EP.06 แลก

3378 คำ
EP.06 แลก หนึ่งเดือนผ่านไป ผมไม่ชอบฤดูฝนเลยครับ ไม่ชอบฝนเพราะมันทำให้พีชป่วย สองวันที่ผ่านมาพีชซ้อมบาสไม่ไหว เรียนเสร็จก็กลับบ้านเลย จนวันนี้เขาต้องหยุดเรียนเพราะตอนเช้าลุกไม่ขึ้น โทรมาอ้อนผมใหญ่เลยว่าปวดหัวตัวร้อน กำชับเสียงดังด้วยว่าที่บ้านไม่มีใครอยู่ให้ผมไปหาเขาหน่อย เขาต้องการคนดูแล ตัวผมไม่มีปัญหาหรอกครับ เขาบอกให้ไปหาที่ไหนผมไปหาได้หมด ห่วงแค่ว่าถ้าพีชเป็นอะไรหนักขึ้นมาเขาควรจะได้รับการรักษาอยู่โรงพยาบาล สมมติว่าพีชนอนซมแบบไม่มีแรงจะทำอะไร ผมก็ไม่ไว้ใจที่จะให้เขาอยู่บ้านนะ ผมจะพาเขาไปโรงพยาบาลทันที แต่ว่า...ผมไม่มีรถครับ ไม่สะดวกในการพาพีชออกไปข้างนอกแน่นอน Peachhhhh : จะเข้ามากี่โมง? No.9 : สาย ๆ หน่อยนะ พีชกินข้าว กินยาแล้วนอนพัก เดี๋ยวเราเข้าไปหา ที่ไปหาพีชได้สายหน่อย เพราะตอนเช้าผมว่าจะไปบ้านใหญ่น่ะสิ ไปเอารถมาใช้ ที่จริงพยายามเลี่ยงที่จะกลับบ้านแล้ว ทั้งขอยืมรถพี่นัทและน้องนีนมาใช้ก่อน ทั้งวานอาเธียรคุยกับป๊า แต่พี่นัทกับน้องนีนวันนี้มีเรียน เอารถมาให้ผมไม่ได้ ส่วนอาเธียรติดประชุมอยู่ต่างประเทศ มีทางเดียวที่ผมจะใช้รถวันนี้ได้ก็คือกลับบ้านไปขอกุญแจรถจากป๊า สามเดือนเต็มแล้วที่ผมไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านหลังใหญ่หลังนี้ วันนี้ได้มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านด้วยความรู้สึกขนลุกซู่ ผมโตมาในบ้านหลังนี้ แต่กลับไม่รู้สึกคุ้นเคยเสียที ไม่รู้สึกผูกพันด้วยซ้ำ “คุณหนู” “ป้าไพร สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้คุณป้าแม่บ้านที่เลี้ยงผมมาอย่างนอบน้อม ป้าไพรรีบเดินมาเปิดประตูให้ผมก่อนจะเข้ามากอดด้วยความดีใจ แต่ป้าก็ยิ้มให้ผมได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น “คุณนายไม่อยู่บ้านนะคะ ออกไปตั้งแต่เช้า” เป็นที่รู้กันครับว่าป๊าพาผู้หญิงคนอื่นเข้าบ้านอีกแล้ว แม่ผมจะกลับบ้านอยู่บ้านใหญ่เมื่อสถานการณ์สงบสุข และจะออกไปอยู่บ้านอีกหลังในวันที่ป๊าพาผู้หญิงคนอื่นมาที่นี่ “ผมขอเข้าไปเอากุญแจรถแป๊บเดียวเดี๋ยวผมก็กลับแล้วครับ อยู่ไม่นานหรอก” “คุณท่านอยู่ในห้องทำงานนะคะคุณหนู ป้าว่าอย่าเพิ่ง...” “ไม่เป็นไรครับป้า เขาไม่ตีผมถึงตายหรอก” ที่จริงผมไม่รู้ว่าป๊าอยู่บ้าน คิดว่าแม่จะอยู่ที่นี่เสียอีกผมเลยไม่ได้โทรหาแม่ก่อน ฝ่าเท้าของผมเดินอย่างมั่นคงเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงัด บรรยากาศที่นี่เย็นยะเยือกไร้ซึ่งความอบอุ่น ในบ้านไม่มีใครอยู่เลยครับ ผมสูดลมหายใจเข้าไปลึกสุดปอดเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องทำงานของป๊าเข้าไป “ป๊า ผมขอกุญแจรถ จะเอารถไปใช้” ชายวัยห้าสิบหกปีหันมาหาผมด้วยรอยยิ้ม ป๊ายืนตั้งท่ากำลังจะตีลูกกอล์ฟให้ลงหลุม มันเป็นกิจกรรมขนาดย่อมที่ป๊าชอบเล่นในห้องทำงานหากมีเวลาว่าง ส่วนที่โซฟามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ เมื่อผมเหลือบไปมองเธอก็หลบตาผมแล้วรีบก้มหน้า “ไม่เจอกันนานเลยนะลูกรักของป๊า จะเอารถไปใช้เหรอ เอาคันไหนเลือกไปได้เลย หรือจะเอาคันใหม่ก็ได้เดี๋ยวป๊าซื้อให้ แลกกับการกลับบ้านมาหาป๊าบ่อย ๆ นะ ช่วยป๊าทำงานหน่อย” มีสักครั้งไหมที่จะให้อะไรผมโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน ไม่ครับ ป๊าไม่เคยเลย ทุกอย่างที่หยิบยื่นมาให้ ป๊าจะหวังผลตอบแทนเสมอ “กุญแจรถผมอยู่ไหน?” “จะกลับมาอยู่บ้านเมื่อไหร่ไนน์ ป๊าทำงานเหนื่อยจะตายแล้ว ไม่มีลูกคนไหนช่วยป๊าสักคน เจ้านัทก็หัวทื่อ ขี้ขลาด เจ้านีนก็ยังเด็ก ป๊าหวังพึ่งแต่ไนน์นะ กลับมาอยู่กับป๊าเถอะ” “ผมถามว่ากุญแจรถผมอยู่ไหน?” “พูดอะไรไม่เคยจะฟัง ไอ้ลูกไม่รักดี!” หึ เริ่มแล้วสินะ อย่างป๊าน่ะพูดกับผมดีไม่เกินสามประโยคหรอกครับ ถ้าผมไม่คล้อยตามป๊าจะเริ่มบันดาลโทสะทันทีเลยล่ะ “รักดีแล้วเป็นอย่างป๊าน่ะเหรอ ผมไม่เอาหรอกนะ แค่ครอบครัวยังรักษาไม่ได้เลย!” ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะปะทะคารมกลับไป ยิ่งเห็นผู้หญิงคนอื่นนั่งอยู่ตรงนี้ผมยิ่งทนไม่ได้ ทั้งที่ภายในบ้านหลังนี้ผู้หญิงคนเดียวที่มีสิทธิ์นั่งตรงนั้นมีแค่แม่ของผมคนเดียวแท้ ๆ แต่ป๊ากลับพาคนอื่นเข้ามา มันกี่ครั้งแล้ว กี่ปีแล้วที่ป๊าทำร้ายจิตใจพวกเราไม่เปลี่ยน “ไอ้ไนน์ แกจะดื้อให้มันได้อะไรวะ มีลูกก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง!” “ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ผมเกิดมาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!!!” ผลั้ว! ป๊าเดินเข้ามาพร้อมใช้ไม้กอล์ฟฟาดเข้าที่ท้องผมเต็มแรง ความเจ็บแล่นปรี่จนผมต้องงอตัว ไม่นานผมก็โดนป๊าฟาดเข้ามาที่เอวและหลังอีกอย่างละที อ่า แรงยังดีเหมือนเดิมเลยนะ “แกอย่ามาพูดกับป๊าแบบนี้นะ! ป๊าให้แกทุกอย่าง แต่แกไม่ขวนขวายจะเอาเอง เลิกต่อต้านแล้วกลับมาใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นได้แล้ว!” “แล้วป๊าเคยถามผมสักครั้งไหมว่าผมต้องการอะไร” “ทำไมต้องถาม ที่ป๊าให้แกมันไม่ดีตรงไหน มันดีกับตัวแกทุกอย่างไนน์ ไอ้ลูกโง่!” ผมหยัดตัวพยายามยืนให้ตรงเมื่อเห็นป๊าโยนไม้กอล์ฟทิ้งและเดินผ่านตัวผมไปที่โต๊ะทำงาน เพียงชั่วอึดใจป๊าก็โยนกุญแจรถตรงมาที่ผม ตรงหน้าเลยครับ ดีที่ผมเอียงหน้าหลบทันมันเลยโดนเข้าที่กกหูแทน ปึก! “ดูไว้นะ ขนาดลูกชายแท้ ๆ ยังกลายเป็นทาสอารมณ์ขนาดนี้ แล้วคนที่รู้จักกันผิวเผินอย่างคุณน่ะอย่าคิดว่าป๊าจะไม่กล้าทำร้าย” ประโยคนี้ผมหันไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นที่นั่งมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก ที่จริงผมก็พูดใส่ทุกคนที่ผมเคยเจอนั่นแหละครับ ป๊าไม่ได้จะจริงจังกับพวกเธอหรอก ผมไม่เคยเจอใครซ้ำหน้าสักคนเดียว วันนี้ผมหมดธุระที่บ้านหลังนี้แล้ว กุญแจรถผมก็ได้มาแล้วฉะนั้นผมจึงอยากออกไปให้ไวที่สุด เดินจากห้องทำงานโดยไม่ร่ำลาป๊าสักคำ ตึก ตึก ตึก ผมเดินมาจนถึงโรงรถ เห็นป้าไพรกับกำลังเช็ดรถให้ผมอยู่อย่างขะมักเขม้น รถของผมที่ผมไม่เคยได้ขับเพราะมันแพงเกินตัวผมไปมาก สำหรับนักศึกษาปีสองที่หาเงินเองยังไม่ได้จะให้ผมขับ Porsche 718 Boxster คันละห้าล้านกว่าบาทไปไหนมาไหนเหรอ ผมรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับผมเลย “เจ็บตรงไหนไหมคะคุณหนู ให้ป้าทำแผลให้ไหม?” “นิดหน่อยครับ” “หู... เลือดออกค่ะ เดี๋ยวป้าเช็ดให้นะคะ” “ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมจัดการเอง ผมไปก่อนนะครับผมรีบ ไว้วันหลังผมมาอีกจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากป้านะครับ” ผมใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ไหลออกจากหูลวก ๆ ไม่รู้เลยมีเลือดไหลออกมา รู้แค่ว่าตั้งแต่ป๊าเขวี้ยงกุญแจรถเข้าใส่แล้วหูผมอื้อไปเลย ตอนนี้ก็ยังอื้ออยู่ ช่างเถอะ ผมรู้อยู่แล้วว่าการเจอป๊าแต่ละครั้งมันต้องเจ็บตัว ชินแล้วครับ ตอนนี้รีบไปหาพีชดีกว่า มีคนป่วยรอผมอยู่ แม้ว่าผมจะเดินทางไปบ้านพีชครั้งแรกแต่ผมกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างมากเพราะพีชบอกทางผมอย่างละเอียด เขาส่งทั้งโลเคชั่น ทั้งบ้านเลขที่ บอกซอยแยกย่อยในหมู่บ้านชัดเจน แถมนับจำนวนหลังให้ด้วยว่าเขาอยู่บ้านหลังที่เท่าไหร่หลังจากเลี้ยวเข้าซอยมา มาถึงแล้วเข้าบ้านได้ทางประตูเล็กได้เลย กุญแจสำรองของบ้านอยู่ในรองเท้าผ้าใบสีแดงคู่ที่สองที่วางอยู่ในชั้นรองเท้า ส่วนห้องนอนพีชให้ขึ้นชั้นสองมาอยู่ซ้ายมือ บอกละเอียดขนาดนี้แน่นอนว่าผมย่อมมาถูก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยิ่งเป็นห่วง ถ้าเป็นพีชคนที่ไม่ป่วยเขาจะต้องลงมาต้อนรับผมถึงหน้าบ้านแล้ว แต่นี่เขาบอกทุกอย่างเผื่อเอาไว้ราวกับรู้ว่าตัวเองจะลงมาหาผมไม่ไหว แบบนี้ต้องป่วยขนาดไหนนะ เป็นเพราะสามวันก่อนเขาวิ่งตากฝนมาหาผมที่หอแท้ ๆ ผมใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะมาถึงบ้านของพีช รถคันหรูจอดเทียบที่หน้าบ้านของเขาก่อนผมจะทำตามขั้นตอนที่พีชบอก กระทั่งเข้ามาด้านในของบ้านได้ และขึ้นมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของพีชในที่สุด ก๊อก ก๊อก “พีช เรามาแล้ว เราเข้าไปหานะ” “อืม...” ได้ยินเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้อง แม้จะดังแผ่วเบาแต่ผมก็ได้ยินและรีบเข้าไปหาเขาในทันที พีชนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง ที่โต๊ะข้างเตียงมีชามข้าวต้มวางอยู่ ไม่แน่ใจว่าพีชได้กินไปหรือยัง แต่ผมเดินไปจับชามดูพบว่ามันเย็นชืดแล้ว ส่วนข้างชามข้าวมียาลดไข้วางอยู่แผงหนึ่ง มีรอยแกะไปแล้วสามเม็ด “เป็นไงบ้าง พีชไหวไหม?” “อืม...” เจ้าของห้องมองผมด้วยแววตาอ่อนเพลีย ริมฝีปากแห้งแตกเผยยิ้มเหนื่อยอ่อนมาให้ ผมจึงนั่งทิ้งตัวลงที่ขอบเตียงแล้วยื่นมือไปทาบกับหน้าผากของเขา “พีช ตัวร้อนมาก! กินข้าวกินยาหรือยัง?” “กินไปนิดเดียว กินยาแล้ว” “ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลยพีช เราพาไปเอง” “นอนสักตื่นน่าจะดีขึ้น” “อย่าดื้อได้ไหม ถ้าพีชไม่ไปหาหมองั้นเรากลับแล้วนะ ไม่สบายก็ต้องรักษาสิ การให้เรามาดูแลพีชไม่ได้หมายความว่าพีชจะหายนะ เราไม่ใช่หมอ!” ผมเริ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ผมเจ็บตัวแลกกับการได้มีรถมาหาเขา คิดไว้แล้วว่าถ้าพีชอาการไม่ดีจะพาไปโรงพยาบาล แล้วดูพีชตอนนี้สิครับ เขาดื้อไม่ยอมท่าเดียว แถมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงใส่อีก “ทำไมไนน์ต้องดุ” “เราห่วงพีชไง พีชดื้อแบบนี้มันทำให้ความพยายามเราเสียเปล่า” “อย่าดุ ไปก็ได้” คนป่วยลุกจากเตียงอย่างคนหมดแรง ผมยื่นมือไปสัมผัสกับใบหน้าและซอกคอของพีชอีกครั้งพบว่ามันร้อนมากจริง ๆ ดีแล้วที่ไปหาหมอได้วันนี้ หากปล่อยไปไม่รู้คืนนี้จะไข้ขึ้นอีกไหม กลัวเขาเป็นอะไรแล้วไม่ยอมบอกใครน่ะสิ อย่างน้อยเขาไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็จะได้ชุดยาที่ตรงตามอาการ ไม่ใช่กินแค่ยาลดไข้อย่างเดียว พีชแต่งตัวเสร็จในเวลาไม่นาน แต่เลือกรองเท้านานมาก เขาพิถีพิถันเหลือเกินกว่าจะหาคู่ที่ถูกใจและเหมาะกับสีเสื้อผ้าที่เขาใส่วันนี้ ซึ่งพีชใส่เสื้อสีดำ กางเกงสีดำ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะเลือกรองเท้าให้ยากไปทำไม สีไหนก็เข้ากับเขาหมดแหละครับ ไม่ทำให้พีชดูเท่น้อยลงไปกว่านี้หรอก กว่าพีชจะเลือกรองเท้าได้ก็ปาไปเกือบสิบห้านาที ผมนี่ยืนร้อนใจแทบแย่ กลัวเขาจะวูบล้มลงไปน่ะสิครับ เห็นยืนโอนเอนไปมาตั้งหลายรอบแล้ว ปากก็บ่นหน้ามืด แต่ก้ม ๆ เงย ๆ เลือกรองเท้าไม่หยุด เฮ้อ น่าตีชะมัด เมื่อพร้อมออกจากบ้าน พีชเอื้อมมือมาจูงมือผมเดินอย่างที่เขาชอบทำ เราเดินออกจากบ้านไปพร้อมกัน แล้วพีชก็หยุดชะงักเมื่อเห็นรถของผมจอดอยู่หน้าบ้าน เขาหันมองผมกับรถสลับกันด้วยความตกใจ ผมจะบอกเขาเรื่องที่บ้านยังไงดีนะ เรื่องครอบครัวผมมันค่อนข้างซับซ้อน... “ตกใจขนาดนี้เลยเหรอ ก็... รถเราเอง” พูดไปผมก็เอียงหน้าหลบไป ไม่รู้จะเริ่มเล่าให้เขาฟังจากตรงไหนดีน่ะครับ แต่พีชก็ไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมานอกจากจับใบหน้าผมหันไปอีกฝั่งหนึ่ง “คราบเลือดอะไร? ใครทำอะไรไนน์!” เสียงแหบพร่าจากคนไม่สบายมันทุ้มต่ำดูน่ากลัวเป็นพิเศษ ผมเหลือบตามองพีชตอนนี้เขาดูโมโห และโมโหมากขึ้นอีกเมื่อผมไม่ยอมตอบเขาเสียที “พีชไปโรงพยาบาลก่อนนะ เดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง” “สัญญานะว่าจะเล่า” “อื้ม สัญญา แลกกันไง พีชยอมไปโรงพยาบาล เราก็จะยอมเล่าให้ฟัง อยากรู้อะไรถามได้เลย” “เอาที่ไนน์สะดวกเล่า เรื่องอื่นไม่ต้องเล่าก็ได้ แต่เรื่องที่โดนทำร้ายร่างกายไนน์ต้องเล่า อย่าปิดปังเรานะ” สายตาเป็นห่วงที่พีชมองผมมันทำให้ผมน้ำตาคลอ หัวใจรู้สึกอุ่นขึ้นมาเลยครับ แววตาของพีชตอนนี้เหมือนกับที่ครอบครัวมองผม อบอุ่น อ่อนโยน และเป็นห่วง หลายครั้งที่ผมทะเลาะกับป๊าผมก็ไม่บอกใคร กลับมารักษาตัวเองอยู่ที่หอเพราะไม่อยากให้แม่กับพี่น้องเป็นห่วง แต่ต่อจากนี้ถ้ามีพีชเข้ามายังไงผมก็ปิดเขาไม่มิด ถ้าต้องเล่าเรื่องการเจ็บตัว ผมคงต้องเล่าให้เขาฟังทั้งหมด ภาวนาให้พีชเข้าใจคนรวยตกอับอย่างผมด้วยเถอะ 12.00 น. ผมขับรถพาพีชมากินข้าวหลังจากที่ไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว พีชโดนฉีดยาไปหนึ่งเข็ม ได้ยามาอีกหลายแขนง ทั้งยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาลดเสมหะ ผมกำชับเขามาตลอดทางว่าให้กินยาให้ครบตามที่หมอสั่ง ระหว่างมื้ออาหารผมได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พีชฟังทั้งหมด เรื่องครอบครัวผมที่มันแตกแล้วแตกอีกจนไม่สามารถต่อมันกลับเข้าที่เดิมได้ เรื่องที่ผมทะเลาะกับป๊าแล้วต้องเจ็บตัว พีชนั่งฟังผมด้วยท่าทีขึงขังตลอดเวลา เขาตั้งใจฟังผมแบบไม่แย้งอะไรออกมาขัดจังหวะเลยแม้แต่น้อย “นั่นแหละ แม่เราเลยซื้อบ้านหลังหนึ่งไว้ในหมู่บ้านที่พีชเคยอยู่ เอาไว้เป็นที่พักใจ ส่วนเราก็อยู่บ้านบ้างอยู่หอบ้าง” “เรารู้สึกแย่ที่เราเป็นต้นเหตุทำให้ไนน์เจ็บตัว ถ้าเราไม่ป่วย ไนน์ก็ไม่ต้องดั้นด้นไปเอารถมาใช้ ไนน์ก็ไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้” “แต่พีชป่วยเพราะพีชมาหาเรานะ เราต่างหากที่เป็นต้นเหตุ ถ้าวันนั้นเราไม่ขี้เกียจออกไปกินข้าวข้างนอก พีชก็ไม่ต้องซื้อข้าวเข้ามาให้แถมวิ่งตากฝนเข้ามาอีก เราดันหลับไม่รู้เรื่องเลย” “ไนน์หลับไปเพราะไนน์เพ้นท์รองเท้าให้เราทั้งวันต่างหาก ไม่แปลกที่จะเหนื่อย” “การที่เราได้นั่งคุยกันอยู่ตอนนี้ มันแลกด้วยอะไรมาหลายอย่างเลยเนอะ” “เราแลกอะไรก็ได้ ขอแค่ไนน์ไม่ต้องเจ็บตัวเพื่อเราอีกก็พอ เราอยากปกป้องไนน์บ้าง” “ไม่มีใครปกป้องเราจากป๊าได้หรอกพีช” อย่างที่ผมบอกว่าป๊าไม่ได้ตั้งใจทำให้ผมเกิดมาตั้งแต่แรกหรอก เขาอยากได้ลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน ลูกคนแรกเป็นผู้ชายป๊าก็หวังว่าคนที่สองจะเป็นผู้หญิง แต่เกิดมาไม่ใช่ครับ คนที่สองกลับเป็นผม กว่าจะได้ลูกสาวสมดั่งใจก็คนที่สาม ผมสรุปเอาเองได้เลยว่าผมเป็นลูกชัง เป็นลูกที่ป๊าไม่ได้ตั้งใจจะมี แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมป๊าถึงคาดหวังกับผมนักหนา ป๊าบอกว่าคนอย่างผมน่ะสานต่อธุรกิจเขาได้ดีแน่ ผมเหมือนเขา ทั้งความมุ่งมั่นในความคิดของตัวเองและความเด็ดเดี่ยว นิสัยพื้นฐานของผมมันจะพางานของป๊าไปรอด ซึ่งผมไม่ได้มองอย่างที่ป๊ามอง ผมกลับคิดว่าถ้าผมไม่ชอบผมจะไม่ทำ ไม่พาตัวเองไปจับอะไรที่มันเกินตัวขนาดนั้นหรอก ผมไม่ชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ป๊าทำ ทั้งธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งนิสัยของป๊า แต่ต่อให้ผมไม่ชอบ ผมก็ปฏิเสธได้ไม่เต็มปากเพราะเงินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็ได้จากป๊าทั้งนั้น ถึงจะได้ผ่านแม่มาอีกที แต่ป๊าคือเสาหลักของบ้าน เงินทุกบาทป๊าเป็นคนหา ผมรู้ว่าผมหนีป๊าไม่พ้นหรอกครับ แต่ผมก็ไม่อยากยอมจำนนกับคำสั่งของป๊า อย่างน้อยมันไม่ใช่ตอนนี้ ผมไม่พร้อมจะเรียนรู้งานอะไรของป๊าทั้งนั้น ลำพังแค่อ่านหนังสือสอบก็แทบจะไม่มีเวลานอนแล้ว ถ้าให้ผมรับผิดชอบอะไรที่มันใหญ่หลวงเกินไปผมว่าผมทำมันไม่ไหวหรอก ในตอนนี้ที่ผมยังพอมีอิสระในการใช้ชีวิตอยู่ ผมขอหาความสุขใส่ตัวบ้าง หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็มาส่งพีชที่บ้าน ขึ้นไปอยู่กับพีชบนห้องนอนเพื่อดูแลคนป่วย จัดยาก่อนและหลังอาหารแต่ละมื้อ เช็ดตัวให้เขา ระหว่างที่ผมกำลังง่วนไปกับการดูแลเขา พีชก็วุ่นวายกับเอวผมไม่หยุดหย่อนเลย เขาเปิดเสื้อผมดูรอยแผลที่ป๊าใช้ไม้กอล์ฟตี ซึ่งตอนนี้มันเริ่มช้ำเป็นรอยยาวแล้ว “ไม่ชอบเลย” “ไม่ชอบอะไร?” “ไม่ชอบที่เห็นไนน์เจ็บตัว วันหลังอย่าเอาตัวเองไปแลกกับอะไรเลยนะ ไม่คุ้มหรอก” เสียงแหบพร่าของพีชพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง ผมฟังแล้วปลื้มใจนะ แต่ก็ไม่อยากให้เขามากังวลกับเรื่องแบบนี้ อยากจะให้พีชทำใจให้ชินกับเสียด้วยซ้ำ เพราะต่อไปยังไงผมกับป๊าก็ต้องทะเลาะกันอีก “คุ้มออก ได้รถราคาห้าล้านกว่าบาทมาขับพาพีชไปไหนมาไหน” “เราไม่ได้ขอ เรานั่งรถเมล์ได้” “เอาน่า มีรถก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ ไปไหนมาไหนสะดวกกว่านะ” “ไนน์ อย่าเช็ดแถวขาอ่อนนาน ถ้าไม่ติดว่าป่วยไนน์เสร็จเราไปแล้ว” “พีช!! ไอ้เด็กทะลึ่ง!” ผมรีบชักมือออกมาทันที ลำพังคุยกันไปเช็ดตัวให้พีชไปผมไม่ได้คิดอะไรเลย ตั้งใจแค่จะดูแลคนป่วยก็เท่านั้นเอง ไม่คิดว่าคนป่วยมันจะคิดไม่ซื่อกลับมาซะได้ แต่พีชก็ได้แค่พูดกวนประสาทให้ผมหัวเราะไปอย่างนั้นแหละครับ ใจจริงแล้วพีชไม่อยากให้ผมเครียดเรื่องป๊า ผมดูออกนะ ทั้งที่พยายามหาเรื่องมาชวนผมคุยไม่หยุด แต่สายตากลับลอบมองเอวผมอยู่บ่อยครั้งด้วยความกังวล บ้างทีก็เอื้อมมือมาเปิดเสื้อดูรอยช้ำเองเลย ถ้าต้องแลกอะไรก็ตามแล้วมีพีชอยู่ข้างผมแบบนี้ ผมยอมแลก END TALK
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม