EP.06 กระดาษทิชชู่

3114 คำ
EP.06 กระดาษทิชชู่ PEACH TALK สองสัปดาห์ต่อมา วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผมรอคอย ไนน์จะมารับผมออกไปข้างนอก แล้วคืนนี้ผมจะได้นอนค้างกับไนน์ด้วยหลังจากอ้อนวอนขอไปนอนกับเขาที่หอตั้งหลายครั้งแต่ไนน์ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด ผมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้เสร็จเรียบร้อยก็ถือลงมารอไนน์ที่โซฟา แต่แล้วไม่นานเสียงน้ำตาลก็ดังแว่วตามลงมาเหมือนว่ากำลังคุยกับใคร หึ จะใครเสียอีกนอกจากพี่ไทม์ โทรหากันแต่เช้าเลยนะ “พูดให้มันเบา ๆ หน่อย หนวกหู” อดไม่ได้ที่จะต้องพูดจากระแนะกระแหนน้ำตาล เวลาเห็นมันมีความสุขกับพี่ไทม์แล้วผมทนไม่ไหวจริง ๆ ไม่รู้ทำไม แต่นอกจากมันจะไม่เบาเสียงพูดลงแล้วยังพูดดังขึ้นกว่าเดิมอีก เห็นไหม มันกวนประสาทผมกลับเหมือนกัน รู้ว่าผมรำคาญ แต่มันก็เดินมานั่งโซฟาตรงข้ามผม “ทำไมวันนี้ตื่นเช้า ปกติวันเสาร์พี่จะนอนอืดเป็นหมาเน่าอยู่ในห้องนี่ กว่าจะตื่นก็เที่ยง” “เรื่องของกู แล้วมึงไม่ไปเรียนพิเศษหรือไง หัดหาความรู้ใส่หัวซะบ้าง โง่กว่านี้ก็เขางอกแล้วนะ” “ผมไม่โง่ เกรดสี่ทุกวิชานะจะบอกให้ แต่เดี๋ยวก็ออกไปเรียนพิเศษแล้ว พี่ไทม์มารับอะ” “โง่ดิ โง่ให้เขาหลอกมาตั้งหลายปี เตรียมใจโดนทิ้งไว้ด้วยนะมึง” มันรู้ว่าผมหมายถึงใคร มันเลยถลึงตาแล้วยกเท้าใส่ผมเพราะพี่ไทม์ยังอยู่ในสาย ก็ช่วยไม่ได้ ผมพูดตามที่ผมคิดนั่นแหละ พี่เขาโตขนาดนั้นจะมาหลงใหลเด็กโง่อย่างมันได้นานแค่ไหนกัน เดี๋ยวก็เบื่อ เดี๋ยวก็ทิ้ง มีแต่มันนั่นแหละที่โง่จนดูไม่ออก ไม่ไหวว่ะ เห็นแล้วหงุดหงิดจนผมทนฟังสองคนนี้คุยกันต่อไม่ได้สักประโยคเดียว สุดท้ายเป็นผมเองที่หนีออกมาจากตรงนั้นก่อน ถือกระเป๋าเป้ของตัวเองเดินออกจากบ้านมารอไนน์ที่หน้าป้อมยามด้านหน้าหมู่บ้าน ผมบอกเขาไปแล้วว่าผมรออยู่ตรงนี้ ทว่าไม่กี่นาทีต่อมารถที่ขับผ่านตัวผมเข้าไปในหมู่บ้านคือรถของพี่ไทม์ คงจะเข้าไปรับน้ำตาลไปเรียนพิเศษ ผ่านไปพักหนึ่งไนน์ก็มาถึง รถพอร์ชสีบลอนด์สุดหรูจอดเทียบรอให้ผมขึ้นไป “พีชมองอะไรเหรอ ลืมของหรือเปล่า?” ไนน์ท้วงถามทันทีที่ผมเปิดประตูรถแต่ยังชะเง้อคอมองเข้าไปในหมู่บ้าน ก็พี่ไทม์ไม่ออกมาสักทีนี่นา ทำอะไรอยู่ในบ้านกันสองคนวะ ไอ้น้ำตาลเป็นเด็กเป็นเล็กอยู่แท้ ๆ ถึงผมจะไม่ค่อยลงรอยกับมันสักเท่าไหร่แต่อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “เปล่าหรอก ไม่ได้ลืมของอะไร” ผมตัดสินใจโทรไปหาน้ำตาล เชิงโทรไปถามว่าออกบ้านหรือยัง