“คุณหนูครับถ้าคุณหนูอยู่เฉยๆ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้เหี้ยนี่ ไม่ไปยุ่งกับสุนัขรับใช้อย่างมันคุณหนูจะไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์หรือสภาพนี้หรอกนะครับ”
“ที่ผมบอกคุณหนูเพราะเห็นว่าคุณน่าสงสารที่มาเกี่ยวข้องกับวงการนี้เท่านั้น”
“ส่วนภูเก็ตที่ผมบอกเพราะชายคนนั้นต่างหาก”
หลังจากไปพูดจบก็หันไปมองทางธีร์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“พี่ธีร์?”
เธอพูดชื่อขึ้นสั้นๆ และชายตรงหน้าก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อหมายความว่าสิ่งที่เธอนั้นพูดขึ้นนั้นมันถูกต้องแล้ว
“พี่ธีร์เกี่ยวกับอะไรกับเรื่องนี้ด้วย"
“ถ้าคุณไปที่ภูเก็ตและได้เจอกับมันคุณก็จะรู้เองแต่ผมจะบอกคุณให้นะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพื่อนผมไม่ผิด…. โปรดรักษาชีวิตมันด้วย”
“คุณคิดว่าฉันจะให้โอกาสคนที่ฆ่าสามีฉันงั้นหรอ?”
“แต่ถ้าคุณรู้เหตุผลที่มันทำคุณจะเข้าใจว่ามันไม่ได้ตั้งใจ แต่มันแค่ไม่มีทางเลือก”
“ส่วนคุณเพื่อนผมไม่เคยอยากที่จะทำร้ายคุณ โปรดเข้าใจเพื่อนผมสักครั้งนะครับคุณธีร์”
“มึงพล่ามเหี้ยอะไรของมึง”
“กูพูดจบแล้วถ้ามึงจะฆ่ากูก็เชิญ" สองที่กำลังใช้มีดเพื่อปักลงบนจุดสำคัญบนคอหวังปิดชีวิตชายคนนั้น แต่ทว่าเสียงห้ามกลับดังขึ้นทำให้สองต้องชะงัก
“เดี๋ยวพี่สอง!”
“ครับ…อย่าบอกนะว่าจะเชื่อคำพูดมันจะให้มันรอดงั้นหรอ?”
“คะ..อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนที่ทำร้ายพี่หยางถ้าจะฆ่าเขาของไร้เหตุผลเกินไป ส่งเขาให้ตำรวจจัดการตามกระบวนการดีกว่า"
“แต่…...ทีน……..โถ่เว้ยยย!!!!!” สองสบถอย่างหัวเสียและโมโหสุดขีดอย่างที่ใครต่อใครในตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ
“คุณรู้ไหมว่า……คุณ……….ช่างเถอะ" หลังพูดจบสองก็รีบก้าวเดินออกจากตรงนั้นไปทันที เพราะถ้าเขาฝืนอยู่ต่อเขาคงควบคุมสติอารมณ์ไว้ไม่ไหวแน่นอน
“รบกวนพี่ภูเอาเขาไปขังไว้ก่อนนะคะและถ้าแผลหายก็ส่งตัวเขาให้ตำรวจนะคะ”
เธอพูดเสียงนิ่มราบเรียบและเธอเองก็พอจะรู้ว่าความอ่อนแอของเธอ กำลังจะสร้างความลำบากให้กับคนอื่นไม่ใช่น้อยหลังจากจบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่างคนต่างแยกย้ายซึ่งอั้มน้ำพุและน็อตก็ได้แยกออกไปและขับรถหรูออกไปอย่างรวดเร็วส่วนอีกคันนึงที่เป็นภูและธีร์ ที่กำลังพาเวย์ขึ้นรถกลับไปด้วยสภาพที่ปางตายและในตอนนี้เหลือแค่เธอที่ทำได้เพียงกลับมานั่งข้างสองอีกครั้งบนรถ 4 ประตูคันใหญ่ ทั้งที่เธอเองก็รู้ว่าเธอควรจะกลับพร้อมกับเลขาคนสนิทแต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะกลับมาบนรถนี้อีกครั้ง
“เรากลับกันเลยมั้ย? …..หิวหรือเปล่า?” สองถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มให้ตัวเองเป็นปกติที่สุด โดยที่ไม่ตะคอกหรือขึ้นเสียงใส่อารมณ์และยังอ่อนโยนกับเธอเหมือนเดิม เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแถมยังสามารถรับรู้ถึงความห่วงใยที่เขามีอีกด้วย
“ค่ะ……หิว…หิวได้หรือเปล่า”
เธอพูดเสียงอ่อนและยังคงก้มหน้าอยู่เพราะแม้แต่หน้าของสองเธอยังไม่กล้าที่จะมองเลยด้วยซ้ำซึ่งอารมณ์ของสองในตอนนั้นหรืออารมณ์ที่พยายามเย็นลงในตอนนี้ยิ่งทำให้เธอยิ่งคิดถึงสามีของเธอมากขึ้นไปอีก
เธอไม่กล้าแม้แต่ที่จะวางมาดความเป็นเจ้านายของเธอกับเขาได้เลยด้วยซ้ำเหตุผลใดกันที่ทำให้เธอกล้าที่จะกลับมานั่งข้างๆ เขาอีกครั้ง ตั้งแต่ที่เธอหายดีจากอาการป่วยและการที่ได้เจอสองในครั้งนี้เธอถึงได้มีคำถามขึ้นมามากมายกับทุกการกับทำของชายคนนี้ทำไมตั้งแต่สามีเธอเสียไปชายคนนี้กลับยิ่งทำให้เธอคิดว่าสามีของเธอยังไม่ตายแล้วทำไมชายคนนี้ชั่งเหมือนกับสามีของเธอได้มากมายขนาดนี้หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอมีความคิดแบบนี้หรือชายคนนี้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแต่เพราะก่อนหน้านี้เธอเองอาจจะไม่ได้สังเกตุหรือมีเขาอยู่ในสายตา
“ดึกแล้ว ร้านอาหารคงหายากงั้นหาอะไรรองท้องที่ร้านสะดวกซื้อไปก่อนนะคะ” สองพูดเสียงอ่อนและก็เริ่มขับรถออกไปจากโกดังร้างแห่งนี้ทันที ระหว่างเดินทางนั้นกลับมีความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้งจนถึงร้านสะดวกซื้อหลังจากที่สองจอดรถที่ด้านหน้าของร้านสะดวกซื้อนั้นสองที่กำลังหันไปถามว่าเธออยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย? แต่ภาพตรงหน้ากับทำให้สองเผยรอยยิ้มขึ้นมากับท่าทางการหลับที่น่าเอ็นดูของเธอด้านข้าง
‘ต่อให้พี่จะโมโหใครมากยังไงพี่จะไม่ทำร้ายให้ทูลหัว ให้ต้องเสียใจอีกแล้ว.…...พี่ขอโทษ’
สองที่สบถกับตัวเองด้วยเสียงเบาเพราะกลัวว่าเธอที่เขารักจะตื่นขึ้น
“ตื่นแล้วหรอคะ….งั้นทานอะไรรองท้องก่อนนะพอไปถึงเซฟเฮ้าส์เราได้นอน
พักกันสักหน่อยแล้วค่อยเดินทางไปภูเก็ตกันต่อ"
“ขอบคุณนะคะ…..ไม่มีอะไรจะถามทีนหรอ?”
“ไม่ค่ะ..พี่จะไม่ถามหาเหตุผลกับสิ่งที่หนูทำลงไปทั้งนั้น กินเถอะอย่าไปกังวลกับสิ่งที่มันผ่านมาแล้วเลย แค่เริ่มต้นกันใหม่ก็พอ”
“อื้ม” เธอตอบเพียงสั้นๆ พร้อมที่พยักหน้าอย่างเข้าใจและสิ่งที่เธอต้องแปลกใจอีกครั้งนั้นคือสิ่งของในถุงนั้นแทน ต่างเป็นของที่เธอชอบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแซนวิชแฮมชีสนมถั่วเหลืองไม่มีน้ำตาลน้ำวิตอะเดย์เลมอนและที่สำคัญคือมะเขือเทศที่มีมากกว่าสิ่งของชนิดอื่นๆ
“มะเขือเทศหรอคะ”
“ค่ะ ในร้านมีแค่3กล่องพอมั้ยถ้าไม่พอเดี๋ยวพี่ไปดูร้านหน้าให้อีกก็ได้นะ"
“ค่ะ….พอ….พอแล้ว”
🌻
“สอง! มึงจะไปวันนี้เลยหรอวะ?” น้ำพุได้ถามขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น
“เออ! ใช่ กูไม่อยากรอเวลาอะไรแล้วว่ะ”
“แต่นี่ก็เกือบเย็นแล้วนะมึงจะเดินทางตอนกลางคืนหรอ?”
“เออ กลางคืนนี่แหละขับรถง่ายดีไปถึงใต้ก็น่าจะเช้าพอดี อาจจะพาทีนเขาไปพักที่ชุมพรก่อนแล้วค่อยเดินทางกันต่อ”
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็โอเค ดีไปเพราะพรุ่งนี้กูมีประชุมงั้นกูกับน็อต ค่อยขึ้นเครื่องตามมึงไปนะ มึงไปพักที่ชุมพรก่อนซักวันหรือ 2 วันก่อนก็ดีเพราะถ้ากูประชุมที่บริษัทเสร็จกูจะรีบนั่งเครื่องลงไปหามึงทันที”
“เออยังไงกูก็ขอบใจมึงนะที่คอยช่วยกูตลอดทั้งที่งานบริษัทมึงก็เยอะ”
“ไม่เป็นไรตอนนี้กูก็ยังไม่ได้ดูแลบริษัทเต็มตัวกูก็แค่เข้าประชุมแทนคุณท่านเขาเฉยๆ”
“คุณท่าน?…….มึง…..ฮ่าๆๆ”
คุณท่านที่น้ำพุเรียกก็คือคุณพ่อของน้ำพุเองนั้นแหล่ะ พ่อของน้ำพุทำบริษัทนำเข้าและส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในประเทศเลยก็ว่าได้ แต่ที่เรียกพ่อว่า คุณท่านนี้ก็เพราะว่าตั้งแต่ที่น้ำพุเสียแม่ไปและพ่อเขาก็แต่งงานใหม่ทันทีส่วนเหตุที่แม่เขาต้องตายก็เพราะว่า
แม่ของน้ำพุที่ตรอมใจเรื่องของพ่อเขาเอง เพราะด้วยความเจ้าชู้ของพ่อเขา ทำให้พ่อของเขามีบ้านเล็กบ้านน้อยจึงทำให้น้ำพุไม่ค่อยสนิทกับพ่ออย่างที่ควรส่วนน้ำพุก็มีน้องต่างแม่ 1 คนชื่อว่าพระพายเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่เรียกว่าหล่อและดูดีไม่แพ้กับน้ำพุเลยด้วยซ้ำต่อให้น้ำพุจะไม่ชอบแม่เลี้ยงของเขา แต่น้ำพุกลับรักพระพายมากและคอยดูแลพระพายอย่างดีแต่จะว่าไปอายุของพระพายก็น่าจะใกล้ๆกับลูกของเธอเลย ถ้าตอนนี้อายุของปุณณ์ลูกชายของเธอก็น่าจะ 12 ปี เข้า 13 ปีบริบูรณ์ พระพายก็น่าจะมีอายุประมาณ 14 ปีนั่นแหละและเรื่องนี้ทุกคนต่างรู้ดีเพราะวันที่พ่อของน้ำพุแต่งงานหรือไม่ว่าจะเป็นวันที่แม่ของน้ำพุเสียทั้งสองและน็อตก็อยู่ด้วยกันตลอดหรือแม้แต่หยางเองก็ยังไปร่วมงานด้วยเช่นกันแล้ว
“แล้วเนี่ย! ไอ้น็อตยังไม่ตื่นหรอวะ”
“ตื่นนานแล้วขึ้นเครื่องกลับลำพูนตั้งแต่เช้าแล้วมันบอกว่าที่ร้านมีเรื่อง”
“มึงรู้ ?”
“เออ…ก็ตอนนั้นที่มันลงมากูยังไม่ขึ้นไปนอนเลย”
“นี่อย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้นอนอ้ะสอง”
“กูนอนแล้วและกูก็ตื่นแล้วลงมาพร้อมมึงเนี่ย”
“แต่เมื่อคืนมึงไม่ได้นอนกับไอ้น็อตหรอมึงถึงไม่รู้”
“เปล่า….กูก็นึกว่ามันไปนอนกับมึง” ทั้งคู่ก็หันมามองหน้าพร้อมกันและพูดพร้อมกันว่า
“แล้วมันไปนอนไหนฮ่า ๆๆ” ทั้งคู่หัวเราะให้กับความรู้ใจกันและรู้ทันกัน
“เออ….แล้วที่ร้านมันยังไงนะมีคนตีกันหรอ”
“เออก็เห็นบอกกูแบบนั้นน่าจะตีกันช่วงก่อนที่ร้านจะปิด เพราะเห็นมันรีบขึ้นเครื่องไปตอนตี 2:00น.อ่ะ”
“อ๋อ….เออเดี๋ยวมันเคลียร์เรื่องจบก็น่าจะรีบลงมาแล้วมั้ง”
ส่วนธุรกิจที่น็อตทำก็คือร้านเหล้าหรือบาร์นั่นแหละ บาร์แห่งนั้นจะบอกว่าเป็นของน็อตก็เห็นว่าจะพูดยากเกินไปเพราะถ้าชื่อจดทะเบียนเป็น
เจ้าของร้านจริง ๆ ก็คงเป็นชื่อของสอง เองมากกว่าที่เป็นเจ้าของ แต่สองที่เพิ่งจะได้แบ่งหุ้นออกให้เป็น 2 ส่วนคือ 70% เป็นของสองส่วนอีก 30% เป็นของ น็อตเและทำไมถึงเลือกที่จะเปิดร้านที่ลำพูนน่ะหรอเพราะพื้นที่ตรงนั้น หยางซื้อไว้และได้ยกให้สองเป็นผลตอบแทนที่สองทำงานให้หยางสำเร็จถึงพื้นที่มันจะไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็สามารถเปิดร้านได้ และได้กระแสตอบรับที่ดีมากเลยแหล่ะ ทั้งที่เมืองหรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นจังหวัดที่เงียบมาก ต่างจากจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆอย่างเช่นเชียงใหม่ อ่อลืมบอกไปว่าน็อตเองก็ยังมีโฮมสเตย์ที่เชียงใหม่อีกด้วย