“เอามือมาค่ะทีหลังใส่ไว้ตลอดนะคะห้ามลืมอีกเด็ดขาด"
นาฬิกาคู่เรือนแพงที่สามีเธอซื้อให้ในวันเกิดของเธอในปีแรกที่เราพบกัน
“พี่?......เป็นใครกันแน่”
สองได้แต่นิ่งเงียบกับคำถามของเธอตอนนี้
“พี่ตอบอะไรหนู…เอ่อ..ทีนตอนนี้ทั้งหมดไม่ได้กับทุกคำถามที่ทีนกำลังพยายามถามพี่มาตลอดตั้งแต่ที่เรามาถึงที่นี่แต่พี่ขอแค่เชื่อใจพี่ก็พอ”
“มีกี่เรื่องที่พี่กับพี่หยางปิดบังทีนไว้"
เธอยังคงถามย้ำ ด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเรื่อยๆแต่สองกลับตอบมาเพียงว่า
“ของ ของเด็กๆเอาครบแล้วหรือยังถ้ายังเดี๋ยวพี่ค่อยมาเอาให้รอบหน้า”
“ทีนสามารถไว้ใจพี่ได้จริงๆใช่มั้ย?เพราะสิ่งที่พี่ทำในวันนี้ มันกลับทำให้ทีนยิ่งรู้สึกว่าเป็นพี่เองมากกว่าที่อยากจะฆ่าพี่หยาง”
“พี่ไม่เคยคิดที่อยากจะฆ่าใครในบ้านหลังนี้ทั้งนั้นและพี่จะไม่ขอให้หนูต้องเชื่อพี่ด้วยแต่พี่จะทำให้หนูเชื่อใจพี่และจะทำให้หนูเชื่อใจพี่มากขึ้นกว่านี้เอง”
ทั้งคู่ที่ต่างขึ้นเสียงใส่กันแต่ทว่าเป็นสองเองที่พยายามเลี่ยงและใจเย็นให้ได้มากที่สุด
“ทีนเก็บสร้อยเส้นนี้ไว้ให้ดีห้ามถอดห้ามหายเด็ดขาด”
สองที่พูดด้วยน้ำเสียงปกติ ประมาณว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อนและหลังจากที่สองพูดจบก็ได้ทำการเอาสร้อยคอรูปไม้กางเขนเงินออกจากในมือของเธอและนำมาใส่ให้ทันที
“ในฐานะ ที่ทีนเป็นหัวหน้าหรือเจ้านายของพี่อยู่ห้ามเรียกชื่อทีนสั้นๆ แบบนี้อีกหรือห้ามเรียกว่าหนูอีกเด็ดขาดอย่าพยายาม ทำตัวเป็นตัวแทนของสามีทีนอีก ให้กลับไปเรียกคุณเหมือนเดิมด้วยค่ะ”
เธอที่พูดขึ้นและดึงมือที่ในตอนนี้สองได้จับไว้แน่นออกทำตัวเพื่อรักษาระยะห่างกับสองให้มากที่สุด
“ได้ครับคุณทีนหรือจะให้ผมเรียกว่าคุณมิสทีนแบบนี้เลยดีไหมครับ”
“แล้วแต่สะดวกไปขับรถได้แล้วส่วนทีนจะไปนั่งด้านหลังเอง”
“ครับ” สองที่ตอบกลับด้วยท่าทางที่กำมือแน่นเก็บอารมณ์กับสิ่งที่เธอดูถูกและไม่ไว้ใจเขา ได้แต่ถอนหายใจแล้วกลับไปทำหน้าที่ขับรถพาเธอไปที่จุดนับพบต่อในขณะที่รถกระบะ 4 ประตูทรงสูงที่กำลังเคลื่อนไปด้วยความเร็วไปตามท้องถนนเธอก็ได้แต่นั่งมองของแทนใจที่สามีเธอเหลือไว้เอาแต่ได้นั่งเงียบเหม่อมองข้างทางไปตลอดจนสองที่ได้เลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยวมืดสนิทจึงทำให้เกิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง
“นี่เราจะไปไหนกัน ที่นี่คือที่ไหน?”
“โกดังเก็บของเก่าครับ”
“ทำไมทางมืดขนาดนี้จะมีโกดังได้ยังไง”
“ไปถึงคุณก็น่าจะรู้เอง ส่วนของที่เอามาวันนี้คุณใส่ไว้ในกระเป๋านี่รวมกับเอกสารพวกนี้ไปก่อนนะเดี๋ยวกลับถึงที่เซฟเฮ้าส์ผมจะเอาคืนให้”
“ส่วนของที่จะเอาให้เด็กๆ เดี๋ยวผมจะนำไปให้พวกเขาทีหลังเองครับ”
“ไม่ต้อง!ของ ของลูกทีน ทีนเอาไปให้เองได้ไม่ต้องยุ่ง”
เธอที่ตอบกลับไปโดยไม่ได้สนใจ สองที่มากขึ้นกว่าเดิมเพราะในตอนนี้เธอกลับคิดได้อย่างเดียวว่าเธอยังจะเชื่อใจ และไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้อยู่จริงๆ ใช่มั้ย แม้ว่าเธอจะไม่กล้าที่จะไว้ใจผู้ชายตรงหน้าของเธอในตอนนี้ แต่เธอ
เองกลับยอมนำของที่เอาออกมาจากบ้านของเธอทั้งหมดใส่ลงไปตามคำสั่งของชายคนนั้นและหันกลับไปสนใจทางอีกครั้ง เพราะมันลึกและห่างไกลจากผู้คนหรือบ้านคนมากที่จะพอเรียกได้ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลเลยก็ได้หลังจากที่เข้ามาไม่นานก็ได้พบกับโกดังใหญ่ที่คาดว่าน่าจะร้างมานานพอสมควรและด้านหน้าของโกดังเธอได้เห็นรถจอดอยู่ก่อนหน้าแล้ว 2 คันซึ่งคันนึงก็จะเป็นรถทำงานของสามีเธอที่ลูกน้อง 2 คนของเธอได้เอามาใช้เพื่อไปลักพาตัวผู้ชายคนหนึ่งมา รถหรูอีกคันนึงก็น่าจะเป็นรถของเพื่อนของสองลูกน้องคนสนิทของสามีเธอ 1ใน 2 คนนั้นนั่นแหละ
“นี่คือโกดังเก่าของใคร?” เธอถามสองขึ้นอีกครั้งเพราะหลังจากที่สามีเธอจากไปทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีบทบาทในชีวิตเขามากมายขนาดนี้ แถมยังรู้ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับสามีของเธอและทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธออีกด้วยผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่? ในหัวเธอมีแต่คำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เต็มไปหมดว่าเพราะอะไรทำไมสามีของเธอถึงได้ไว้ใจผู้ชายคนนี้มากมายถึงเพียงนี้
“ที่นี่คือโกดังเก่าของคุณหยางครับแต่มันร้างมานานแล้ว ปกติจะไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้ามา เพราะมันตกเป็นคดีเรื่องการบุกรุกอยู่ครับ"
“แล้วที่คุณมองหน้าผมแบบนี้จะว่าผมรู้เยอะอีกใช่มั้ยครับ”
“เปล่า….แล้วจะไปกันได้หรือยัง”
หลังจากที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในโกดังสิ่งแรกที่ทั้ง 2 คนเห็นคือชายคนนึงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าตาที่เต็มไปด้วยเลือดและรอยแผล ทั้งใบหน้าและร่างกายมีแต่รอยช้ำ รอยแผลปูดบวมจนแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าชายคนนี้เป็นใคร
“เป็นไงบ้างวะน็อตมันยอมบอกมั้ยว่าภูมินทร์อยู่ไหน?"
สองถามขึ้นทันทีที่เห็นเพื่อนสนิทของเขา ด้วยท่าทางที่ดูสุขุมมือนึงล้วงกระเป๋าอยู่อีกทั้งท่าทางที่ดูแล้วพลั้นให้คิดถึงหยางผู้เป็นอดีตสามี
“มันไม่ยอมแม้แต่จะเปิดปากพูดเลยด้วยซ้ำว่ะ”
“งั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวกูจัดการเอง!” หลังพูดจบสองที่ได้หยิบมีดเล็กๆ ออกมาจากในกระเป๋ากางเกงมีดพับเล็กๆ แต่ดูแล้วน่าจะคมมากทีเดียว
“ไงมึง?” สองถามชายตรงหน้าโดยที่ได้ดันใบมีดคมไปที่ข้างแก้มของชายคนนั้น จนทำให้เกิดรอยและเลือดที่เริ่มไหลแต่ชายคนนั้นก็ยังคงเงยหน้าจ้องมองสองอย่างไร้อารมณ์ด้วยท่าทางที่นิ่งเฉย
“กูนึกว่าใครไอ้หมารับใช้ของไอ้หยางนี่เองเจ้านายมึงโง่ที่ไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรเลย”
ใบมีดคมยังคงกดย้ำจนแผลลึกกว่าเก่าด้วยแรงกดของสอง น่าจะทำให้เจ็บได้ไม่มากก็น้อยแต่ชายคนนั้นกลับไร้ปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ
“เจ้านายมึงตายไปแล้วนี่มึงจะมาเรียกร้องอะไรจากกูหรอ”
“กูถามว่าไอ้ภูมินทร์อยู่ไหน?”
สองถามเสียงเข้มขึ้นเพราะอามรมณ์ที่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มีดเริ่มกดลงลึกมากขึ้นกว่าเดิมโดยกดย้ำและเริ่มกรีดไล่ลงมาเรื่อยๆ จนถึงลำคอและกดย้ำลงไปจนเริ่มเห็นแผลได้ชัดยิ่งขึ้น
“ฮ่าๆๆ มึงจะเดือดร้อนอะไรกับกูหรอ? ในเมื่อเจ้านายมึงมึงตายไปแล้วหรือไอ้ที่เขาบอกว่ามึงชอบเมียเจ้านายตัวเองนี่ก็จริงน่ะสิ”
“กูถามว่าไอ้ภูมินทร์มันอยู่ไหน”
สองพูดด้วยอารมณ์ที่ยิ่งโมโหขึ้นเพิ่มจากเดิมและได้หันด้ามมีดขึ้นแล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นกำด้ามมีดแน่นต่อยลงไปที่หน้าของชายตรงนี้ในสภาพที่ใกล้จะหมดแรงแล้วเต็มทน ต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนทำให้แผลบนใบหน้าเป็นแผลใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
“ไอ้สุนัขรับใช้แบบมึง…มันน่าสมเพชจังว่ะ”
“โธ่!! ไอ้สัส! มึงหุบปากสักทีถ้ามึงไม่รู้งั้นมึงก็กลับบ้านเก่ามึงไปซะ”
“ฮ่าๆๆ เอาสิ! ต่อให้มึงจะตามหาเพื่อนกูเจอแต่คนที่มึงอยากจะฆ่าจริงๆ คงไม่ใช่มันหรอกฮ่าๆๆ”
“และกูจะบอกมึงให้นะต่อให้วันนี้กูตายหรือมึงจะหาภูมินทร์เจอมึงก็ไม่รอดอยู่ดี”
“มึงหมายความว่าไง” สองถามขึ้นอีกครั้งกับคำพูดของชายตรงหน้า
“พวกคุณหักหลังสามีฉันและไหนจะเป็นเงินที่พวกคุณโกงไปมันยังไม่พออีกหรือไง? ทำไมต้องฆ่าเขา”ท เธอถามเสียงสั่นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันกลับทำให้เธอที่ฝืนยืนมองอยู่แทบจะยืนไม่ไหว จนผู้ช่วยคนสนิทต้องเข้ามาช่วยยืนประคองเธอไว้
“นี่คุณครับ! คุณผู้หญิงคงเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า?”
“ที่คุณบอกว่าพวกผมโกงแค่พวกผมต้องการเงินน่ะเหรอ? ..เงินมันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“มึงหยุดพล่ามได้แล้วมึงบอกมาสักทีว่าไอ้ภูมินทร์มันอยู่ที่ไหน”
“ภูเก็ต!! ถ้ามึงอยากเจอมันมึงต้องไปภูเก็ตและที่กูบอก กูไม่ได้บอกมึงเพราะถ้ามึงกับไอ้หยางตายทุกอย่างก็จบไปนานแล้ว”
“กู…กูทำไม” เวย์เลี่ยงที่จะตอบกลับเรื่องคำถามของสองแต่กลับหันไปมองเธอที่หลบอยู่ด้านหลังแทน