EP.05 เฝ้าเด็ก
NINE TALK
เกือบหนึ่งเดือนที่ผมกับพีชได้คุยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเลยครับ จากที่ผมเคยคิดว่าตัวผมเองน่าจะกลัวกับความสัมพันธ์แบบนี้เพราะผ่านการมีคนคุยมาหลายรูปแบบ ใจหนึ่งก็อยากมีแฟน แต่อีกใครก็กลัวมันจะจบแบบเดิม
แต่พีชต่างจากทุกคนที่เข้ามาหาผม เขามองคนละจุดกับคนอื่น พีชไม่เคยมองผมแบบหาผลประโยชน์ ไม่สนใจว่าผมจะยากดีมีจนแค่ไหน พีชสนใจแค่ว่าชีวิตผมเป็นอย่างไร แต่ละวันทำอะไรบ้าง แล้วเขาจะคอยยกยอปอปั้นผมเสมอว่าทุกสิ่งที่ผมทำน่ะมันดีแล้ว งานไร้สาระพวกนี้ที่คนอื่นเคยว่าผม แต่พีชกลับมองว่ามันเจ๋ง และเขาชอบมาก
ผมดีใจนะที่มีคนเข้าใจความติสท์ของผม...
“น้องดีกับกูมากเลยไอ้ปืน เพิ่งจีบกันไม่นาน แต่กูประทับใจจริง ๆ”
“มึงเลิกอวยน้องมันให้กูฟังสักวันได้ไหมเนี่ย”
“เท่ที่สุดเท่าที่กูเคยคุยมาแล้วคนเนี้ย”
“เพราะมันไม่รู้หรือเปล่าว่ามึงเป็นลูกเต้าเหล่าใคร อีกอย่างคนที่มึงเคยคุยมึงต้องดูด้วยดิว่าแต่ละคนอะใคร ลูกผู้ดีทั้งนั้น ชีวิตลูกคุณหนูแบบมึงใครเขาก็หวังจะคบหาด้วยแล้วสุขสบายปะวะ ใครจะคิดว่ามึงจะทำตัวเหมือนไม่มีจะกินแบบนี้”
“กูไม่ได้รวย ป๊ากูรวย แล้วกูไม่ได้อยากรวยแบบป๊ามึงเข้าใจไหม กูอยากอยู่แบบนี้ไปวัน ๆ อะ แค่มีคนเข้ามาแล้วไม่หวังเงินทองอะไรจากกูก็พอแล้วปะ แค่พีชก็พอแล้ว”
“คือมึงหลงน้องมันแหละ ดูออก ไปขอน้องเป็นแฟนเลยไป๊! ตั้งท่ารอเขาอยู่ได้ ทั้งที่อยากเป็นแฟนน้องมันจนตัวสั่นแล้ว”
“กูตื่นเต้นไง ถ้าได้คบกันจริงพีชจะเป็นแฟนคนแรกของกูเลยนะเว้ย จะว่าไวก็ไวไป แต่กูไม่อยากรอ กูกลัวพีชทิ้งกูอะ”
“โตกว่าเขาซะเปล่า ใจเสาะฉิบหาย”
ชีวิตผมไม่มีอะไรมากไปกว่าการอยู่กับไอ้ปืน เรียน คุยกับพีช บางวันกลับบ้านบ้างแต่ไม่ค่อยได้กลับหรอกเพราะไม่มีใครอยู่ พี่นัทกับน้องนีนอยู่คอนโด แม่ก็ไปอยู่บ้านใหญ่ที่ผมไม่อยากจะกลับไปเหยียบสักเท่าไหร่ ผมไม่อยากเจอป๊า เจอกันทีไรต้องมีปากเสียงกันทุกที ป๊าชอบบังคับให้ผมรับช่วงต่อธุรกิจของเขา ซึ่งมันเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ขาวสะอาดอะไรนัก ผมไม่ชอบ ไม่อยากทำ
ให้ผมรวยแล้วรักษาครอบครัวไว้ไม่ได้อย่างป๊าน่ะ ผมยอมอยู่แบบพอมีพอกินแต่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวยังจะดีกว่าอีก นอกจากเงินและของแพง ๆ แล้ว พวกเราสามพี่น้องก็ไม่เคยได้ความอบอุ่นอะไรจากป๊าเลย เหมือนป๊าแค่ใช้เงินฟาดหัวลูกตัวเองเพื่อชดเชยความผิดที่ตัวเองก่อ
ช่างเถอะ พูดถึงป๊าแล้วผมจะอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที...
“เออ วันไหนมึงว่างมึงเข้าไปเอาของที่คอนโดกูหน่อยนะ อาเธียรโทรมาเมื่อวานบอกว่าป๊าซื้อกระเป๋าคอลเล็คชั่นใหม่มาให้กูอีกแล้ว”
“ทำไมคนจนอย่างกูมีบุญได้ใช้ของแพงจนคนอื่นคิดว่ากูรวยหมดแล้วเนี่ย แล้วลูกเศรษฐีอย่างมึงเสือกติสท์ชอบชีวิตจน ๆ เฮ้อ นี่ถ้ากูเอาของที่มึงให้ไปขายนะ กูว่ากูรวยจนซื้อบ้านใหม่ให้แม่ได้แล้ว แต่กูไม่ขายหรอก เสียดาย เกิดวันไหนมึงนึกอยากเอาคืนขึ้นมาก็ซวยกูอีก”
“จะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของมึง มึงก็รู้ว่ากูไม่ใช้”
“ก็ไม่แน่ มึงไม่ใช้ แต่มึงอาจจะเปลี่ยนใจเอาไปเปย์น้องพีชก็ได้ พอมึงมีแฟนเดี๋ยวกูก็เป็นหมาหัวเน่าแล้ว”
พีชไม่ใช่คนใช้ของแพง ยกเว้นรองเท้า เขาชอบรองเท้าผ้าใบมาก เห็นเล่าว่าขอพ่อซื้อรองเท้าเกือบทุกเดือน เท่าที่เขาส่งรูปมาให้ผมดูว่าเขาอยากได้รุ่นนั้นรุ่นนี้น่ะ ผมมีหมดแล้ว อันไหนที่ว่าลิมิเต็ดผมก็มี ป๊าซื้อมาประเคนให้ผมทุกอย่าง เสียดายอย่างเดียวตรงที่ขนาดเท้าของผมกับพีชน่ะคนละไซส์กัน ไม่อย่างนั้นผมคงยกทั้งหมดที่ผมมีให้พีชไปแล้ว
“อ่า กูลืมเพ้นท์รองเท้าให้พีชเลย”
นึกขึ้นได้ว่าหลายวันก่อนพีชซื้อรองเท้าผ้าใบสีขาวมาทิ้งไว้ให้ผมที่ห้อง บอกให้ผมเพ้นท์รองเท้าลายเท่ ๆ ให้เขาหน่อย ไม่ใช่แค่รองเท้านะ เสื้อยืด เคสโทรศัพท์ พีชก็ให้ผมออกแบบให้ ผมก็ตามใจเขาทำให้ไปบ้างแล้ว ยกเว้นรองเท้านี่แหละยังไม่ได้ทำ
“นี่ หายใจเข้าออกก็เป็นเรื่องของไอ้น้องพีชหมด ถามจริงนะ มึงนอนด้วยกันวันศุกร์ที่ผ่านมาเนี่ย มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเหรอ?”
“มีไรล่ะ ไม่มี”
“หอมแก้ม?”
“ไม่ได้หอม”
“จูบกันยัง?”
“ไม่ได้จูบ”
“ข้ามขั้นไปเลยเหรอ มึงเสียตัวแล้วเหรอไอ้ไนน์?”
