บทที่ 5 ดีดนิ้ว

2089 คำ
ลู่หมิงอวี๋นั่งเงียบ ๆ บนเตียง ก่อนจะใช้มือขวาปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ มือถือของเธอใช้ระบบคู่ และในขณะนี้เธออยู่ในระบบรอง ซึ่งเต็มไปด้วยสายที่ไม่ได้รับและข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน เพียงแค่เปิดขึ้นมาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันทีเป็นสายจากซีจื่อ ก็คิดไว้แล้วเชียว สวีเหวินจุนต้องแจ้งข่าวให้ครอบครัวลู่รู้แน่ ๆ  ลู่หมิงอวี๋ไม่รับสาย ไม่แม้แต่จะเปิดดูข้อความ เธอสลับกลับไปใช้ระบบหลัก แล้ววางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป เธอไม่มีของติดตัวมากนัก แค่กระเป๋าเดินทางใบเล็กแบบถือ ก็หยิบขึ้นมาแล้วออกไปได้เลย เรือสำราญลำนี้ทั้งใหญ่และหรูหรา แต่ตลอดสามวันที่ผ่านมา เธอแทบไม่ได้เดินสำรวจเลย เพราะสวีเหวินจุนจับตาดูเธอทุกฝีก้าว พอได้โอกาส เธอจึงออกมาเดินเล่นแบบไร้จุดหมาย โถงกลางของเรือโอ่อ่าตระการตา ประดับด้วยของตกแต่งล้ำค่า ทุกมุมเต็มไปด้วยงานศิลป์ระดับโลกที่มีมูลค่ามหาศาล สายตาของลู่หมิงอวี๋หยุดอยู่ที่ภาพวาดภาพหนึ่ง เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนานถึงสิบนาที ทางด้านข้างเป็นบันไดวน ชายหนุ่มที่กำลังเดินลงมา หยุดชะงักกลางขั้นบันได เขายืนมองเธอจากตรงนั้น รอบตัวเขา รายล้อมไปด้วยบอดีการ์ด ซึ่งต่างก็หยุดฝีเท้าตามไปด้วย หยานเทียนจัวไม่ได้มองทางข้างหน้า เกือบชนเข้ากับบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ดีที่เบรกไว้ทัน “พี่หมิง?” เขาหันไปมองด้วยความงุนงง ทว่าต้วนซิ่วหมิงไม่ได้ตอบ เขาจ้องไปยังเงาร่างที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นทำสัญญาณบางอย่าง บอดีการ์ดทั้งหมดถอยหลังไปอย่างเงียบกริบ แล้วหายลับไปตรงหัวมุมทางเดิน หยานเทียนจัวชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง พลางใช้สายตาถามว่า แล้วฉันล่ะ? ต้วนซิ่วหมิงยังคงยกมือค้างอยู่ ก่อนที่สองนิ้วจะขยับเล็กน้อย หยานเทียนจัวเข้าใจทันที เขาถอยหลังไปเช่นกันแต่เงียบยิ่งกว่าพวกบอดีการ์ด จนสุดท้ายก็กลับขึ้นไปยังชั้นบนอย่างไร้เสียง นี่คือสัญญาณระดับสูงสุดของตระกูลต้วน “คำสั่งเงียบและถอยทัพ” ปกติใช้เฉพาะในสถานการณ์เจรจาที่อันตรายถึงชีวิตเท่านั้น! หยานเทียนจัวตื่นตัวขึ้นมาทันที สัญชาตญาณนักสู้ทำให้เขาเอื้อมมือไปแตะที่เอวด้านหลัง ดวงตาทั้งคู่ฉายแววสังหาร! เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไร ต้องเตรียมพร้อมเข้าสู่โหมดต่อสู้เต็มรูปแบบ เพียงแค่พี่หมิงออกคำสั่ง เขาจะบุกไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล! ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดและเงียบสงัดสุดขีด ต้วนซิ่วหมิงเพียงแค่ปรับปกเสื้อของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะก้าวลงบันไดไปอย่างสง่างาม ในขณะเดียวกัน ลู่หมิงอวี๋ยังคงยืนพิจารณาภาพวาดตรงหน้า พลางชื่นชมรายละเอียดของมันโดยไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังเข้าใกล้ ต้วนซิ่วหมิงหยุดยืนอยู่ด้านหลังเธอครู่หนึ่ง แต่เธอก็ยังไม่รู้ตัวจนกระทั่ง ป๊อก! เสียงดีดนิ้วแผ่วเบาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ราวกับเป็นสัญญาณบางอย่างที่ทำให้เธอสะดุ้ง หันขวับไปทันที  และนั่น… คือเขา ชายหนุ่มในความทรงจำ ปรากฏตัวในลุกที่แตกต่างจากทุกครั้ง วันนี้เขาไม่ได้สวมเสื้อคลุมอาบน้ำเช่นเคย แต่กลับเลือกสวมเสื้อแจ็กเก็ตสูทแบบไม่มีปก สีดำเรียบหรู ตัดกับเสื้อยืดสีขาวธรรมดาด้านในเรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกเย้ายวนใจอย่างประหลาด ทรงผมของเขาถูกเซ็ตอย่างประณีต ทรงหวีเสยสไตล์ฮ่องกง เผยให้เห็นหน้าผากที่เรียบเนียนและโครงกระดูกที่เด่นชัด ทุกเส้นสายบนใบหน้าถูกขับเน้นจนดูสมบูรณ์แบบราวกับภาพวาดที่มีชีวิต สายตาของเขาจ้องตรงมาที่เธอนิ่งสงบ แต่แฝงไปด้วยความหมายที่เธอไม่อาจคาดเดาได้ ดูเหมือนว่าเขาจะมั่นใจในใบหน้าของตัวเองไม่น้อยทุกครั้งที่เจอ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของการปิดบัง เธอรับรู้ได้ถึงความสบาย ๆ แต่แฝงไปด้วยความโอหังของเขา และที่สำคัญเขามีบางสิ่งที่เธอไขว่คว้าเท่าไรก็เอื้อมไม่ถึง ริมฝีปากของต้วนซิ่วหมิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่แทบจะสังเกตไม่เห็น คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอเธอที่นี่ ไม่ใช่ในซีจื่อแต่เป็นกลางมหาสมุทร บนเรือของเขาเอง เขาไม่ได้พูดอะไร แค่จ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ ตรงกันข้ามลู่หมิงอวี๋กลับมองเขาด้วยแววตาประหลาด แล้วจู่ ๆ เธอก็ถามออกมา “โสด?” “ไม่อย่างนั้นล่ะ?” ต้วนซิ่วหมิงเลิกคิ้ว ดวงตาแฝงรอยยิ้ม ก็กำลังตามหาคุณอยู่นี่ไง “นอนกันอีกสักรอบไหม?” ลู่หมิงอวี๋เอียงคอ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ต้วนซิ่วหมิงขมวดคิ้ว สามเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เปิดปากมาก็ชวนขึ้นเตียง ไม่คิดจะพูดคุยกันหน่อยหรือไง? สายตาของเขากวาดมองเธอ จากใบหน้าลงไปถึงกระเป๋าเดินทางใบเล็กในมือสีหน้ามืดครึ้มลงทันที แล้วเขาก็หัวเราะออกมาหัวเราะเยาะเย้ย “ได้!” เขาเอื้อมมือไปคว้าเธอ ด้วยแรงเดียวกับเมื่อสามเดือนก่อน แล้วกระชากออกไป! ........ หัวมุมบันไดวน หยานเทียนจัวถึงกับยืนอึ้ง! หันไปสบตากับบอดี้การ์ดที่เหลือทุกคนทำหน้าเหมือนจะถามว่า นี่มันเรื่องบ้าอะไร? หาาาาาา????? ........ ต้วนซิ่วหมิงกระชากลู่หมิงอวี๋เข้ามาในลิฟต์ส่วนตัว ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง ริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงมาอย่างดุดันและเร่าร้อน จูบที่เต็มไปด้วยความโกรธและอารมณ์ที่เก็บกดไว้นาน แขนแกร่งข้างหนึ่งกดร่างบอบบางของเธอไว้กับผนังลิฟต์ไม่ให้หนีไปไหน ในขณะที่มืออีกข้างไล้ไปตามเรือนร่างอย่างจาบจ้วง ลู่หมิงอวี๋ยังไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าลิฟต์กำลังขึ้นไปชั้นไหน ติ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดออก ต้วนซิ่วหมิงก้มลงช้อนตัวเธอขึ้นในอ้อมแขน ก้าวฉับ ๆ ไปตามโถงทางเดินอันเงียบสงบ จนมาหยุดที่ประตูบานสุดท้าย เขาผลักประตูเปิดออกอย่างแรง ก่อนจะเหวี่ยงเธอลงบนเตียงอย่างไร้ความปรานี เสื้อผ้าของเธอถูกปลดออกทีละชิ้น ทีละชิ้น… ภายใต้อารมณ์ที่เดือดพล่านไปด้วยโทสะและแรงปรารถนา “ใส่ถุงหรือยัง?” น้ำเสียงเธอเรียบนิ่ง แต่ในดวงตามีแววท้าทาย “ใส่แล้ว!” เขาโน้มตัวลงมา กระซิบข้างหูด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ร้อนระอุ และในวินาทีนั้นระลอกคลื่นแห่งความปรารถนาก็โหมกระหน่ำ ไม่หลงเหลือช่องว่างระหว่างกันอีกต่อไป เธอเริ่มหัวเราะเบา ๆ “ทำไมถึงดูชำนาญนัก? นอกจากฉัน เธอเคยมีอีกกี่คน?” ต้วนซิ่วหมิงข่มอารมณ์ลง เอ่ยเสียงต่ำ “ไม่มี” ลู่หมิงอวี๋ยิ้มบาง เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ นัยน์ตาคมกริบที่เคยเต็มไปด้วยโทสะ กลับอ่อนลงอย่างน่าประหลาด ลู่หมิงอวี๋มองเขาอย่างสงบนิ่ง ไม่เอ่ยคำใด “ฉันทำเธอเจ็บหรือเปล่า?” เสียงทุ้มต่ำของต้วนซิ่วหมิงแฝงความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา ลู่หมิงอวี๋นิ่งงันไปชั่วขณะ ประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเขา ต้วนซิ่วหมิงโน้มตัวลง ประทับจูบแผ่วเบาบนเปลือกตาของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะจูบซ้ำที่ริมฝีปาก ครั้งนี้… ลมหายใจของเขาอบอุ่นและนุ่มนวล เต็มไปด้วยอารมณ์ที่แตกต่างจากเมื่อครู่ ราวกับต้องการปลอบโยนและไถ่โทษในคราวเดียวกัน ........ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน “แน่ใจนะว่าไม่มีคนอื่น?” เขาถามอีกครั้ง “ฉันต้องโกหกคุณด้วยเหรอ?” ลู่หมิงอวี๋ตอบอย่างไม่ใส่ใจ เราก็แค่คนแปลกหน้ากัน “ครั้งก่อนถ้าฉันไม่ดึงเธอออกมา เธอจะพูดอะไรกับพนักงานคนนั้น?” ต้วนซิ่วหมิงเอ่ยถามขึ้นกะทันหัน “ถามทาง” ลู่หมิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงเรียบ ต้วนซิ่วหมิงนิ่งไปครู่หนึ่ง “คุณกำลังหึงเหรอ?” ลู่หมิงอวี๋มองเขาแล้วยิ้มบาง “…” จะไม่ให้หึงได้ยังไง? เขาคิด เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะเปล่งเสียงต่ำในลำคอ เสียงทุ้มลึกแฝงไปด้วยอารมณ์ร้อนแรงและยากจะควบคุม เขาระมัดระวัง ไม่กล้าใช้แรงมากเกินไป กลัวว่าเธอจะบาดเจ็บ ส่วนจำนวนครั้งและระยะเวลานั้น… ไม่นับ ........ เรือสำราญแล่นไปท่ามกลางผืนน้ำสีเงินที่สะท้อนแสงจันทร์ ลู่หมิงอวี๋ถูกเขาปลุกให้ตื่นจากฝันกลางคืน และเมื่อตะวันทอแสงในยามเช้า เธอก็ถูกปลุกอีกครั้งด้วยจูบของเขา ลมหายใจอันร้อนผ่าวกระซิบอยู่ข้างใบหู น้ำเสียงของเขาทุ้มลึกและเต็มไปด้วยอารมณ์ที่เก็บซ่อนไว้ “บอกชื่อเธอให้ฉันรู้หน่อย” “ไม่สำคัญหรอก” ลู่หมิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ “เธอไม่มีหัวใจบ้างเลยหรือไง?” ต้วนซิ่วหมิงเอ่ยถามน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ลู่หมิงอวี๋มองเขาด้วยแววตาเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ “สายตาของเธอ… เป็นแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?” เขาก้มลงประทับจูบเบา ๆ ที่หางตาของเธอ ลู่หมิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ อย่างเย้ยหยัน ริมฝีปากของเขาเลื่อนลงไปสัมผัสกับริมฝีปากของเธออย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่คมครึ่งหลับครึ่งตื่น จ้องมองเธอด้วยอารมณ์ที่ซ่อนเร้น แววตาของเขาเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา จูบที่เคยอ่อนโยน กลับกลายเป็นเร่าร้อนและเอาแต่ใจ “เคยคิดถึงฉันบ้างไหม?” เขากระซิบถามข้างริมฝีปากของเธอ น้ำเสียงลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรู้สึก เธอไม่ตอบ มีเพียงการตอบสนองที่ไร้คำพูด ….... หลังจากนั้นไม่นาน ลู่หมิงอวี๋ผลักเขาออก แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ ต้วนซิ่วหมิงสวมเสื้อคลุมอาบน้ำนั่งรอเธออยู่บนโซฟาอย่างเงียบ ๆ เมื่อเธอออกมา ก็แต่งตัวเรียบร้อยเหมือนเช่นเคย เขาจ้องมองเธอนัยน์ตาลึกล้ำที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “จะไปอีกแล้วเหรอ?” เขาถามราวกับรู้คำตอบอยู่แล้ว ใช่… เธอไม่มีหัวใจ ลู่หมิงอวี๋พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปยังประตูห้อง เรือสำราญ… กำลังจะเทียบท่า “เดี๋ยวก่อน!” เสียงของต้วนซิ่วหมิงดังขึ้น ก่อนที่ลู่หมิงอวี๋จะก้าวออกจากห้อง เธอหยุดและหันกลับมาสายตาไร้อารมณ์ราวกับกำลังถามว่ามีอะไรอีก? “ฉันทำให้เธอพอใจหรือเปล่า?” ต้วนซิ่วหมิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่เลว” ลู่หมิงอวี๋ปรายตามองเขาที่สวมชุดคลุมอาบน้ำ หลุดยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย ดูจากสภาพเขาแล้วคงไม่ได้หลับเลยสักนิดแต่กลับยังดูมีแรงเหลือเฟือ “ถ้ามีความต้องการ… โทรหาฉัน อย่าไปหาคนอื่น” ต้วนซิ่วหมิงกระตุกยิ้มบาง หยิบกระดาษโน้ตจากบนโต๊ะมา เขียนหมายเลขโทรศัพท์อย่างรวดเร็วแล้วยื่นให้เธอ “บริการถึงที่เลยเหรอ?” ลู่หมิงอวี๋หยิบกระดาษโน้ตด้วยปลายนิ้วสองนิ้ว มองเขาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เต็มใจรับใช้ครับ” ต้วนซิ่วหมิงพยักหน้า “ฉันควรจ่ายเงินให้คุณไหม? เพราะดูเหมือน… คุณจะทำงานหนักมากเลยนะ” ลู่หมิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ ราวกับไม่ใส่ใจ คำพูดที่แฝงไปด้วยการเสียดสีเล็กน้อยทำให้บรรยากาศในห้องยิ่งเย็นชา ต้วนซิ่วหมิงจ้องมองเธอเงียบ ๆ ไม่โต้ตอบใด ๆ ลู่หมิงอวี๋พลิกมือทิ้งกระดาษโน้ตลงในถังขยะอย่างไร้เยื่อใยจากนั้นก็หันหลัง เปิดประตูแล้วเดินจากไป ปัง! เสียงประตูปิดลงอย่างเย็นชา ทิ้งให้ความเงียบปกคลุมห้องสวีทสุดหรู ต้วนซิ่วหมิงนั่งนิ่ง สายตาจับจ้องไปที่ถังขยะตรงหน้าอย่าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม