ปัจจุบัน
ปัง!
ร่างเล็กสะดุ้งฮือเกือบสะดุดล้มเพราะเสียงปิดประตูบ้าน เธอหันมองร่างสูงด้านหลังด้วยดวงตาตื่น ๆ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงอย่างตื่นเต้น มือบางจิกกระโปรงชุดแต่งงานเพื่อระงับความประหม่า
เธอเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว… บ้านที่เป็นเรือนหอของเธอกับสามี…
ฉ่า…
ใบหน้าสวยเรื่อแดงยามนึกถึงคำว่าสามี เธอหลุบตามองพื้นไม่กล้าสบตากับร่างสูงตรงหน้าสักนิด เพียงชั่วครู่ปลายเท้าตรงหน้าขยับเดินอ้อมผ่านเธอไปโดยไม่พูดอะไร อองฟองเหลียวมองเล็กน้อยก็พบว่าเขาเดินขึ้นบันไดไปทางห้องนอนแล้ว เธอยืนนิ่งขมวดคิ้วมองด้วยความสับสน
“เราควรจะตามพี่ไรม์ไปดีไหมนะ” เสียงหวานเอ่ยถามตัวเองเบา ๆ ครุ่นคิดชั่วครู่ก็ตัดสินใจหมุนตัวเดินขึ้นบันได ตอนนี้เธออยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงสั้นเหนือเข่า สไตล์ทันสมัยเรียบหรูและดูอ่อนหวาน เป็นชุดที่สองหลังใส่ชุดกระโปรงยาวแสนสวยในพิธีสาบานตนในโบสถ์ เธอตั้งใจเลือกชุดนี้มาตามคำแนะนำของสไตส์ลิสต์ โดยให้เหตุผลว่าชุดนี้เหมาะกับการสวมใส่เข้าเรือนหอเพราะมัน… ถอดง่าย
แกร๊ก…
มือบางหมุนลูกบิดเบา ๆ เข้ามาภายในห้องนอน บ้านหลังนี้เป็นบ้านขนาดกลางชั้นบนมีสามห้องนอน ทุกห้องมีห้องน้ำและระเบียงในตัว ส่วนชั้นล่างจัดเป็นห้องรับแขก ห้องครัว และห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือ แบบแปลนทุกอย่างตรงตามที่หญิงสาวเคยวาดไว้เล่น ๆ มันเป็นบ้านในฝันที่ไม่คาดคิดว่าเธอจะได้เข้ามาอยู่จริง ๆ แถมยังได้อยู่กับผู้ชายที่รักอีกด้วย
ซ่า…
เสียงน้ำจากฝักบัวดังมาจากห้องน้ำ เธอหยุดชะงักมองเล็กน้อย ภายในห้องนอนตกแต่งด้วยผ้าม่านสีครามอ่อน รวมถึงชุดเครื่องนอนและวอลล์เปเปอร์ที่เป็นสีโทนเดียวกันคือสีคราม สีโปรดของผู้ชายที่เธอรัก
‘พี่ชอบสีครามมากที่สุดเลย’
‘สีคราม? มันคือสีอะไรเหรอคะ น้องฟองไม่รู้จัก’
‘สีครามก็คือสีของท้องฟ้าไง ท้องฟ้าแสนกว้างไกลนั่นไง’
ใบหน้าสวยผินหน้ามองท้องฟ้านอกหน้าต่างยามนึกถึงความทรงจำวัยเด็ก ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อขยับยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุข
ในที่สุดเธอก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกับพี่ชายที่แสนดีคนนั้นแล้ว…
แกร๊ก…
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากอองฟองหันมอง ใบหน้าสวยเรื่อแดงทันทีที่เห็นเรือนร่างแกร่งเปลือยกายท่อนบนเดินออกมา ชายหนุ่มซึ่งท่อนล่างพันเพียงผ้าขนหนูหมิ่นแหม่ชะงักเท้าหยุดกึก สองตาจ้องมองร่างบางตรงริมหน้าต่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เอ่อ… ขอโทษค่ะ ฟอง… ฟองไม่รู้ว่าพี่ไรม์กำลัง…”
“ออกไป”
“คะ…” คิ้วสวยขมวดมุ่นเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาเฉยชา เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ?
“ฉันบอกให้ออกไป” ไรม์ย้ำคำเดิมอีกรอบ เขาเมินสายตาหนีแล้วเดินไปทางตู้เสื้อผ้า มือหนารวบเสื้อผ้าผู้หญิงทั้งหมดออกมาโยนลงบนเตียง อองฟองมองการกระทำของสามีหมาด ๆ ด้วยความงุนงง “มีห้องว่างอีกสองห้อง เลือกเอาว่าจะอยู่ห้องไหน”
“อะ… อะไรนะคะ” ดวงตาหวานเบิกกว้าง พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าพูด
“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ เก็บเสื้อผ้าของเธอแล้วออกจากห้องไปซะ” ร่างสูงหยิบเสื้อมาสวมทับร่างเปลือยท่อนบน อีกมือหยิบกางเกงเตรียมจะสวมแต่หยุดชะงักแล้วหันมองร่างบางตาขวาง “จะยืนอีกนานไหม ออกไปจากห้องฉันสักที”
“อ๊ะ… ขอโทษค่ะ คะ คือว่า… ฟองไม่เข้าใจ พี่ไรม์จะให้ฟองไปนอนห้องอื่นเหรอคะ?” คนตัวเล็กรีบหันหลังให้เมื่อเห็นว่าเขาจะสวมกางเกง เธอรู้ว่าตัวเองควรจะออกจากห้องไปตามคำไล่ของเขา แต่เพราะความสงสัยมันอยู่เหนือความอาย เธอจึงยังยืนอยู่เพื่อถามเขาต่อ
“ใช่ คำพูดฉันมันเข้าใจยากตรงไหน บอกให้ออกไปก็ออกไปสิ จะยืนอยู่เพื่อ?”
ร่างสูงแต่งตัวเสร็จก็เดินอ้อมผ่านหน้าร่างบางไป เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง มือหนาหมุนลูกบิดก่อนหันกลับมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา หากทว่าคำพูดประโยคต่อมาของเขามันกลับเย็นชากว่านับสิบเท่า
“จากนี้ไปต่างคนต่างอยู่ ทำเหมือนว่าอีกคนเป็นอากาศธาตุไปเลยยิ่งดี ไร้ตัวตนซึ่งกันและกัน และอย่ามาพูดกับฉันอีกถ้าไม่จำเป็น ชัดนะ?”
ปัง!
ตุบ…
สองเข่าทรุดลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอเกิดมาบนโลกใบนี้ที่ได้เรียนรู้ถึงคำว่า ‘เจ็บปวด’ สายตาเย็นชาและคำพูดไร้หัวใจไร้ความรู้สึกนั้นเกินกว่าที่ร่างบางจะคาดคิด
ผู้ชายคนนั้นคือใครกัน… เขาไม่ใช่… พี่ไรม์ที่แสนดีของเธอ… ไม่ใช่
.
.
.
[บทบรรยาย อองฟอง]
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาเที่ยงคืนกว่า เป็นเวลากว่าหกชั่วโมงนับตั้งแต่พี่ไรม์ออกจากบ้านไป หลังจากฉันนั่งตั้งสติอยู่ในห้องเขาสักพัก ฉันก็พาร่างกายอันอ่อนแรงของตัวเองมาที่ห้องฝั่งตรงข้าม ฉันไม่ได้เลือกห้องนี้… แต่เพราะไม่รู้จะนอนห้องไหนต่างหาก
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวและจัดเสื้อผ้าเข้าตู้รวมถึงของใช้ส่วนตัวที่เอามาจากห้องพี่ไรม์เสร็จ ฉันก็เดินลงมาชั้นล่างเพื่อนั่งรอการกลับมาของผู้อยู่อาศัยร่วมกันอย่างพี่ไรม์ ฉันนั่งรอเขาด้วยท้องที่เริ่มกิ่ว เนื่องจากมื้อเย็นทานไปแค่นิดเดียวเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับการแต่งงาน
“หิวจัง” ฉันนิ่วหน้าน้อย ๆ มือเล็กลูบท้องเบา ๆ สายตาเหลือบมองไปทางครัวก่อนลุกขึ้นแล้วเดินมาเปิดตู้เย็น “อ่า… ไม่มีของสดเลยแฮะ จริงสิ พรุ่งนี้คงต้องไปจ่ายตลาด จะได้ทำอาหารรอพี่ไรม์กลับมาทาน”
ริมฝีปากบางขยับยิ้มเพ้อฝัน ตอนฉันอยู่นิวยอร์ค ฉันขอคุณพ่อเข้าเรียนคอร์สเจ้าสาวแบบเต็มรูปแบบ ทั้งการปฏิบัติตัวต่อสามี การทำอาหาร และการ… ปรนนิบัติสามี
ฉันศึกษาเรียนรู้ทุกอย่างด้วยความตั้งใจและอดทนเพื่อวันหนึ่งจะได้เป็นเจ้าสาวของพี่ไรม์ ฉันอยากเป็นภรรยาที่ดีของเขา อยากเป็นคนที่สนับสนุนเขาได้ในทุก ๆ ด้าน และวันที่ฉันรอคอยก็มาถึงแล้ว
คราวนี้ฉันจะพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นว่าฉันเป็นภรรยาที่ดีมากแค่ไหน