“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ นอนจับมือกันเฉย ๆ”
“ดีแล้วมึง อย่าเพิ่งใจง่าย เด็กเดี๋ยวนี้มันออกตัวแรงแบบนี้แหละ ไม่รู้จะแผ่วปลายไหม แล้วมึงแน่ใจนะว่าน้องมันชอบผู้ชายเหมือนกันอะ ถ้าจบด้วยการคิดกับมึงแบบพี่ชายนี่ฉิบหายเลยนะ ถ้ามึงจะคบมึงก็คุยกันให้เรียบร้อย”
จะพูดยังไงดีล่ะ ผมกับพีชไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย แต่กลับรู้ว่าตอนนี้ใจเราตรงกันนะ เราไม่ได้คิดต่อกันแบบพี่น้อง ที่บอกว่าชอบ ผมก็ชอบเขาแบบที่หวังจะคบหาด้วย พีชเองก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้คิดกับผมแค่พี่ แต่มันจะไปต่อได้อีกไกลแค่ไหนผมก็ไม่มั่นใจสักเท่าไหร่
พีชบอกผมว่าแฟนเก่าของเขาเป็นผู้หญิง ตอนที่ผมรู้ผมก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าเขาจะเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายได้จริงหรือเปล่า สำหรับบางคนการได้ลองคบเพศเดียวกันมันคือสิ่งแปลกใหม่ อาจคิดว่าเป็นเรื่องสนุก แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะ ผมรู้สึกว่าการที่ผมจะรักใครสักคนผมไม่เคยเห็นความรู้สึกของตัวเองหรือใครเป็นเรื่องสนุก ผมอยากคบหา อยากจริงจัง แต่ว่าทุกคนที่เข้ามามันก็ไปไม่รอดเอง
สำหรับพีช ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะจบเหมือนกับทุกคนที่เข้ามาหาผมไหม แต่เท่าที่รู้จักกันมาพีชไม่เหมือนคนอื่น และผมเองก็รู้สึกว่าเข้ากับเขาได้มากกว่าทุกคนที่ผ่านมา คงจะดีมากหากได้คบกันจริง หรือสุดท้ายมันอาจจะไม่สมหวังก็ได้ ตรงนี้ผมก็เตรียมใจมาพอสมควรแล้วล่ะ ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะลองดูอีกสักครั้ง ผมอยากไปต่อกับเขา ไม่อยากให้มันจบลงเลย
14.00 น.
วันนี้ผมเลิกเรียนบ่ายสองโมงตรงครับ แล้วโชคดีด้วยที่อาจารย์ปล่อยตรงเวลาเพราะผมค่อนข้างรีบ วันนี้มีนัดกับพีชไว้ เขาบอกว่าเขาจะซ้อมบาสวันแรกผมเลยจะไปดูเขาสักหน่อย อยากไปให้กำลังใจเขาน่ะครับ อย่างน้อยคนที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้พีชเลือกเข้าชมรมบาสก็คือผมนี่แหละ
ตอนที่พีชถามว่าอยากเห็นเขาเตะบอลหรือเล่นบาส ผมตอบตามความจริงเลยนะ ว่าถ้าพีชเล่นบาสคงเท่มาก ๆ เขาน่ะตัวสูง หุ่นนักกีฬาพอสมควร ถ้าเล่นบาสคงได้เปรียบและเหมาะกับเขามากกว่า ฉะนั้นวันนี้จะไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยว่าจะเท่สมกับที่ผมจินตนาการเอาไว้ในหัวหรือไม่
“ไอ้ปืน กูไปก่อนนะ รีบไปหาพีช”
“น้องมันยังไม่เลิกเรียนเลยนี่ มึงรีบไปไหน”
“กว่าจะถึงก็เลิกเรียนพอดี”
“รู้ว่าต้องเดินทางบ่อยไม่เอารถที่บ้านมาใช้สักคันวะ นี่หน้าฝนด้วย มึงจะได้มีรถคอยรับส่งเด็กมึงไง”
“มึงนี่อยากให้กูมีแฟนจังเลยนะ กับคนอื่นมึงไม่เห็นจะเชียร์ขนาดนี้เลย”
“ก็คนนี้ดูมึงชอบจริง มึงดูมีความสุขอะ กูก็ต้องเชียร์ปะ เพื่อนจะมีผัวคนแรก อีกอย่างมึงจะได้เลิกโทรมากวนกูเวลากูอยู่กับแฟนด้วยเหตุผลว่ามึงเหงา ให้คุยเป็นเพื่อนมึงหน่อยอะไรแบบนี้ ตั้งแต่มีไอ้เด็กพีชนี่มึงก็ไม่โทรมาหากูเลยนะไอ้ไนน์ ดีมาก ๆ แบบนี้แสดงว่ามึงแฮปปี้ดี”
“ไม่มีเวลาไปคุยกับใครหรอกมึง พีชโทรมาเฝ้ากูทั้งวันทั้งคืน กูไปนะ”
แล้วผมก็แยกกับเพื่อนทันทีเพราะต่างคนต่างมีนัด ปืนนัดกับแฟนไว้ ผมก็นัดกับพีชเช่นกัน โดยเลือกโดยสารรถแท็กซี่เพื่อความสะดวกสบาย ทว่าระหว่างทางกลับนึกถึงคำพูดที่ปืนบอกว่าผมน่าจะเอารถมาใช้สักคัน ลำพังตัวผมน่ะไม่ลำบากหรอกครับ ชินกับการเดินทางแบบนี้แล้ว แต่ถ้ามีพีชเข้ามาในชีวิตผมก็อยากมีรถแอร์เย็น ๆ ให้เขานั่งนะ อย่างน้อยมีไว้คอยรับส่งพีชตอนหน้าฝนก็ยังดี
การจะเอารถที่บ้านมาใช้สักคันน่ะไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ ป๊าซื้อรถให้ทุกคน พี่นัทก็มี น้องนีนก็มี พี่น้องผมมีรถขับหมดยกเว้นผมที่ไม่เอามาใช้ เพราะไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเองว่าจะไม่ใช้เงินหรือของที่ป๊าให้เลยสักอย่าง อะไรที่ป๊าซื้อให้ผมโดยตรงน่ะผมไม่เอา นี่ถ้าป๊าเห็นว่าผมเอารถที่ป๊าซื้อให้มาใช้ ป๊าคงดีใจแล้วหลงคิดว่าผมใจอ่อนจะกลับไปอยู่ใต้อาณัติป๊าอีกแน่
สุดท้ายผมกับป๊าก็จะวนมาทะเลาะกันเรื่องเดิมครับ ป๊าบังคับให้ผมดูแลธุรกิจต่อ เอาของราคาแพงมาล่อ ไม่ก็เอาเงินกองโตมาวางตรงหน้าแล้วชี้นิ้วสั่งให้ผมทำโดยบอกว่าทั้งหมดคือค่าจ้าง จ้างให้ผมเข้ามาเรียนรู้งานผิดกฎหมายของป๊า
และทุกครั้งที่ทะเลาะกันแบบมีปากเสียงผมต้องเจ็บตัวเสมอ ทั้งที่ปากบอกว่ารักผมที่สุด แต่กลับตบตีผมรุนแรงราวกับไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดมา ผมเลยตั้งใจจะใช้ชีวิตตรงข้ามกับที่ป๊าต้องการเพื่อให้เขาเห็นว่าผมอยู่ได้ มีชีวิตอยู่แบบนี้ผมมีความสุขดี ไม่ต้องมีเงินทองมากมายมากองตรงหน้าผมก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
เรื่องราวระหว่างผมกับป๊าถูกดึงขึ้นมาคิดต่ออีกหลายเรื่อง ผมไม่รู้เลยว่าผมใช้เวลาทั้งหมดในการเดินทางไปกับการครุ่นคิดเรื่องในอดีต กระทั่งรถจอดเทียบกับป้ายโรงเรียนของพีชแล้วผมจึงได้มีสติกลับมายังเรื่องราวปัจจุบันตรงหน้า รีบจ่ายเงินค่าแท็กซี่และรีบลงจากรถเพื่อจะหาซื้อของกินเตรียมไว้ให้พีช
อ่า พอรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะได้เจอพีช ริมฝีปากมันคลี่ยิ้มออกมาเองเสียอย่างนั้น ทั้งที่เราเจอกันแทบทุกวันแต่กลับรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้เจอ
ไม่นานผมก็ซื้อขนมและน้ำมาเต็มไม้เต็มมือ จากนั้นก็เดินสวนกับนักเรียนจำนวนมากในเวลาเลิกเรียนเพื่อเข้าไปหาพีชที่สนามบาส ซึ่งพีชบอกผมแล้วว่าเข้ามาในโรงเรียนแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อย ๆ จะเจอโรงยิม เขาจะซ้อมอยู่ที่นั่น ซึ่งตอนนี้คิดว่าน่าจะเริ่มซ้อมแล้วเพราะผมมาถึงช้ากว่าที่คิด การจราจรบนท้องถนนวันนี้หนาแน่นมากเลยครับ
มาไม่ทันให้กำลังใจพีชก่อนซ้อมเลย...
ขณะที่เดินใกล้ทางเข้าโรงยิม ผมก็ได้ยินเสียงลูกบาสกระทบกับพื้นเป็นจังหวะชัดขึ้น ประกอบกับเสียงรองเท้าผ้าใบเสียดสีไปกับพื้นสนาม
“ไอ้พีชฟอร์มดีจัด ซ้อมไปเรื่อย ๆ ได้ขึ้นตัวเต็งแน่”
“ฝีมือมันดีมึง ทักษะกีฬามันดี ตอนม.ต้นมันแข่งบอลก็ฟอร์มดี ไอ้นี่มันเก่งว่ะ”
เสียงน้องผู้ชายสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ริมทางเข้าพูดขึ้นตอนที่ผมก้าวเท้าเข้าไปด้านในพอดี ได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแก้มปริสิครับ ถึงผมจะไม่เห็นกับตาว่าพีชฟอร์มดีอย่างที่ว่าจริงไหม แต่ได้ยินคนชมพีชแบบนี้แล้วผมปลื้มใจแทนเลย
ผมหยุดยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะกวาดสายตามองหาพีช แล้วก็พบว่าพีชหันมามองผมอยู่พอดี ราวกับเขาตั้งตาคอยมองทุกคนที่เดินเข้ามาในโรงยิมก็ไม่ปาน รอผมอยู่สิท่า พอเห็นผมเขาถึงได้รีบวิ่งเข้ามาหาทันทีเลย
“ซื้ออะไรมาเต็มเลย”
“ขนมกับน้ำไง เราซื้อมาให้พีช ที่เหลือก็เอาไปแบ่งเพื่อนด้วย”
“ไม่เอา ไม่แบ่งใคร หวง”
แล้วพีชก็รวบถุงขนมที่ผมซื้อทั้งสองถุงไปถือไว้ในมือเดียว จากนั้นเขาก็เอื้อมมือมาจูงมือผมไปนั่งที่แสตนด้านข้างของโรงยิม แน่นอนครับว่าผมตกใจกับการกระทำของเขา แต่ใจเจ้ากรรมกลับชอบเสียอย่างนั้นที่พีชจูงมือผมแบบนี้โดยไม่สนสายตาใครเลยจึงไม่ได้ปฏิเสธ
พอเราทิ้งตัวลงนั่งข้างกันผมถึงได้เห็นใกล้ ๆ ว่าพีชน่ะเหงื่อโทรมกายแค่ไหน ใบหน้าหล่อของเขามีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมามากมาย บ้างก็ยังเกาะอยู่ตามไรผม บ้างก็ไหลลู่ลงมาแถวกรอบหน้า โอ้โห ฮอตมากเลย ทำไมผมถึงได้มองเด็กม.ปลายคนนี้นั่งหอบหายใจด้วยความรู้สึกว่าเขาเซ็กซี่นะ
“พีชเหนื่อยไหม กินน้ำเย็น ๆ ก่อนเร็ว แล้วนี่เขาให้พักกี่นาที?”
“สิบนาที”
เมื่อรู้ว่ามีเวลาไม่มากผมเลยจัดการเช็ดเหงื่อให้เขาด้วยผ้าเย็นที่ซื้อมา พีชให้ความร่วมมือดีมาก เขายื่นหน้ามาให้ผมเช็ด แถมทำหน้าทำตาทะเล้นใส่ พีชน่ะนะทำเหมือนตัวเองโตกว่าวัย แต่แท้ที่จริงแล้วเขาก็แค่เด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง อยู่กับผมเขาไม่เหลือมาดคนเคร่งขรึมเลย ยิ่งเวลาผมยิ้มหวานให้เขา เขาจะดูมีความสุขเป็นพิเศษ ซึ่งตอนนี้ผมก็ทำอยู่
พีชไม่ได้ขอให้ผมยิ้มเหมือนตอนแรกที่เรารู้จักกันแล้ว เป็นผมเองที่ยิ้มให้เขาก่อนเพราะรู้ว่าเขาชอบ และรอยยิ้มนี้ผมก็เพิ่งจะเคยยิ้มให้พีชแค่คนเดียว ก็พีชเป็นคนแรกที่บอกว่าชอบรอยยิ้มของผมนี่นา สำหรับเขาผมเลยยิ้มให้บ่อยมาก
“เอาน้ำไปแบ่งเพื่อนบ้าง เราซื้อมาตั้งหลายขวด”
“ไม่ให้ น้ำสวัสดิการก็มี”
“แล้วทำไมพีชไม่กินน้ำสวัสดิการ?”
“น้ำไนน์อร่อยกว่าเยอะ รู้อยู่แล้วว่าไนน์ต้องซื้อมาให้เลยรอกิน เนี่ย ดูดน้ำไปมองไนน์ยิ้มไปน้ำเกลือแร่นี่หวานขึ้นมาเลย”
“ปากหวานนักนะพีช หยอดเก่งขึ้นทุกวัน”
“อยากให้ชิมเหมือนกันว่าหวานจริงไหม ปากเราน่ะ”
น้ำเสียงที่พีชพูดมันเบาราวกับอยากให้ได้ยินกันสองคน แต่สำหรับผมมันดังกังวานในความรู้สึกมาก หัวใจผมเต้นแรงทุกครั้งที่พีชหยอดคำหวานใส่ เขาเปรยมาหลายทีแล้วเรื่องจูบแต่ผมเองที่เงียบและไม่ตอบโต้เพราะคิดว่าพีชพูดเล่น แต่มาได้ยินอีกครั้งแบบนี้ผมว่าพีชพูดจริงแล้วล่ะ เมื่อครู่เขาหลุบตามองมาที่ริมฝีปากของผมก่อนจะลอบกลืนน้ำลายด้วย ผมเห็น
“เป็นแฟนกันก่อน แล้วจะทำอะไรก็ทำ”
“พูดแล้วนะ”
“อืม คำไหนคำนั้น”
“หึ ไนน์รอได้เลย เตรียมตัวไว้ให้ดีล่ะ”
พีชพูดทีเล่นทีจริงใส่ผม แล้วเขาก็เดินเข้าสนามไปสมทบกับเพื่อนคนอื่นเมื่อมีคนเป่านกหวีดเรียกให้มาซ้อมต่อ ตัวผมได้แต่นั่งหัวใจเต้นแรงมองพีชกำลังเคลื่อนย้ายตัวเองไปประจำตำแหน่งการเล่น ไม่นานกิจกรรมในสนามก็เริ่มต้นขึ้น พีชขยับตัวอย่างคล่องแคล่ว เขาดูมีเสน่ห์มากเลยตอนอยู่ตรงนั้น
ไม่ว่าพีชจะเคลื่อนไหวไปอยู่ตรงไหนสายตาผมนั้นจ้องมองเขาไม่วางตา แต่สมองกลับครุ่นคิดถึงคำพูดเพียงไม่กี่คำเมื่อครู่ มีลางสังหรณ์ว่าจะมีแฟนคนแรกเป็นนักบาสแหละ!!
รอเลยครับ ผมนี่ตั้งตารอเลย!
ถ้าเป็นแฟนกันแล้วมากกว่าจูบผมก็ให้ได้เถอะ โตแล้วครับ ร่างกายผม ผมจะทำอะไรที่ไหนก็ได้!!
การนั่งมองพีชเล่นบาสวันนี้ไม่รู้สึกถึงความน่าเบื่อเลย พีชเก่ง พีชเท่มาก เขาชู้ตบาสได้ตั้งหลายลูกแน่ะ แล้วทุกครั้งที่เขาทำแต้มได้ก็ชอบหันมาขยิบตาให้ผมทีหนึ่งเหมือนกำลังอวดว่าตัวเองเก่ง ผมเลยส่งยิ้มให้เขาทุกครั้งที่พีชหันมาสบตากัน
ชอบความรู้สึกแบบนี้จังเลย การมองหน้ากันแล้วรู้สึกเขินนี่มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน มันเกิดขึ้นเฉพาะคนพิเศษเท่านั้นแหละ การได้เป็นคนพิเศษของใครสักคนมันดีอย่างนี้นี่เอง
18.00 น.
ผมรอพีชอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า กระทั่งเห็นร่างสูงเดินออกมาพร้อมชุดนักเรียนที่ชายเสื้อยับยู่ยี่ เจ้าตัวเดินผิวปากเข้ามาหาผมอย่างอารมณ์ดี ที่บ่ามีกระเป๋านักเรียนสะพายอยู่ ส่วนในมือยังคงถือถุงขนมที่ผมซื้อมาให้ซึ่งพีชไม่ยอมแบ่งใครเลยจริงด้วย
“ถ้ารู้ว่าขี้หวง วันหลังเราจะซื้อมาน้อย ๆ ให้พีชกินคนเดียว”
“ใช่ เราขี้หวงมาก หวงทุกอย่าง แล้วไนน์ขี้หวงไหม?”
“เราก็ขี้หวงมาก”
เป็นอันรู้กันว่าไม่ได้หมายถึงแค่สิ่งของเท่านั้นที่หวง แต่ถ้าเป็นคน เป็นแฟน ผมจะหวงมากเป็นพิเศษ หึงมากด้วย
“กินข้าวกันก่อนไหมแล้วค่อยกลับบ้าน เราอยากกินข้าวกับไนน์”
“ได้สิ แถวนี้มีอะไรอร่อยพาเราไปกินหน่อย”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจะห่วงพีชมากที่เขาชอบกลับบ้านค่ำมืด กลัวที่บ้านเขาเป็นห่วง แต่พอรู้ว่าพ่อพีชไม่ได้ดุมากขนาดนั้นก็โล่งใจ อย่างน้อยได้รู้ว่าเขากลับบ้านไปแล้วไม่โดนตำหนิก็พอ ถึงขนาดขอพ่อค้างคืนข้างนอกได้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกลับบ้านค่ำแล้วล่ะ แล้วดูเหมือนว่าพีชจะขอค้างกับผมทุกวันศุกร์เลยด้วย
แต่ผมก็ยังไม่รับปากพีชว่าทุกวันศุกร์ผมจะว่างให้เขามาค้างหรือไม่ คือไม่อยากให้เขาได้ใจไปน่ะครับว่าผมพร้อมต้อนรับเขาเสมอ กลัวว่าถ้าตามใจเขามาก ๆ แล้วผมจะใจอ่อน หากความสัมพันธ์มันเลยเถิดเกินไปกว่านี้ทั้งที่ยังไม่มีสถานะผมก็แย่สิ
พีชพาผมมานั่งกินข้าวร้านอาหารตามสั่งที่ตึกแถวใกล้โรงเรียน เขาบอกว่าเขามากินกับเพื่อนประจำ ผมดีใจนะที่เขาพาผมเข้ามารับรู้การใช้ชีวิตของเขามากขึ้นทุกวัน
ทั้งยอมให้ผมมาหาที่โรงเรียนแถมปฏิบัติกับผมเหมือนปกติ ไม่ได้เคอะเขินสายตาใครที่มองมาเลย แบบนี้ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองไปก่อนได้ไหมว่าพีชไม่มีปัญหาเรื่องที่จะคบกับเพศเดียวกัน ความกล้าที่จะเปิดเผยของเขามันได้ใจผมไปเต็ม ๆ
ไหนจะพาผมไปตรงนั้นตรงนี้ในที่ ๆ เขาเคยไป ร้านอาหารที่เขาเคยกิน บางสถานที่เขาไปจนคุ้นเคยและรู้จักกับเจ้าของร้าน แต่พีชยังคงทำเหมือนผมเป็นคนพิเศษเสมอ กล้าจับมือผมต่อหน้าใคร ๆ และไม่เคยปฏิเสธเวลาโดนคนอื่นแซวให้ผมเสียหน้า เมื่อไหร่ที่พีชโดนแซวว่ามากับแฟนเหรอ เขาจะยิ้มแล้วจับมือผมแน่น ไม่เคยมีสักครั้งที่พีชจะปฏิเสธ แม้ว่าความจริงเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันก็ตาม
แต่รู้สึกว่าอีกไม่นานหรอก รออะไรลงตัวกว่านี้หน่อย ถ้าพีชไม่ขอผมเป็นแฟน ผมนี่แหละจะขอเขาเป็นแฟนเอง
“พีชจะให้เรามาเฝ้าตอนซ้อมบาสอีกไหม?”
“อื้อ อยากให้ไนน์มาทุกวัน อยากเจอ”
“มาหาได้ แต่คงไม่ได้ทุกวัน บางวันเราเรียนเลิกค่ำเราก็มาหาพีชไม่ได้หรอก”
“ไม่ต้องเจอกันทุกวันก็ได้ แต่ทุกวันศุกร์ขอค้างด้วยก็พอ”
“นึกว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”
“ไม่ลืมหรอก นับวันรอเลย”
ไม่รู้หรอกว่าทำไมพีชอยากมานอนกับผมนักหนา ทั้งที่เราไม่เคยเกินเลยกันเลยนะ นอกจากจับมือแล้วก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้ ไม่ได้นอนกอดกันด้วยซ้ำไป
“ขอเป็นแฟนก่อนดิเดี๋ยวให้นอนด้วย”
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ขอนี่”
ผมหันขวับไปมองเด็กเจ้าเล่ห์ที่พูดไปเคี้ยวข้าวไปด้วยอาการใจเต้นแรงอีกแล้ว ว่าแต่หูผมไม่ได้ฝาดใช่ไหม?
“พีชว่าไงนะ”
“ไม่พูดแล้ว พูดบ่อยเดี๋ยวไนน์จะได้ใจ”
“ตื่นเต้นนะเนี่ย นับวันรอเลยได้ปะ จะขอวันไหนน้า...”
“ขอแบบที่ไนน์ไม่ทันตั้งตัวนั่นแหละ”
“วันนี้เลยไม่ได้เหรอ?”
“วันนี้ไนน์รู้ตัวอยู่แล้วนี่ เราไม่ขอหรอก”
ตื่นเต้นจัง เหมือนพีชจะคิดเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วล่ะ ก่อนจะถึงวันที่เราเป็นแฟนกันผมขอภาวนาให้อย่ามีใครเข้ามาแทรกระหว่างเราเลย ไม่อยากให้พีชไขว้เขวน่ะ นี่ผมคิดว่าถ้ามาเฝ้าพีชซ้อมบาสรอบหน้าผมต้องคอยสอดส่องสายตาไปรอบสนามให้มากกว่านี้แล้ว เผื่อมีใครจ้องจะงาบพีชไปจากผม ต้องฝึกทำหน้าโหดเข้าไว้แล้วเรา
อย่างที่บอกว่าผมขี้หวงมาก ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันผมยังยอมให้พีชเป็นของคนอื่นไม่ได้เลยอะ ฮือ แบบนี้คือผมชอบพีชมากเลยใช่ไหมครับ...