ออกมาแล้วอย่าลืมล็อกบ้านด้วย ซึ่งมันตอบกลับมาทันควันว่าล็อกบ้านแล้วกำลังออกมา ได้ยินแบบนี้ผมก็โล่งใจ อย่างน้อยสองคนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อในบ้าน “ห่วงน้องทำไมไม่พูดกับน้องดี ๆ บ้าง เห็นพีชทะเลาะกับน้องน้ำตาลทุกวันเลย” “อย่างมันไม่น่าพูดดีด้วยหรอกไนน์ กวนประสาทจะตาย” “พีชก็กวนน้องเหมือนกันนั่นแหละ ปากบอกไม่รักแต่แวะซื้อขนมกลับไปให้น้องเกือบทุกวัน คนปากแข็ง” “ไม่ได้รักปะ แค่ผ่านร้านก็ซื้อไว้ เหมือนซื้อขนมให้หมูให้หมาแหละ” ก็ ก็... ก็ซื้อขนมมาจริง แต่ไม่ได้ให้กับมือหรอก ผมเอาวางไว้บนโต๊ะอาหารทุกวันเดี๋ยวมันก็มาหยิบกินเอง เหมือนที่มันซื้อขนมให้ผมแล้วไม่พูดนั่นแหละ มันก็เอาวางไว้ให้ผมเดินไปหยิบเองเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของผมกับน้ำตาลเป็นแบบนี้ ไม่ได้ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่หรอก เพียงแต่อดนึกถึงกันไม่ได้ เหมือนสิ่งที่พ่อคอยเน้นย้ำมันได้ผล ที่พ่อบอกเสมอว่าให้ดูแลน้อง ต่อไปก็เหลือกันแค่สองคนพี่น้องแล้ว... แต่อย่างว่าล่ะนะ มันมีพี่ชายที่แสนดีของมันแล้วนี่ คงไม่ต้องการพี่ชายคนนี้เพิ่มหรอกมั้ง แล้วพี่ไทม์ก็แสนดีอย่างที่มันชอบจริง ๆ ผมก็เคยชอบ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังชอบอยู่ไหม คงเปลี่ยนจากความชอบเป็นการจับตามองเสียมากกว่า ผมกลัวจับใจเลยว่าพี่มันจะทำอะไรเกินเลยกับน้ำตาล ไอ้น้องเวรนั่นยิ่งโง่ ๆ อยู่ด้วย ไม่มีทางทันเล่ห์เหลี่ยมใครเขาหรอก “พีชอยากกินอะไรเดี๋ยวเราพาไป” “อยากไปร้านคาเฟ่สวย ๆ ร้านนั้นอะ ที่เราขับผ่านตอนไปโรงพยาบาลคราวนั้น” “อ๋อ ร้านที่เราบอกว่าสวยน่ะเหรอ ได้เลย ๆ” “อื้ม บรรยากาศร้านดีด้วย อยากไปนั่งกินกับไนน์” เพราะบรรยากาศดี ๆ มันเหมาะกับการทำอะไรดี ๆ น่ะสิ ผมนอนคิดมาหลายวันแล้ว กว่าจะมีโอกาสที่เหมาะสมขนาดนี้ ยังไงวันนี้ไนน์เสร็จผมแน่!! ผมเอื้อมมือไปเปิดเพลงคลอไปขณะเดินทาง ก่อนจะเอนหลังพิงเบาะรถแสนแพงด้วยท่าทางสบาย ชีวิตนี้ผมก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้นั่งรถราคาหลายล้านบาทแบบนี้เลย ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองว่าไนน์เป็นลูกเศรษฐี บ้านเขารวยมาก ถึงอย่างนั้นไนน์ก็ไม่เคยปฏิบัติกับผมแบบแบ่งแยกฐานะ เขาไม่เคยทำตัวรวยให้ผมรู้สึกอึดอัด แต่บอกตามตรงว่าต่อให้ผมรู้แต่แรกว่าไนน์เป็นลูกเต้าเหล่าใครผมก็ยังจะเข้าหาเขาอยู่ดี ผมชอบไนน์ที่รอยยิ้มและนิสัย ไม่ใช่เงินทอง ตั้งแต่รู้จักกันมาไนน์ไม่เคยอวดร่ำอวดรวย เขาอยู่แบบพอมีพอกินเหมือนกับผม อยู่แบบคนที่ยังหาเงินใช้เองไม่ได้ ช่วงไหนขัดสนเขาก็ทุบกระปุกเอาเงินออกมาใช้ไม่ต่างจากผมเลยเถอะ การได้มีไนน์อยู่ข้างกายแบบนี้ผมมีความสุขมาก มองโลกในแง่บวกขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้น แต่ละวันมีอะไรทำมากขึ้น ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ที่สำคัญการมีไนน์ทำให้ผมอิจฉาน้ำตาลน้อยลง... เวลาเห็นมันกับพี่ไทม์คอยพูดจาหยอกล้อกันผมก็จะนึกถึงไนน์ทันที ผมก็มีของผม มันก็มีของมัน เวลากลับบ้านมามันมีพี่ไทม์ให้อ้อน คอยเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง ผมเองก็มีไนน์คอยคุยด้วยอยู่ทุกวัน มันมีพี่ชายใจดีคอยดูแลเอาใจใส่ ผมเองก็มีไนน์คอยดูแลเหมือนกัน ไนน์แสนดีไม่ต่างจากพี่ไทม์เลยด้วยซ้ำ แต่ต้องยอมรับว่าคนต้นแบบที่ผมรู้สึกชอบคือพี่ไทม์ เขาเป็นคนอบอุ่นแบบที่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้น่ะอบอุ่น อ่อนโยน และถ่อมตัวแค่ไหน นี่คือจุดที่พี่ไทม์กับไนน์ต่างกัน เพราะไนน์เป็นคนสดใส อารมณ์ดี แต่ก็ซื่อบื้อ ยิ่งผมรู้จักเขาก็ยิ่งรู้สึกได้รับการเติมเต็มในสิ่งที่ผมขาดหาย แม้จะต่างจากพี่ไทม์ แต่ผมก็ชอบไนน์มากอยู่ดี จากคนที่เอาแต่อิจฉาน้องตัวเองไปวัน ๆ ตอนนี้กลายเป็นคนที่พร้อมจะเรียนรู้ความรักไปพร้อมกับไนน์แล้วนะ ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกอยากรักใครสักคนจากใจจริงน่ะมันเป็นยังไง หัวใจผมมันไม่เคยชัดเจนขนาดนี้กับใครมาก่อนเลย ไนน์เป็นคนแรกที่ผมกล้าพูดเต็มปากว่าผม... รักเขา... “พีชยิ้มอะไรเหรอ คิดอะไรอยู่?” “คิดเรื่องของเรา” “หืม คิดทำไมอะ เราทำอะไรให้พีชไม่สบายใจหรือเปล่า” “นั่นสิ ใจเราไม่สบายตรงไหนหรือเปล่านะ อยู่กับไนน์แล้วใจเต้นแรงตลอดเลย” “พีชชชชชชช อย่าหยอดตอนขับรถได้ไหม เราเขินแล้วมือไม้มันอ่อน จับพวงมาลัยไม่ไหวแล้วเนี่ย” น่ารักจังคนเนี้ย ผมชอบเวลาไนน์เขินเพราะเขาจะเผยยิ้มหวาน มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสมาก ยิ่งตอนเขายิ้มกว้างแล้วดวงตาเขาจะปิดลงมันทำให้ผมมองไม่เบื่อเลย ไม่ว่าไนน์จะยิ้มแบบไหนก็น่ารักในสายตาผมไปเสียหมด เราใช้เวลาอยู่บนท้องถนนพักหนึ่งกว่าจะมาถึงร้านที่ผมบอก มันคือคาเฟ่ที่มีทั้งข้าวและขนมหวาน ผมเจอร้านนี้เมื่อวันที่ไนน์พาผมไปโรงพยาบาล รถมันติดพอดีเลยมีเวลานั่งมองริมถนนและพบว่าร้านนี้บรรยากาศดีมาก ตัวร้านตกแต่งสไตล์ยุโรป ด้านนอกร้านมีสวนหย่อมและสนามเด็กเล่นด้วย ผมเอาชื่อร้านไปเสิร์ชหาข้อมูลมาแล้ว แล้วก็เก็บเงินตั้งครึ่งเดือนกว่าจะได้มา มื้อนี้ผมตั้งใจจะเลี้ยงไนน์เอง เด็กม.5 อย่างผมจึงต้องใช้เวลาเก็บเงินสักหน่อย วันนี้ไนน์พาผมออกมาผมเลยขอเลือกร้านเองเพราะเก็บเงินได้ครบแล้ว ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาผมงดกินขนม งดน้ำอัดลม เพื่อเก็บเงินมาเลี้ยงข้าวไนน์มื้อนี้เลยนะ เมื่อเราเข้ามาด้านในของร้าน กลิ่นหอมหวานของขนมก็โชยจนไนน์ถึงกับทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดอมดม ผมจูงมือไนน์มานั่งโต๊ะริมกระจกที่สามารถมองออกไปยังสวนหย่อมด้านนอกได้ จากนั้นไม่นานพนักงานก็ถือเมนูมาให้เราเลือกอาหาร เรื่องของกินไม่ต้องห่วงเลย ไนน์ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจเท่านั้นในการสั่ง เขาเห็นอะไรน่ากินก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่รูปในเมนูทันที ส่วนของผมก็ง่าย ๆ แค่สั่งเมนูไม่ซ้ำไนน์ก็พอ เขาจะได้มีเมนูอื่นให้ชิมไง เผื่ออร่อยแล้ววันหลังมาอีกจะได้สั่ง “บรรยากาศร้านก็ดี คนมากินข้าวด้วยก็ดี” “วันนี้พีชเป็นอะไรเนี่ย ยิ้มตลอดเลย แล้วดูพูดจาเข้าสิ จีบเราแต่เช้าเลยนะ” “จะจีบไนน์เราเคยเลือกเวลาด้วยเหรอ จะเช้าจะดึกเราก็จีบอยู่ดี” “วันนี้มีพิรุธ เมื่อเช้ามีเรื่องอะไรดี ๆ เหรอ ไหนเล่าให้เราฟังหน่อย” “ไม่มีอะไร แค่ดีใจคืนนี้จะมีคนใจดีให้นอนค้างด้วย” “ใครบอกกกกก เรายังไม่ได้ตกลงเลย พีชพูดเองเออเองทั้งนั้นอะ” “เดี๋ยวไนน์ก็ยอม” เรานั่งคุยกันอยู่อย่างนั้นจนอาหารมาเสิร์ฟครบจึงเริ่มลงมือทานทันที แล้วผมก็สังเกตว่ากระดาษทิชชูที่ทางร้านให้มานั้นมันไม่พอ ไนน์เป็นคนซุ่มซ่าม เขาชอบตักอะไรเข้าปากแล้วหกเลอะเทอะจึงจำเป็นต้องใช้กระดาษทิชชูมากหน่อย “หกอีกแล้ว ทำไมเรากินอะไรก็ชอบหกใส่เสื้อผ้าไปทั่วเนี่ย น่าหงุดหงิดจัง” “เดี๋ยวเราไปขอกระดาษทิชชูให้ ไนน์เอาของเราไปใช้ก่อนแล้วกัน” ผมเดินยิ้มกรุ้มกริ่มมาขอกระดาษทิชชูจากพนักงานเพิ่ม จากนั้นก็นำมาให้เขาที่ง่วนกับการเช็ดโต๊ะสลับกับเสื้อตัวเองที่เลอะเป็นจุด ผมว่าที่เขาชอบกินอะไรแล้วหกส่วนหนึ่งเพราะไนน์ชอบเหม่อด้วยแหละ เหมือนเขาชอบมองตรงนั้นตรงนี้ตลอดไม่ค่อยจะมองกับข้าวตรงหน้าสักเท่าไหร่ ตักเข้าปากบ้าง ตักหกบ้าง ผมเห็นไนน์เงอะงะแบบนี้จนชินตา แล้วก็เป็นผมที่คอยช่วยเขาเช็ดปากอยู่เรื่อย กระดาษทิชชูที่ขอมาเพิ่มถูกใช้ไปสองแผ่น พอดีกับอาหารคาวตรงหน้าที่หมดลง จากนั้นเราจึงสั่งของหวานกันต่อเลย น้ำหวานคนละแก้ว ส่วนเค้กนี่สั่งมาชิ้นเดียวเพราะผมไม่กิน อาศัยชิมกับเขานิดหน่อยเท่านั้น “อาหารร้านนี้อร่อยนะ เราชอบ ไว้วันหลังเรามากันอีก” “อาหารเราก็ชอบ แต่เราชอบไนน์มากกว่า” “พีชเป็นอะไรเนี่ย ฮ่า ๆ รู้ตัวไหมว่าวันนี้พีชทำตัวแปลกมาก” “เหรอ ตื่นเต้นมั้ง” “ตื่นเต้นที่จะได้ค้างกับเราเหรอ อย่างกับไม่เคย” “ครั้งเดียวเอง นอนจับมือกันเฉย ๆ เลยด้วย” “เอ้า แล้วคิดจะทำอะไร เด็กทะลึ่ง” เมื่อเค้กมาเสิร์ฟพร้อมกับชานมไต้หวันคนละแก้ว ผมนั่งลุ้นอะไรบางอย่างจนเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก เหลือบมองไนน์สลับกับกองกระดาษทิชชูไม่วางตา ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องทำหน้าผ่อนคลายไม่ให้มีพิรุธไปมากกว่านี้ ทั้งที่ผมตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว หัวใจเต้นตึกตักจนมันจะหลุดออกมาจากอก กระทั่งมือเรียวสวยของไนน์ก็เอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชูแผ่นที่สามขึ้นมาเช็ดปาก ทำให้เขาเห็นกระดาษทิชชูแผ่นที่สี่มีข้อความบางอย่างที่ผมแอบเขียนเอาไว้อยู่ ‘ไนน์เป็นแฟนกับพีชนะครับ’ ผมเห็นไนน์ชะงักกึก มองข้อความบนกระดาษทิชชูอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะหันมามองผมด้วยรอยยิ้มที่หวานที่สุดในโลก “ไนน์ค้าบบบบ เราก็คุยกันมาได้สักพักแล้วนะ พีชคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะคบกันจริงจัง” “...” “พีชชอบไนน์มาก ๆ ไนน์คงรู้อยู่แล้วเพราะพีชบอกไนน์ก่อนนอนทุกคืน” “...” ผมเอื้อมมือไปกุมมือไนน์เอาไว้ สบตากับเขาเพื่อเน้นย้ำว่าสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ผมพูดออกมาจากหัวใจ แววตาผมไม่เคยโกหก “ความชอบที่เกิดขึ้นกำลังเปลี่ยนเป็นความรักแล้วนะ พีชคิดว่าพีชรักไนน์เข้าแล้วล่ะ จากนี้เรามาคบกันเถอะ เป็นแฟนกับพีชนะครับ” มือผมกับมือไนน์ไม่รู้มือใครที่เย็นชืดกว่ากัน ผมตื่นเต้นมากเลยนะ แต่ผมก็ซ้อมพูดมาดีแล้ว เตรียมตัวมาตั้งครึ่งเดือน ส่วนไนน์เขาคงดีใจปนตกใจ ไนน์เองก็เปรยมาหลายทีแล้วให้ผมขอเขาเป็นแฟนสักที วันนี้ผมขอแล้วนะ ตั้งใจว่าจะหาวิธีขอแบบที่ไนน์ไม่รู้ตัว ไม่เอะใจ “อื้ม ก็คงเป็นพีชแหละ ไม่ใช่คนอื่น ฮืออออ พีชชช ทำไมพีชไม่บอกเราก่อนอะ วันนี้เราแต่งตัวไม่หล่อเลย พีชหล่อมาก มาขอเป็นแฟนกับเราวันที่เราใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นได้ไง ผมเผ้าก็ไม่ได้เซ็ตเนี่ย” “น่ารักแล้ว” “กระดาษทิชชูแผ่นนี้เราขอเก็บไว้นะพีช มันสำคัญสำหรับเราอะ ขอบคุณนะ เราดีใจมากเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าพีชจะมาแนวนี้ โรแมนติกเหมือนกันนะเนี่ย เลือกร้านที่บรรยากาศดี หาจังหวะที่อารมณ์ดีด้วย” “เราคิดมาครึ่งเดือนแล้ว ขอโทษนะที่ทำให้ไนน์ได้แค่นี้ ไม่มีอะไรหรูหราเลย” “เราชอบความเรียบง่ายต่างหาก แค่เป็นพีชก็พอแล้ว” “มีแฟนแล้วโว้ยยยยย” “พีชเบา ๆ หน่อย!!” คนมันดีใจจนปิดไม่มิดนี่หว่า ผมทนไม่ไหวหรอก อยากประกาศให้โลกรู้ว่าเด็กม.5 อย่างผมน่ะมีแฟนเจ๋งแค่ไหน น่ารักมากด้วย ผมถ่ายรูปข้อความบนกระดาษทิชชูเก็บไว้โพสต์ลงโซเชียล แอบถ่ายไนน์ตอนตักเค้ก ถ่ายมือเราที่กุมกันอยู่ หลังจากเราเป็นแฟนกันหมาด ๆ ผมก็กุมมือไนน์ไว้ตลอด มันดีใจ ภูมิใจ คือบอกไม่ถูกเลย รู้แค่ว่าผมหยุดยิ้มไม่ได้ หยุดที่จะยกมือไนน์ขึ้นมาหอมไม่ได้เช่นกัน แล้วรสชาติชานมตอนนี้มันหวานขึ้นกว่าเดิมมากเลย แต่อะไรก็หวานสู้รอยยิ้มของไนน์ไม่ได้หรอกนะ “ไนน์เป็นคนแรกเลยนะที่เราขอเป็นแฟน” “ถามจริง?” “อื้อ ปกติมีแต่คนมาจีบ เราก็คบหมดแหละไม่ได้ชอบจริง ๆ หรอก” “พีชอย่ามาเล่นกับใจเราแล้วกัน เราไม่ใช่เด็กนะ เราโตกว่าพีช แล้วเราก็จริงจังกับความรักด้วย ต่อให้ไม่เคยคบใครมาก่อนก็เถอะ แต่เราก็รู้ว่ารักดี ๆ มันเป็นยังไง” “กับไนน์เราไม่เล่น เราจริงจัง การที่เราจะบอกรักใครสักคนได้เต็มปากนั่นแสดงว่าเรารู้สึกรักจริง ๆ และไนน์คือคนนั้น” ไนน์หยิบกระดาษทิชชูที่มีข้อความขอเป็นแฟนขึ้นมาดูอีกครั้งด้วยรอยยิ้มสดใส ผมมองแล้วถึงกับต้องยิ้มตาม จากนั้นเขาก็พับเก็บใส่กระเป๋าตังค์ไว้อย่างดีราวกับมันเป็นของขลัง “อิ่มแล้ว วันนี้ไปไหนกันต่อดี” “ไปหอไนน์” “จะค้างให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย” “อื้ม อยากนอนด้วย” “ขอพ่อยัง?” “ขอแล้ว พ่อโอเค ไม่ได้ค้างบ่อยสักหน่อย” “งั้นแวะซื้อของเข้าห้องก่อนแล้วกันนะ ของใช้หมดหลายอย่างเลย” “ตามใจไนน์ งั้นเราไปจ่ายเงินก่อนนะ” “ว้าว... เสี่ยพีชเลี้ยงข้าวด้วย เท่มาก ๆ แต่ครั้งหน้าให้เราเลี้ยงพีชบ้างนะ” หลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยเราก็ขับรถออกจากร้านมาในทันที ไนน์พาแวะซูเปอร์มาร์เก็ตระหว่างทางกลับหอด้วย เขาเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ของเขาไป ส่วนผมเดินมาหยิบทิชชูเป็นอย่างแรก คือว่าผมต้องเตรียมการเอาไว้ก่อน เผื่อคืนนี้มันเกิดเหตุการณ์เลยเถิดขึ้นมาจะได้มีอะไรเช็ดคราบเลอะเปรอะเปื้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ ผมแค่เตรียมเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ก็ไนน์เคยบอกเองนี่ ว่าถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะทำอะไรก็ทำ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม