EPISODE 03 : Delphinium

2462 คำ
(ดอกเดลฟิเนียม - ดอกไม้แห่งความสบายใจ ความสนุกสนานในโลกที่สดใสในมุมมองของคุณ) “เธอเข้ามาทำให้โลกทั้งใบของฉันมีชีวิตชีวาขึ้นนะรู้ไหม” [PUNDAO’S PART] -SHIBUYA (ชิบูย่า)- “ดาวจะชอบใครก็ได้ในประเทศนี้แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ถ้าเจอเขา...ดาวต้องออกให้ห่างที่สุด” ไอโกะพึมพำพร้อมกับมองไปที่ร่างสูงตรงหน้านิ่งๆ ร่างสูงที่มาพร้อมกับชายชุดดำเกือบ 10 คนหยุดเดินก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปยังตึกฝั่งตรงข้ามนิ่งๆ ก่อนที่ขายาวของเขาจะก้าวเข้าไปด้านใน “...ห๊ะ?...” ฉันเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย “พี่ชายคนละแม่ของฉันเอง” “หืม” “เคนจิ พี่ชายของไอโกะเองดาวห้ามเข้าใกล้เขาเด็ดขาด เข้าใจไหม” ฉันมองร่างบางตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อเธอหรอกนะ แต่ฉันแค่สงสัยน่ะปกติไอโกะเธอไม่เคยมีท่าทีแบบนี้มาก่อนต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ... “เขาหล่ออะป่าว?” ฉันถามร่างบางตรงหน้าอย่างไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะฉันแค่ชอบมองคนหล่อ แต่ไม่ได้มีความคิดอะไรที่เกินเลยไปมากกว่านั้นสักหน่อย “หล่อไม่หล่อไม่รู้ถึงยังไงฉันก็ไม่ยกให้หรอกนะ” ร่างบางตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ “แงงง...ทำไมอะ พันดาวชอบคนหล่อนะ” ฉันจึงตอบกลับร่างบางตรงหน้าออกไปอย่างไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ฉันเห็นว่าเธอกังวลอย่างน้อยฉันก็อยากให้เธอคลายเครียดบ้าง “หวง” “หืม” มายูเองก็มองไปยังไอโกะด้วยความสงสัยไม่ต่างอะไรจากฉันสักเท่าไหร่ “ฉันหวงพันดาวนะ ไม่ได้หวงเคนจิ” “.../...” ฉันกับมายูมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปมองที่ไอโกะเป็นตามเดียวเพื่อกดดันให้เธออธิบายข้อมูลเพิ่มเติม “เคนจิน่ะ ได้แค่หล่ออยากเดียวอยู่ด้วยแล้วไม่สนุกหรอก เย็นชาจนน่ากลัว แต่เวลาโกรธน่ากลัวกว่า” ฉันมองร่างบางตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆไปให้กับเธอ นี่ขนาดน้องสาวของเขายังพูดขนาดนี้ คนอื่นอย่างฉันไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงดีกว่าเนอะ ‘ถึงฉันจะชอบคนหล่อ แต่ฉันก็กลัวคนดุเหมือนกัน’ “อยู่ให้ห่างจากเคนจินะดาว มีอะไรบอกฉันได้ตลอดเลย” “เข้าใจแล้วค่ะ อีกอย่างเราไม่มีโอกาสได้เจอเขาหรอกน่า โลกก็ไม่ได้กลมขนาดนั้น” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เธอ “ทำได้จริงเหรอ แพ้คนหล่อไม่ใช่เหรอเราน่ะ” มายูที่นั่งอยู่ข้างๆไอโกะพูดขึ้น พร้อมกับมองมาที่ฉันอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพึ่งพูดออกไป “ไม่เถียงกับมายูแล้วชอบเอาความจริงมาพูดอยู่เรื่อย ดาวหิวแล้ว...” “สู้ไม่ได้ก็บอก” “ไอโกะดูมายูสิ” ไม่ใช่ว่าฉันสู้มายูไม่ได้หรอกนะ แต่คนฉลาดเขาไม่สู้อยู่เพียงลำพังกันหรอกน่า “มายูเลิกแกล้งพันดาวเลยนะ” เสียงไอโกะเอ็ดมายูเบาๆ ฉันจึงหันไปมองมายูอย่างผู้ชนะ “ชิ” “ฮี่ฮี่” ฉันหัวเราะใส่มายูอย่างผู้ชนะ ก่อนกันทานเนื้อย่างต้องหน้าอย่างเอร็ดอร่อยในขณะเดียวกันสายตาของฉันก็ยังคงชำเลืองมองไปยังบริเวณที่ร่างสูงเดินเข้าไป “ต่อไปฉันอยากนำเสนอเนื้อวากิวจากวัวพันธ์ญี่ปุ่นขนดำ...” ฉันนั่งมองไอโกะสลับกับเนื้อวากิวในมือของเธอพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอไปด้วย เนื่องจากฉันใช้ตะเกียบไม่เป็น ฉันจึงใช้ที่คีบที่ตัวเองถืออยู่คีบเนื้อในจากตรงหน้าของไอโกะมาย่าง ขืนรอให้เธออธิบายความพิเศษของวัตถุดิบเสร็จฉันคงหิวตายก่อนแน่ๆ “เรายังพูดไม่จบเลยนะ” “พูดไปย่างไปก็ได้นี่” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเธอ “อร่อยไหม” ไอโกะเอ่ยถามฉันพร้อมคีบเนื้อตรงหน้าของเธอมาให้ฉันกับมายูคนละชิ้นก่อนที่เธอจะคีบเนื้ออีกชิ้นเข้าปากของตัวเอง “อืมมมมม อร่อย/อ๊ายยยยย อร่อยๆ” ฉันมายูร้องออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกัน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ลองชิมเนื้อวากิวไม่คิดว่ามันจะอร่อยตัวลอยขนาดนี้มาก่อนเลย ‘ฉันตกหลุมรักเลยอะ’ หลังจากที่ฉันเราทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย เราทั้ง 3 คนก็พากันมาช้อปปิ้งต่อที่ชิบูย่า109 (SHIBUYA109) ซึ่งเปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1979 เรียกได้ว่าเปิดคู่กับย่านชิบูย่ามาอย่างเนินนานเลยก็ได้ ที่นี่เป็นแหล่งรวมเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับมากมายจากแบรนด์ต่างๆ ราคาค่อนข้างดี ขาช้อปอย่างพวกฉันพลาดไม่ได้เลยล่ะ “เสื้อโค้ทร้านนี้สวย” ไอโกะชี้ไปยังร้านขายเสื้อผ้าตรงหน้าก่อนจะดึงมือของฉันกับมายูให้เดินตามเธอไปยังร้านที่เธอหมายตาเอาไว้ ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ของทุกปีจะเป็นช่วงของฤดูใบไม้ผลิโดยเฉลี่ยแล้วอุณหภูมิยังคงเย็นสบายอยู่ที่ประมาณ 21 องศาเซลเซียส ฉันจึงคิดว่าจะเลือกซื้อเพียงเสื้อโค้ทบางๆ ก็คงพอ “ซากุระ” ‘ซากุระ’ เป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น ผู้คนส่วนใหญ่นิยมรวมตัวกันใต้ต้นซากุระ เรียกว่า ‘โอฮานามิ’ หมายถึงการชมดอกซากุระบานทั่วญี่ปุ่น และแน่นอนว่าสาวน้อยนักล่าฝันอย่างฉันจะพลาดเทศกาลสำคัญเหล่านี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด การมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นของฉันในครั้งนี้ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าฉันจะเที่ยวญี่ปุ่นให้ครบทุกจังหวัดทุกภูมิภาคเลยล่ะ “พันดาวตัวนี้สวย” มายูยื่นเสื้อโค้ทสีชมพูอ่อนมาให้ฉันพร้อมกับทาบที่ตัวของฉัน “น่ารักเหมือนกับดาวใช่ปะ” “เฮ้อ...ฉันเหนื่อยใจเหลือเกิน” มายูพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจก่อนจะแขวนเสื้อไว้บนราวตามเดิม “เหนื่อยอะไรกัน...ดาวพูดเรื่องจริงทั้งนั้น” ฉันบ่นพึมพำก่อนจะเดินไปเลือกเสื้อโค้ทของตัวเองต่อ และดูเหมือนไอโกะเองก็จะไม่น้อยหน้าสังเกตจากในมือของเธอที่ถือเสื้อโค้ทเต็มสองมือเลยจนมายูต้องรีบเดินเข้าไปยั้งเธอไว้บ้าง ... -PUNDAO’S APARTMENT- เราใช้เวลาเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าพร้อมกับของใช้เล็กๆน้อยๆที่ฉันจำเป็นต้องใช้ ก่อนที่มายูกับไอโกะจะมาส่งฉันที่อพาร์ทเมนท์หลังจากนั้นพวกเธอจึงแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ฉันวางของลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงยังโซฟาขนาดพอดีกับห้องอย่างหมดแรง ฉันมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะ 2 ทุ่มแล้ว ซึ่งเวลาที่ไทยช้ากว่าที่นี่ 2 ชั่วโมง งั้นหมายความว่าตอนนี้ที่ไทยก็น่าจะประมาณ 6 โมงเย็น “พอได้อยู่คนเดียวแบบนี้ก็เหงาเหมือนกันเนอะ” White Lily (ดอกลิลลี่สีขาว - ดอกไม้แห่งความบริสุทธิ์ เป็นความรู้สึกที่ใสซื่อและไร้เดียงสาเอามากๆ เลย) “ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้พบกัน” [PUNDAO’S PART] 1 อาทิตย์ต่อมา... 20.00 น. ~จ๊อกกกกกกกกกกกก~ “ฮืออออ จะมาร้องตอนนี้ไม่ได้นะ” คนอื่นจากบ้านจากเมืองมาไกลกินอาหารกันไม่ค่อยจะได้ แต่ฉันจากบ้านมาได้ 1 อาทิตย์ก็เจริญอาหารเสียเหลือเกิน “ไปทำอย่างอื่นดีกว่า” ฉันเดินเข้าไปแยกผ้าออกมาใส่ตะกร้าเพื่อรอซัก ก่อนจะเดินเอาของเข้าไปเก็บไว้ในห้องครัว “ทำไมไม่ซื้อขนมมาบ้างเลยดูไม่ใช้ฉันเลยนะเนี่ย” ~จ๊อกกกกกกกกกกกก~ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันจะออกไปทานข้าวและเที่ยวเล่นรอบๆ เมืองกับเพื่อนๆ อยู่แล้วทุกครั้งที่ออกไปฉันก็มักจะซื้อขนมมาเก็บไว้ แต่วันนี้ดันลืมซะได้ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาร้านสะดวกซื้อใกล้ๆฉัน หรือที่คนที่นี่เรียกว่า คอนบินี (convenience store) ฉันมองดูแผนที่โทรศัพท์ของตัวเองนิ่งๆ ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะออกไปซื้อขนมและของกินเล่นมาตุนเอาไว้ ฉันใช้เวลาไม่นานเดินลัดเลอะมาตามตรอกซอกซอยจนกระทั่งฉันทำสำเร็จฉันพาตัวเองมาถึงร้านสะดวกซื้อได้สำเร็จ “หืม ของกินก็เยอะเหมือนกันนะเนี่ย” ปกติเวลาซื้อของเพื่อนๆ พวกเธอมักจะพาฉันซื้อไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฉันมาร้านสะดวกซื้อและที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือฉันเดินมาคนเดียวได้ด้วย ‘พันดาวคนนี้โตเป็นสาวแล้วสินะ’ ฉันได้แต่ชื่นชมตัวเองอยู่ภายในใจ พร้อมกับส่องนมรสโปรดของตัวเองที่อยู่ภายในตู้แช่ตรงหน้าไปด้วย “ขอบคุณค่า อึบ” ฉันหยิบถุงผ้าขึ้นมาอุ้มไวก่อนจะเดินออกมาด้านนอกพร้อมกับมองไปยังของที่ตัวเองพึ่งซื้อมาอย่างวู่วาม ความหิวเป็นเหตุทำให้มือไม้ของฉันหยิบจับขนมและนมเยอะแยะมากมายโดยที่ไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีว่าจะเอากลับคนเดียวไหวไหม รู้ตัวอีกทีก็จ่ายเงินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “โทรศัพท์อยู่ไหนน้า” ฉันอุ้มถุงผ้าไว้เพียงมือเดียวก่อนที่มืออีกข้างฉันจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกง “บ้าน่า แบตหมดเหมือนในละครเลยรึไง” ฉันบนพึมพำกับตัวเองก่อนจะเก็บโทรศัพท์ของตัวเองไว้ที่เดิม ‘ถ้าเป็นในละครฉากต่อไปฉันต้องเจอกับพระเอกแน่นอน’ ฉันบอกกับตัวเองก่อนจะเดินออกไปตามทางเก่าที่ฉันเดินมา ฉันมั่นใจว่าฉันสามารถพาตัวเองกลับหอได้อย่างปลอดภัยแน่นอน แผนที่มันอยู่ในหัวของฉันอยู่แล้ว เส้นทางแค่นี้ทำอะไรคนที่มีความจำเป็นเลิศอย่างฉันไม่ได้หรอก “...” ฉันเดินมาตามทางที่ตัวเองเดินมาในตอนแรกแต่ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นถนนเส้นที่จะตัดไปยังหอพักของฉันเลย และอีกอย่างยิ่งฉันเดินไปไกลก็ยิ่งมืด เนื่องจากบริเวณนี้มีไฟทางที่คอยให้แสดงสว่างอยู่ไม่กี่ดวงเท่านั้น ถึงมันจะดูไม่น่ากลัว แต่ฉันก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่ทางที่ฉันเคยเดินมาแน่ๆ “อ๊ะ!” ฉันวางของลงที่พื้นก่อนจะมองไปรอบๆ เพื่อดูว่าจะขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง แต่ดูเหมือนบุญที่ฉันเคยสั่งสมมาจะหมดไปแล้ว เพราะบริเวณนี้ไม่มีใครเลยนอกจากฉันกับขนม 1 ถุงใหญ่ “พันดาวเจ้าแม่แห่งการหลงทางกลับมาอีกแล้วเหรอเนี่ย อยู่ไทยจะหลงที่ไหนก็ได้แต่อยู่ที่นี่ไม่ได้...ฉันจะทำไงดีล่ะที่นี้” ฉันย่อตัวนั่งลงข้างๆกับถุงขนมของตัวเอง ฉันพยายามใช้ความคิดที่มีอยู่อย่างน้อยนิดเพื่อพาตัวเองออกไปจากที่นี่ “เฮ่อออออ...!!!” “ไปต่อดีกว่า...ถนนมันตัดกันหมดถ้าเดินต่อไปต้องเจอถนนใหญ่แน่นอน” อะ เอ่อ ฉันคิดแบบนั้นอะนะ ฉันหยิบถุงขนมของตัวเองขึ้นมาอุ้มเอาไว้แนบอกอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปตามทาง ตุบ!! “...” เท้าทั้งสองของหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรสักอย่างล่วงตกลงมาจากที่สูง ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองยังวัตถุประหลาดตรงหน้า ‘เปรตรึป่าว หน้าเขาญี่ปุ่นมีเปรตด้วยรึไง’ ฉันมองไปยังร่างสูงตรงหน้าอย่างกลัวๆ ฉันไม่เห็นหน้าของเขาด้วยซ้ำ เพราะเขาใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวสีดำตัวใหญ่คลุมศีรษะของตัวเองไว้จนมิด ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าของฉันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ถ้าให้ฉันเดาดูจากรูปร่างและความสูงที่ยังไงก็คงเกิน 185 เซนติเมตร เขาต้องเป็นผู้ชายแน่นอนเลย “คะ คุณจะทำอะไรคะ” ฉันขยับถอยหลังเพื่อให้ตัวเองอยู่ห่างจากร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย “...” “อย่าเข้ามานะ” “...” “บอกว่าอย่าเข้ามาไง” ฟุบ!!! “กรี๊ดดดดดดด” ฉันร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับวิ่งหนีเขาอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนที่จะหันกลับไปมองก็ยังคงเห็นเขาวิ่งตามฉันมา ช่วงขาของเขายาวกว่าฉันมากทำให้ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่มาก ‘เอาวะ’ ฉันกำลังจะใส่เกียร์หมาวิ่งสุดกำลัง แต่... ฟุบ!!! ปึก!!! “อ๊ะ โอ้ย” ฉันสะดุดขาของตัวล้มลงกับพื้นพร้อมกับถุงขนมที่ล่วงหล่นพื้นกระจัดกระจากเต็มพื้นถนนไปหมด ฉันจึงหันกลับไปมองร่างสูงที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาฉัน ‘ทำไมฉันไม่เจอพระเอกเหมือนในละคร แต่ดันเจอฆาตกรโรคจิตเหมือนในซีรี่ย์สยองขวัญซะได้ ชาติที่แล้วฉันทำบุญมาด้วยอะไรกันนะ’ “ยะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อยากได้ขนมก็เอาไปเลย หรืออยากเงินไหม เงินล่ะกระเป๋าเงินไปไหนล่ะ” ฉันรีบหากระเป๋าเงินก่อนจะพบว่ากระเป๋าเงินของฉันหล่นหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ “ฮืออออ ชีวิตฉันซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อนอะไรขนาดนี้ ฉันไม่มะ...” ฉันบ่นพึมพำก่อนจะหันไปบอกกับร่างสูงตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเขาก็ยื่นกระเป๋าเงินของฉันมาคืนให้กับฉัน “ขอบคุณค่ะ” ฉันรับกระเป๋าคืนมาจากเขาอย่างงงๆ นี่เขาไม่ได้จะทำอะไรฉันหรอกเหรอ เขาวิ่งตามฉันเพื่อที่จะคืนกระเป๋าตังให้กับฉันเนี่ยนะ แต่ทำไมเขาไม่เรียกฉันล่ะ ถ้าเขาบอกกับฉันตรงๆ ฉันก็คงไม่ต้องวิ่งหนีมาให้เหนื่อยแบบนี้หรอกน่า...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม