู่กับยัยนางแบบตาน้ำข้าวที่หิ้วออกจากงานเลี้ยงเมื่อคืนกันแน่” “ถ้าพ่อรู้แบบนี้แล้วพ่อจะยังเสียเวลาถามผมทำไมครับ” ปัง! เป็นอีกครั้งที่ประมุขตบโต๊ะเสียงดัง ท่าทีเกรี้ยวกราดของเขาทำให้ณาลัลน์ต้องหันไปขมวดคิ้วใส่ศิลาทันที แต่เขากลับทำเหมือนไม่แยแส ยังมีหน้ามาทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ใส่เธอเสียอย่างนั้น ปกติแล้วประมุขเป็นผู้ใหญ่ใจดี และเขามีเมตตากับทุกคนเสมอมา ยกเว้นกับลูกชายของเขาคนนี้ ที่มักจะชอบหาเรื่องทำให้เขาอายุสั้น ทำแต่ละอย่างเสี่ยงให้เส้นเลือดในสมองของเขาแตกอยู่ทุกวี่ทุกวัน “อย่าเถียงคุณลุงสิคะ” ณาลัลน์หันไปกระซิบกระซาบกับศิลา เธอเริ่มทำงานที่นี่นับตั้งแต่เรียนจบด้วยตำแหน่งผู้ช่วยของเขานอกจากนั้นแล้วเธอก็ยังรู้จักกับเขามาตั้งแต่เด็กๆ เพราะครอบครัวของเธอและครอบครัวของเขาสนิทกันดี ประมุขเองก็เอ็นดูเธอมาตลอด บ่อยครั้งที่เธอต้องรับบทคนกลางไกล่เกลี่ยให้สองพ่อลูกพูดจากันดีๆ คนหนึ่งก็ถือว่าตัวเองอาบน้ำร้อนมาก่อน พูดอะไรก็อยากจะให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการเป๊ะๆ ทันที ในขณะที่อีกคนก็หน้ามึนเก่ง แม้จะไม่เคยปฏิเสธ แต่หากถามว่าเคยทำตามคำสั่งแต่โดยดีหรือไม่ ก็ตอบได้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่าไม่เคย บ่อยครั้งที่ความดื้อเงียบของศิลาทำให้ณาลัลน์ปวดหัวเหมือนไมเกรนจะขึ้น “พ่อครับ ผมอายุสามสิบกว่าแล้วนะครับ พ่ออย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กมาโรงเรียนสายแล้วต้องถูกทำโทษหน้าเสาธงหน่อยเลย อีกอย่างถึงเรื่องส่วนตัวผมจะกเฬวรากยังไง แต่พ่อก็รู้ว่าเรื่องงานผมไม่เคยขาดตกบกพร่อง” “แกเข้าประชุมสายไปเกือบชั่วโมงนี่ยังไม่เรียกขาดตกบกพร่องอีกงั้นเหรอไอ้ศิลา แกไปเอาความมั่นใจจากที่ไหนมาพูด!” ณาลัลน์ถึงขั้นยกมือขึ้นมากุมขมับ นึกเห็นด้วยกับคำถามของประมุขอยู่กลายๆ ศิลาเป่าปากระบายความร้อนในอกอย่างไม่มีข้อแก้ตัว และไม่ได้คิดจะอธิบายใดๆ เพิ่มเติม เหตุการณ์เมื่อเช้ามันสุดวิสัยจริงๆ เขาพยายามจะรีบสุดๆ แล้ว แต่สงสัยครั้งนี้มันจะถึงคราวซวย “อย่าคิดจะเอาแม่ดาวยั่วพวกนั้นมาทำลูกสะใภ้ให้ฉันเป็นอันขาดนะไอ้ศิลา” “ผมรู้ครับพ่อ ผมเคยคิดจะทำแบบนั้นเสียที่ไหนกัน มีแต่พ่อนั่นแหละที่ชอบคิดไปเอง” “ถ้าอย่างนั้นเมื่อไรแกจะเดินหน้าจีบหนูลัลน์สักที” “หา!” ไม่เพียงศิลาที่ตกใจ แต่ณาลัลน์เองก็ถึงกับตาโตเมื่ออยู่ๆ ประมุขก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “หนูลัลน์” “คะคุณลุง” “หนูยังโสดใช่ไหมลูก” เหมือนว่าเธอเองก็กำลังถูกเทพเจ้าความซวยเล่นงานเข้าอีกคน จริงอยู่ว่าเพราะความสนิทสนมกันของสองครอบครัวทำให้เธอกับศิลาถูกจับคู่กันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่พูดกันเล่นสนุกๆ ไม่ใช่หรอกเหรอ “ค่ะ ลัลน์ยังโสด แต่ว่า...” “ลุงว่าแล้วเชียว เรื่องนี้ลุงปรึกษากับพ่อแม่ของหนูมาหลายครั้งแล้ว ทั้งสองคนเองก็เห็นด้วยที่จะให้หนูกับไอ้เสือของลุงลองเปิดใจศึกษากันดู ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ แต่งสักปลายปี บรรยากาศหน้าหนาวคงจะโรแมนติกน่าดูนะหนูลัลน์นะ” ประมุขวาดฝันเสร็จสรรพ ในขณะที่ณาลัลน์อึกอัก รู้สึกน้ำท่วมปาก หันไปสบตากับศิลาเพื่อให้เขาช่วยพูดอะไรสักอย่างกับพ่อของเขาแต่ดูเหมือนเขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอด “พี่จากัวร์คะ” เธอพยายามกระซิบกระซาบกับเขาแต่สิ่งที่เขาตอบกลับมากลับเป็นเพียงการยิ้มแห้งๆ กับแววตาที่ลอบมองกลับไปที่ประมุข “พ่อครับ” “แกไม่ต้องมาพูด” “ผมต้องพูดสิครับ การแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงมากนะครับ พ่อจะมาใช้วิธีมัดมือชกน้องลัลน์แบบนี้มันไม่ถูก อีกอย่างผมกับน้องก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผมเห็นน้องลัลน์เป็นแค่น้องสาว พ่อจะให้ผมแต่งงานกับเธอมันไม่ได้นะพ่อ” ศิลาพยายามอธิบาย เขาเห็นใจเธอมากพอกับที่กำลังรู้สึกสงสารตัวเองนั่นแหละ “ก็แล้วทำไมมันจะไม่ได้ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กสิดี จะได้เข้าอกเข้าใจกัน” “แต่ผมกับน้องลัลน์ไม่ได้รักกันแบบชู้สาวนะครับ” “แปลว่าแกรักผู้หญิงพวกนั้นที่แกหิ้วกลับมาค้างคืนด้วยที่คอนโดงั้นสิ” “มันเหมือนกันเสียที่ไหนล่ะครับ พ่อนี่ก็พูดไม่รู้เรื่องหรือไง” “ไอ้ศิลา” ฝ่ามือของประมุขที่เงื้อขึ้นกลางอากาศทำเอาศิลาแทบจะกดหัวตัวเองให้จมลงบ่า ยิ่งได้ยินเสียงถอนหายใจของณาลัลน์เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย แม้จะยังสงสัยว่าแค่มาประชุมสาย พ่อของเขาพาลไปเรื่องจับเขาแต่งงานได้ยังไง ศิลาไม่ได้รักผู้หญิงพวกนั้น สิ่งเดียวที่เขาต้องการจากพวกหล่อนก็คือเซ็กซ์ที่ร้อนแรง ซึ่งดูยังไงก็ไม่มีทางใช่ณาลัลน์ หญิงสาวหน้าหวานเหมือนนางฟ้า ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอแสนดีและน่ารักมากแค่ไหน แต่ไม่เคยคิดหรือจินตนาการถึงการได้ร่วมรักกับเธอบนเตียงเลยสักครั้ง เขาไม่ใช่เสือที่ชอบกินของหวาน เขากินแต่ของเผ็ดและร้อนแรงเท่านั้น! “หนูลัลน์” “พ่ออย่ากดกันน้องลัลน์” ศิลาออกตัวปกป้องณาลัลน์อย่างเห็นได้ชัด มันทำให้ประมุขยิ่งมั่นใจว่าเด็กสองคนนี้คงจะรักกันได้ไม่ยาก เพียงแต่ยังไม่ยอมเปิดใจ และยังขาดโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกันเท่านั้นเอง “น้องลัลน์กลับไปทำงานก่อนก็แล้วกันครับ เรื่องนี้พี่จะคุยกับพ่อพี่เอง” “ฉันไม่คุยกับแก ฉันจะคุยกับหนูลัลน์” ประมุขยืนกรานด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “พ่อไม่เข้าใจเหรอครับว่าการแต่งงานมันต้องเกิดจากความรัก” “หนูลัลน์น่ะน่ารักจะตาย มีแต่คนโง่อย่างแกเท่านั้นแหละที่มองข้าม มีสร้อยเพชรอยู่ในมือแต่แกดันไปคว้าเอาเม็ดกรวดที่ไหนก็ไม่รู้มาคล้องคอ ระวังเถอะ มันจะมัดคอแกตายเข้าสักวัน” ประมุขไม่วายค่อนขอดใส่ ศิลาเสมองไปทางอื่นเพราะเหนื่อยที่จะต้องอธิบาย แต่ก็ยังไม่วายหันไปเจอกับสีหน้าละเหี่ยใจของณาลัลน์อยู่ดี “คิดเสียว่าสงสารคนแก่อย่างลุงได้ไหมหนูลัลน์ ให้โอกาสผู้ชายโง่ๆ อย่างลูกชายลุงสักครั้งเถอะนะ” “พ่อครับ” “แล้วถ้าสุดท้ายมันไม่ได้เรื่องจริงๆ ลุงจะยอมรับเองว่าชาติก่อนลุงคงทำบุญมาไม่พอจะได้หนูมาเป็นลูกสะใภ้” “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะคุณลุง ลัลน์เองก็ไม่ได้ดีพร้อมทุกอย่างแบบที่คุณลุงคิดหรอกนะคะ วันๆ ลัลน์ก็ทำแต่งาน งานบ้านก็ทำไม่ค่อยเก่งสักอย่าง แถมยังสวยสู้คนอื่นก็ไม่ได้ นมก็ไม่ใหญ่ ก้นก็ไม่เด้ง ไม่ใช่สเปคพี่จากัวร์เขาหรอกค่ะ” ณาลัลน์พยายามหยิบยกเอาเหตุผลต่างๆ มาอ้าง น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ‘จากัวร์’ คือชื่อเล่นของศิลา หรือต่อให้รู้ ก็ไม่ค่อยมีใครเรียกเขาด้วยชื่อนั้นอยู่ดี แม้แต่ตัวของประมุขเอง “ไอ้ของพวกนั้นนานไปมันก็เสื่อม ความเข้าอกเข้าใจกัน เห็นใจและให้อภัยกันต่างหากที่จะทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันไปจนถึงบั้นปลายของชีวิตนะหนูลัลน์ ที่ผ่านมาลุงเองก็เห็นว่าหนูกับไอ้ศิลาของลุงเข้ากันได้ดีนี่” แต่ก็ดูเหมือนประมุขจะยังไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ “นะหนูลัลน์นะ แค่ครั้งเดียวก็พอนะลูก” ณาลัลน์เริ่มจนปัญญา แต่ไม่รู้ว่าจะต้องหาเหตุผลอะไรมาอ้างอีกแล้ว เธอหันไปมองตาศิลาเพื่อขอความคิดเห็นจากเขาอย่างทุกที และครั้งนี้เขาก็พยักพเยิดใบหน้าเหมือนจะบอกให้เธอยอมๆ ประมุขไปก่อน (อีกแล้ว) เธอมั่นใจเหลือเกินว่าไอ้การยอมๆ ไปก่อนของศิลานี่แหละที่สุดท้ายแล้วจะนำปัญหามาให้เธอปวดหัว “ก็ได้ค่ะ” “จริงนะหนูลัลน์” “ค่ะ ลัลน์จะลองให้โอกาสพี่จากัวร์ดูสักครั้ง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ คุณลุงจะไม่โกรธลัลน์” “อะแฮ่ม” “แล้วก็ไม่โกรธพี่จากัวร์ใช่ไหมคะ” ณาลัลน์พูดเสริมเมื่อได้ยินเสียงเตือนจากศิลา แค่กระแอมครั้งเดียวแต่ความหมายเหมือนจะบอกว่า ‘อย่าทิ้งเขาไว้คนเดียว’ อย่างไรอย่างนั้น ศิลาขยิบตาอย่างรู้กันกับณาลัลน์ทันทีที่ได้ยิน เธอฉลาดและมีไหวพริบดีในทุกเรื่อง ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ “กับหนูลุงไม่เคยโกรธหรอกลูก แต่กับอีกคน ถ้าได้โอกาสขนาดนี้แล้วยังเอาชนะใจหนูไม่สำเร็จ เห็นทีว่าลุงจะต้องทำพินัยกรรมใหม่” “พ่อครับ” “เอาล่ะ เริ่มจากแกต้องพาหนูลัลน์ไปดินเนอร์คืนนี้เลยก็แล้วกัน แล้วฉันจะยกโทษเรื่องที่แกมาประชุมสายให้” ประมุขยื่นข้อเสนอ ศิลาที่กำลังจะขอต่อรองจำต้องเงียบลงโดยอัตโนมัติ เพราะหากเขาพูดจาไม่เข้าหูประมุขอีกรอบ มีความเสี่ยงที่จะโดนตัดหางปล่อยวัดแน่นอน “ก็ได้ครับ” “เออ หัดทำตัวให้มันฉลาดสมกับที่เป็นลูกของฉันสักหน่อยเถอะ รู้ตัวไหมว่าที่ผ่านมารสนิยมของแกนี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ” ประมุขตัดบท พูดจบเขาก็หันไปส่งยิ้มให้กับณาลัลน์อย่างรู้สึกรักและเอ็นดู ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไปเงียบๆ ทิ้งให้ศิลากับณาลัลน์มองหน้ากันแล้วต่างคนต่างถอนหายใจ “เกือบไปแล้วไหมคะ” “พี่ขอโทษค่ะ แต่พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าพ่อพี่พาลไปเรื่องนั้นได้ยังไง” ศิลาขอโทษขอโพยณาลัลน์ยกใหญ่ ก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักพิงแรงๆ พลางยกมือขึ้นมานวดขมับ “จะอะไรเสียอีกละคะถ้าไม่ใช่เพราะนางแบบที่พี่ควงขึ้นคอนโดเมื่อคืนก่อนแวะมาหาพี่ที่นี่เมื่อเช้า บอกว่าติดต่อพี่ไม่ได้” “หา!” “ดีนะคะที่ลัลน์ไปเจอเข้าเสียก่อนก็เลยจ่ายเงินเธอไปก้อนหนึ่งแล้วให้เธอรีบไป โอนคืนมาด้วยค่ะ” “โอเคค่ะๆ พี่จะโอนคืนเดี๋ยวนี้เลยค่ะน้องลัลน์” ศิลาบอกเร็วๆ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอปพลิเคชันของธนาคาร จัดการโอนเงินให้ณาลัลน์ไปก้อนหนึ่งโดยไม่เอ่ยปากถามเธอสักคำว่าเธอโอนเงินให้แม่นางแบบที่แม้แต่ชื่อเขาเองก็ยังจำไม่ได้ไปเท่าไร “เยอะไปค่ะพี่จากัวร์” “พี่ให้เป็นค่าตกใจของลัลน์ด้วยค่ะ ส่วนเรื่องเย็นนี้...” “พี่มีนัดเหรอคะ” “พี่ต่างหากค่ะที่ต้องถามว่าน้องลัลน์มีนัดรึเปล่า” “ลัลน์ไม่มีนัดกับใครหรอกค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นน้องลัลน์ไปดินเนอร์กับพี่นะคะ พี่ว่าช่วงนี้พี่คงโดนพ่อจับตามองเป็นพิเศษ” ศิลาบอกอย่างรู้ตัว “เรื่องนั้นลัลน์ก็คิดเอาไว้แบบนั้นเหมือนกันค่ะ สำหรับตัวลัลน์เองไม่ได้มีปัญหาอะไรแน่นอน กลัวแต่พี่จากัวร์นั่นแหละที่จะมีปัญหา” ณาลัลน์รีบออกตัว “รับรองว่าพี่จะไม่สร้างปัญหาให้น้องลัลน์แน่นอนค่ะ” “ได้ยินพี่จากัวร์รับปากแบบนี้ลัลน์ก็สบายใจค่ะ อ้อ แล้วช่วงนี้พี่ก็อย่าเพิ่งไปก่อเรื่องเพิ่มอีกนะคะ ไม่งั้นรับรองว่าพี่ได้เป็นเจ้าบ่าวของลัลน์แน่” “สัญญาค่ะ” “ให้จริงเถอะค่ะ ลัลน์ล่ะกลัวใจพี่จริงๆ” ณาลัลน์บอกยิ้มๆ ศิลาเองก็ยิ้มกว้างพลางดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้เพื่อรีบกลับไปทำงาน เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับเธอ “น้องลัลน์คะ” “คะ” “น้องลัลน์ยังไม่มีแฟนจริงๆ เหรอคะ” ศิลาอดไม่ได้ที่จะถาม เธอทั้งสาว ทั้งสวย แถมยังอัธยาศัยดีขนาดนี้ มันออกจะแปลกที่ยังไม่มีใคร ติดแค่ตรงที่ไม่ใช่สเปคของเขา ไม่อย่างนั้นเขาเองก็คงเดินหน้าจีบเธอไปตั้งนานแล้วเหมือนกัน “ยังค่ะ” “เชื่อได้เหรอคะ” “เชื่อเถอะค่ะ จากประสบการณ์ที่ลัลน์ต้องจัดการเรื่องผู้หญิงให้พี่ บอกตามตรงว่าลัลน์ขยาด” “โห หน้าชาเลยค่ะ” “ลัลน์หยอกเล่นค่ะ ลัลน์แค่ยังไม่เจอคนที่ทำให้ใจเต้นแรงเฉยๆ ถ้าพี่ไม่ก่อเรื่องจนโดนคุณลุงบังคับให้แต่งงานกับลัลน์ สงสัยว่าในอนาคตลัลน์จะต้องแต่งงานกับเครื่องถ่ายเอกสาร” “เครื่องถ่ายเอกสารเนี่ยนะคะ” “ค่ะ เพราะเราเจอหน้ากันทุกวัน ใจสั่นทุกทีเวลามันร้องตี๊ดๆ เพราะกระดาษติด” ความขี้เล่นของเธอทำให้เขายิ้มกว้าง “ลัลน์ขอตัวไปทำงานก่อนแล้วกันนะคะ เดี๋ยวมีเอกสารของจัดซื้อเข้าไปให้พี่เซ็น ขอลัลน์ตรวจอีกรอบก่อนค่ะ” “ได้ครับคุณณาลัลน์ ผมจะรอที่โต๊ะทำงาน” ศิลาแสร้งทำหน้าตาขึงขัง ต่างคนต่างหัวเราะก่อนจะแยกกันไปทำงานตามหน้าที่เหมือนปกติ โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มและท่าทางที่ทั้งคู่หยอกล้อกันนั้น อยู่ในสายตาของประมุขตลอดเวลา “เฮ้อ แกนี่มันโง่บรมจริงๆ นะไอ้ศิลา แต่ไม่เป็นไร ฉันจะทำให้แกรู้หัวใจตัวเองให้ได้” ประมุขบอกอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะเดินกลับห้องทำงานของตัวเองไปพร้อมกับความหวัง มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาจะต้องได้ณาลัลน์มาเป็นลูกสะใภ้ อย่างแน่นอน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม