EPISODE 05 : Buttercup

2483 คำ
(ดอกบัตเตอร์คัพ - ดอกไม้แห่งความสุภาพและให้เกียรติผู้อื่นเสมอ นอกจากนี้บัตเตอร์คัพยังเป็นดอกไม้ที่ใช้แทนคนซื่อบื้อ ไม่ประสีประสาอีกด้วย) “ที่รัก...สิ่งที่เธอเป็นมันทำให้ฉันแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” [PUNDAO’S PART] วันเปิดภาคเรียน... วันนี้เป็นวันเปิดเทอมแรกหรือเปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากฉันเรียนต่อในระรับปริญญาโทจะเป็นการศึกษาและทำวิจัย ซึ่งจะเรียนวิชาที่ลึกกว่าในระดับปริญญาตรี เรียกว่า course work (การเรียนการสอนรายวิชา) วิชาดังกล่าวยังแยกเป็นวิชาบรรยาย (kougi) และสัมมนา (seminaa) เรียกย่อๆว่า ‘เซมิ’ ในช่วงของปีแรกฉันจะเรียนบรรยาย แต่เมื่อผ่านปีหนึ่งไปแล้วก็จะต้องส่งหัวขอวิทยานิพนธ์ที่แน่นอน และเริ่มต้นทำงานวิทยานิพนธ์ และในภาคเรียนสุดท้ายฉันจะต้องส่งวิทยานิพนธ์เพื่อขอจบปริญญาโท เรียกว่า ‘ซูชิรมบุง’ ซึ่งจะมีการสอบในตอนท้ายด้วย หากวิทยานิพนธ์ไม่ผ่านเกณฑ์ฉันก็จะไม่จบหลักสูตร ดูเหมือนจะง่ายแต่ความจริงแล้วมันไม่ง่ายเลยสักนิด ฉันเรียนต่อในระดับปริญญาโทสาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ถึงฉันจะมีความรู้มาบ้างแล้ว แต่ก็คงมีอีกหลายเรื่องที่ฉันยังคงต้องปรับตัว ‘ระดับพันดาวคนนี้ ผ่านฉลุยแน่นอน’ “ลุย” ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องเรียนไป วันแรกก็ยังคงไม่มีอะไรมากอาจารย์ท่านเพียงแค่ชี้แจ้งกฎของการอยู่รวมกัน พร้อมกับอธิบายเนื้อหาที่ฉันจำเป็นต้องเรียนในตลอดทั้งเทอมนี้ “พันดาว” “คะ?” “อาจารย์ติดประชุมขอเลื่อนเป็นบ่าย 3 นะ” “ได้ค่ะ” อาจารย์เดินเข้ามาบอกกับฉันก่อนที่ท่านจะเดินออกจากห้องเรียนไป ฉันจึงหันมาเก็บของใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปหามายูและไอโกะที่รออยู่ที่โรงอาหาร การเรียนครึ่งเช้าของฉันก็ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันยังเหลือเรียนตอนบ่ายอีก 1 ชั่วโมง จากนั้นก็รอเข้าพบอาจารย์ซึ่งฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรมากเหมือนกัน “พันดาว” มายูร้องเรียกฉันเบาๆ ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างบางทั้งสองคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล “ไอโกะ มายู คิดถึงจังเลย” “เราไม่ได้เจอกัน 3 ชั่วโมงเองนะ” มายูเอ่ยบอกกับฉันอย่างรู้ทันพร้อมกับมองมาที่ฉันอย่างเอือมๆ กับท่าทีออดอ้อนของฉัน “ฉันซื้อข้าวไว้ให้แล้ว” ไอโกะส่งข้าวแกงกระหรี่ไก่มาให้ฉัน ฉันจึงเดินอ้อมไปนั่งลงข้างๆ เธอพร้อมกับซบลงที่ไหล่มนของไอโกะอย่างอ้อนๆ ก่อนจะมองไปยังมายูอย่างล้อเลียน “ชิ” “ทานข้าวก่อน” “ขอบคุณมากเลยนะ” “ค่อยๆกิน” ไอโกะเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้ “ฉันหิวนี่นา” “เธอก็หิวตลอดเวลานั่นแหละพันดาว” ฉันเงยหน้าขึ้นมามองมายูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างงอนๆ เพราะเธอรู้ทันฉันไปซะทุกอย่างเลยอะ ‘ต้องอย่างนี้สิ...เพื่อนรักของฉัน’ “ไอโกะดูมายูสิ” “ไม่ต้องหาพวกเลย นี่พันดาวฉันสงสัยมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเธอเดินแปลกๆ เป็นอะไรรึป่าว” มายูเอ่ยถามฉันเสียบเรียบพร้อมกับมองมาที่ฉันอย่างจับผิด “ป๊าววววว!!!” “พันดาว” “ล้มนิดเดียว” ฉันตอบคำถามของมายูออกไปเสียงอ่อน พร้อมกับมองไปที่ไอโกะอย่างขอความช่วยเหลือ “นั่นไง ฉันว่าแล้ว” “แล้วนี่เป็นอะไรมากรึป่าวดาว” ไอโกะเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองมาที่ฉันอย่างเป็นห่วง “ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันเลือกที่จะไม่บอกกับทั้งสองคนว่าเมื่อคืนฉันไปเจอกับอะไรมาบ้าง เพราะถ้ามายูรู้เรื่องราวทั้งหมดเธอได้บ่นฉันหูชาแน่น เพราะถึงเธอจะค่อนข้างดุและเข้มงวดแต่เธอก็รักและเป็นห่วงฉันมากเหมือนกัน ฉันไม่อยากทำให้เพื่อนสนิททั้งสองคนของฉันไม่สบายใจน่ะ “กินเยอะๆ เลยจะได้มีสติ ลดความซุ่มซ่ามลงมาได้บ้าง” มายูเอ่ยบอกกับฉันเสียงดุ “ค่า...” เราใช้เวลาทานข้าวรวมถึงพูดคุยกันจนกระทั่งได้เวลาเข้าเรียนคาบบ่ายของฉัน ซึ่งตอนบ่ายมายูกับไอโกะไม่มีเรียนแล้วในวันนี้ แต่พวกเธอก็ยังยืนยันที่จะรอฉัน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ฉันไม่มีทางยอมพวกเธอแน่ๆ เนื่องจากฉันใช้เวลาเรียน 1 ชั่วโมงก็จริงแต่ยังต้องรอเข้าพบอาจารย์อีกซึ่งไม่รู้เลยว่าจะเสร็จตอนไหน เย็นนี้มายูมีทำงานพิเศษ (ติวเตอร์) ต่ออีก เธอควรจะได้กลับไปพักผ่อนมากกว่าที่จะมานั่งรอฉันแบบนี้ “รอได้” “ไม่ต้องห่วงฉันกลับได้หออยู่แค่นี้เอง เดินไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึง...เชื่อดาวสิดาวโตเป็นสาวแล้วนะ” ฉันบอกเพื่อนสนิททั้งสองคนออกไปด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับพวกเธอ ‘ฉันมั่นใจรอบนี้ฉันไม่พลาดแน่นอน’ “นี่เรียกว่าโตเป็นสาวแล้วเหรอ” “จริงๆ นะดูสิ” ฉันบอกกับร่างบางทั้งสองคนตรงหน้าพร้อมกับหมุนตัวให้พวกเธอดู ก่อนจะเห็นว่าไอโกะนั่งขำอย่างเอ็นดูกับท่าทางของฉัน “ไม่ต้องเถียงกันแล้ว งั้นพวกเราจะกลับก่อนนะดาว” “โอเคค่ะ” “เราปล่อยให้กลับเองได้จริงๆ เหรอไอโกะ” มายูหันไปถามแฟนสาวของเธอเสียงอ่อน ก่อนจะหันกลับมามองฉันอย่างไม่วางใจ “ได้สิพันดาวโตแล้วนะ” “ใช่ๆ” “มีอะไรโทรหาเราได้ทุกเมื่อเลยนะ” มายูเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่ไอโกะจะสมทบด้วยอีกคน “ไม่มีอะไรก็โทรหาได้ ฉันว่างตลอดเวลา” “รับทราบค่ะ” ... 17.00 น. ยามเย็นแบบนี้อากาศหนาวจังเลยตอนนี้อุณหภูมิ 19 องศาเซลเซียส ฉันกระชับเสื้อโค้ทตัวบางของตัวเองเพื่อเพิ่มความอบอุ่น แต่เหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรฉันสักเท่าไหร่ ฉันเดินไปตามทางพร้อมกับมองไปยังดอกซากุระที่กำลังเบ่งบางอยู่ภายในสวนสาธารณะ ฉันแวะเข้าไปในร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ เพื่อซื้ออาหารเย็นง่ายๆ สำหรับวันนี้ หลังจากที่ฉันเลือกซื้ออาหารเรียบร้อยฉันจึงเดินออกมาด้านนอก ซึ่งตลอดทางที่ฉันเดินออกมาจากมหาวิทยาลัย ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมองฉันอยู่ตลอดเวลาเลย ‘ฉันคงคิดไปเองแหละ สงสัยช่วงนี้จะนอนน้อย’ ฉันเดินเข้าไปในสวนสาธารณะเพื่อลดระยะทางในการเดินกลับ และก็ถือโอกาสนี้ชมดอกซากุระบานยามเย็นไปด้วยเลยแล้วกัน ถึงตอนนี้จะยังไม่ถึงช่วงเวลาที่ดอกซากุระจะบานสะพรั่งก็เถอะ แต่สวนสาธารณะยามเย็นแบบนี้ก็ช่วยผ่อนคลายได้ดีทีเดียว “ลาลา ล้าลา...” ฉันเดินฮัมเพลงอยู่ท่ามกลางดอกซากุระที่บานอย่างสบายใจ จนกระทั่ง... “ที่เดิมเลย...” ฉันเดินวนกลับมาที่เดิม ‘ที่เดิมเป๊ะเลย’ ฉันก้มมองโทรศัพท์ในมือของตัวเองอีกครั้งและก็ค้นพบว่า ‘สามแยกเมื่อกี้ต้องไปอีกทาง’ ฉันบอกกับตัวเองอยู่ภายในใจ ก่อนจะเดินต่อไปจนกระทั้งฉันเจอเข้ากับชายฮู้ดดำ ฉันไม่แน่ใจว่าเขาใช่คนเดียวกันไหมแต่ความสูงและท่าทางการยืนเหมือนกันไม่มีผิด ‘ลองทักดีไหมนะ ถ้าไม่ใช่ก็แค่อายนิดหน่อยเอง’ ปึก!!! “...” ฉันวิ่งเข้าไปสะกิดเขาเบาๆที่ด้านหลัง แต่ท่าทีของเขาดูตกใจและก็ชะงักไปเล็กน้อยที่หันมาแล้วเห็นว่าเป็นฉัน “นมเมล่อน” ร่างสูงพูดขึ้นมาแผ่วเบา แต่ฉันกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ‘นมเมล่อนอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าเขาคือคนเดียวกันจริงๆ สินะ’ ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงตรงหน้าให้ชัดอีกครั้ง เมื่อคืนเพราะความมืดทำให้ฉันไม่ได้เห็นใบหน้าของเขา แต่วันนี้ท้องฟ้าสดใสเสียเหลือเกินทำให้ฉันเห็นใบหน้าของร่างสูงตรงหน้าได้อย่างชัดเจน และพบว่าเขาหล่อมาก...มากแบบมากๆ หล่อกว่าพระเอกในมังงะที่ฉันชอบอ่านเสียอีก ฉันแพ้คนหล่อ หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันสั่นไหวไม่เป็นจังหวะราวกับว่ามันกำลังจะหลุดออกมาจากอก “อะ เอ่อ จริงๆ แล้วฉันมีชื่อนะ ฉันชื่อพันดาวเป็นคนไทยน่ะ” “...” ฉันแนะนำตัวเองกับร่างสูงตรงหน้าออกไปซะยืดยาวแต่สิ่งที่ได้กลับคือความเงียบ มันน่าแปลกที่เขาเป็นแบบนี้แล้วฉันกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด ‘เขาหล่อ...ฉันเลยให้อภัยเขา ฮืออออออ’ “นายล่ะชื่ออะไร” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงสดใสฟังดูเป็นมิตรสุดๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขาอย่างเป็นกันเอง “ดัน” “ดัน ที่หมายถึงความอบอุ่นน่ะเหรอ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปอีกครั้ง “...” ซึ่งสิ่งที่ได้จากเขาก็คือ การพยักหน้าเพื่อแทนคำตอบทั้งหมด ปึก!!! “ว่าแต่...” ฉันกระโดดไปตีไหล่ของเขาเบาๆ แต่คิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขาเจ็บ หรือว่า... “เจ็บเหรอ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่ออกไปด้วยความเป็นห่วง เมื่อวานเขาโดนไม้เบสบอลตีหลังไปตั้งหลายที เพราะช่วยฉัน “...” “มานี่กับฉัน” ฉันดึงมือหนาให้เดินตามฉันมา ซึ่งเขาเองก็ทำตามที่ฉันบอกอย่างว่าง่าย แต่ก่อนที่เราจะเดินไปไหนไกลจิตใต้สำนึกก็สั่งการให้ฉันคิดทบทวนอีกทีถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ “แต่เดี๋ยวนะ!...แม่เคยบอกกับฉันว่าห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้า” “...” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงตรงหน้าที่กำลังยืนมองมายังฉันนิ่งๆ อีกครั้ง ถ้าฉันเดาไม่ผิดหน้านิ่งแบบนี้เขาเองก็คงกำลังงงว่า ‘ฉันคิดจะทำอะไรกันแน่’ อยู่สินะ “นายชื่อดัน ส่วนฉันชื่อพันดาว เรารู้จักกันแล้วนี่เนอะ” “...” ร่างสูงตรงหน้าพยักหน้าให้กับฉันเล็กน้อยพร้อมกับมองมาที่ฉันอย่างไม่เข้าใจว่าฉันต้องการอะไรกันแน่ “งั้นก็ไปด้วยกันได้ เราไปกันเถอะ...” ฉันดึงแขนเสื้อของดันให้เดินตามฉันไป รอบนี้ฉันไปถูกแน่นอน ‘ถ้ายังหลงอีกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพันดาวอีกเลย’ - PUNDAO’S APARTMENT- “เชิญค่ะ” ฉันเปิดให้ร่างสูงของดันเดินเข้าไปด้านใน ก่อนที่ตัวเองจะเดินตามเขาเข้าไป ฉันวางอาหารที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อไว้บนโต๊ะก่อนจะปีนบันไดขึ้นไปด้านบนเพื่อหายามาทาให้กับเขา “นายนั่งรอที่โซฟาก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปหายามาทาให้” “...” ฉันปีนบันไดขึ้นมาด้านบนก่อนจะเปิดตู้ที่อยู่บริเวณหัวเตียง ฉันหยิบกระเป๋าสำหรับเก็บยาและอุปกรณ์สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นออกมา ก่อนจะหยิบกระเป๋าแยกสำหรับใส่ยานวดและยาแก้ปวดโดยเฉพาะติดมือลงไปด้วย กระเป๋ายาใบนี้แม่ฉันเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เอง ท่านคงรู้จักลูกสาวของท่านดีว่าเป็นคนยังไงถึงได้จัดยาไว้ให้ฉันเยอะแยะขนาดนี้ “ฉันลงได้” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงที่กำลังจะลุกขึ้นมาช่วย แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ฟังฉันเลย มือหนาดึงกระเป๋าของฉันไปถือไว้ก่อนจะกลับไปนั่งลงยังโซฟาตามเดิม “ขอบคุณ” ฉันเดินตามไปนั่งลงข้างเขา เราทั้งคู่มองตากันอยู่สักพัก ต่างคนต่างเงียบใส่กันและกันเขาเองก็ดูจะทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน “ถอดเสื้อสิ” ฉันจึงเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปอย่างเป็นกันเอง และสิ่งที่ฉันพูดออกไปก็เป็นวัตถุประสงค์ที่ฉันพาเขามาที่นี่... “...” เขายังคงมองมาที่ฉันนิ่งๆ และท่าทีของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเองก็ดูตกใจเหมือนกันที่ได้ยินฉันพูดออกไปแบบนั้น “ฉันจะทายาให้ ไม่ได้จะทำอะไรนายหรอกนะ” “...” ร่างสูงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะถอดฮู้ดของตัวเองออก ‘ขาวจัง’ ฉันไม่ได้เตรียมใจที่จะมาเห็นอะไรแบบนี้เลยฉันคิดว่าเขาจะมีเสื้อกล้ามอยู่ข้างในอีกชั้น ‘แน่นมากพ่อคุณเกิดมา 23 ปีไม่เคยพบเคยเจอซิกแพกผู้ชายใกล้ๆ แบบนี้สักที’ ฉันเผลอมองกล้ามที่หน้าท้องของเขาจนกระทั่ง... “พันดาว” “หะ ห๊ะ? อ่อ...หันหลังสิเดี๋ยวฉันทายาให้” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้านิ่งๆ ก่อนจะรีบควานหายาทาสำหรับรอยช้ำ ซึ่งดันเองก็ทำตามที่ฉันบอกอย่างว่าง่าย “โอ้โห...ดันเจ็บรึป่าว” ฉันมองไปยังรอยฟกช้ำตรงหน้าอย่างอึ้งๆ รอยช้ำบนแผ่นหลังขาวเนียนของเขาเป็นทางยาวเดาได้ไม่ยากเลยว่ามาจากไม้เบสบอลเมื่อวานไม่ผิดแน่ “...อือ” ทันทีที่เห็นเขาสายหัวฉันจึงกดรอยช้ำของเขาเบาๆ และก็เป็นอย่างที่ฉันคิด ‘เขาเจ็บ’ แต่ทำไมถึงได้เอาแต่บอกว่าไม่เจ็บกันนะ... “นายเป็นคนขี้โกหกรึไง” ฉันยื่นหน้าเข้าไปถามเขาพร้อมกับมองไปที่ร่างสูงอย่างจับผิด ก่อนที่มือบางของฉันจะค่อยๆ บรรจงทายาให้กับเขาอย่างใจเย็น “ถ้าเจ็บก็บอกฉันนะ” “...” ฟู่! ฟู่! !! “เพี้ยง!!...เรียบร้อย” ฉันเป่าบริเวณรอยฟกช้ำของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าด้วยนำเสียงใส พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับผลงานของตัวเอง “ขอบคุณ” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ก่อนที่เขาจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับฉัน “ฉันสิต้องขอบคุณนายที่ต้องเจ็บตัวเพราะฉัน สะ ใส่เสื้อเถอะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าก่อนที่สายตาของฉันจะซุกซนไปมากกว่านี้ ‘เป็นผู้ชายจำเป็นตรงขาวเนียนขนาดนี้ไหมนะ’ ฉันได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอยู่ภายในใจ “อืม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม