โทรศัพท์ของภูผาดังขึ้นในเช้าวันเดียวกัน
เสียงแจ้งเตือนข่าวบันเทิงจากแอปที่เขาไม่ได้เปิดดูมานานดังขึ้นมารบกวนความเงียบ
เขาเปิดดูด้วยความงง ๆ กึ่งรำคาญ
แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่สายตากวาดผ่านพาดหัวข่าวตัวโต หัวใจของเขาก็เหมือนถูกควักออกมากองตรงหน้า
“รักนอกจอผลิบานรับขวัญคู่พระรอง–นางรอง!”
ภาพของเขาและอัญชันกำลังเดินออกจากกองถ่าย พร้อมทีมงานที่ตามไปกินข้าวด้วยกัน
ภาพปกติธรรมดาที่ถูกแอบถ่าย
แต่ถูกตีความจนกลายเป็นข่าวใหญ่โตในชั่วข้ามคืน
และยิ่งไปกว่านั้น
ทั้งบริษัทของเขาและของอัญชันไม่ได้ออกมาปฏิเสธข่าวการคบหากัน ตรงกันข้ามกลับระบุว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของศิลปิน ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่าข่าวดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นจริง
โลกทั้งใบเหมือนหยุดหมุน
ภูผาชะงักงันไปทันที มือที่ถือโทรศัพท์แน่นจนเส้นเลือดนูนขึ้น เขาเลื่อนอ่านข้อความซ้ำอีกครั้ง เหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
แต่ไม่ว่ากี่รอบ…ตัวอักษรตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม
สื่อประกาศว่าเขา “คบกัน” กับอัญชัน
“บ้าเอ๊ย…”
เขาพึมพำเสียงต่ำ ความโกรธ ความงุนงง และความตกใจปะทุขึ้นในอกพร้อมกัน
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพอดี
พี่โชคก้าวเข้ามา สีหน้าเครียดราวกับเตรียมตัวเผชิญพายุ
“ซัน…พี่ขอโทษ พี่กำลังคุยกับผู้บริหารอยู่ แต่ตอนนี้”
“ข่าวมันไม่จริง” ภูผาตอบทันที เสียงสั่นด้วยความโกรธที่พยายามกดทับไว้
โชคถอนหายใจยาว
“พี่รู้ แต่ผู้บริหาร…อยากให้ตามน้ำไปก่อน เขาบอกว่ากระแสมันดีมาก จะได้ช่วยโปรโมทละครที่กำลังใกล้จะออนแอร์ด้วย”
เขาเงียบ แต่ในอกคล้ายมีไฟคุกรุ่น
“และ…ทางบริษัทของคุณอัญชันเพิ่งโทรมาหา พวกเขาอยากให้เราสองบริษัทช่วยกันสร้างกระแสคู่จิ้นไปก่อน เขาอยากดันอัญชันให้เกิดจริง ๆ”
คำพูดนั้นเหมือนค้อนเหล็กฟาดลงกลางใจเต็มแรง
ภูผากัดฟันแน่น
“หมายความว่า…ผมจะแก้ข่าวไม่ได้เลยหรือครับ?”
โชคหลุบตา
“ผู้บริหารขอให้นาย ‘ไม่ปฏิเสธ’ … อย่างน้อยจนกว่าละครจะออนแอร์ครบตอน”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอึดอัด
ภูผาหลับตาแน่น กำมือจนข้อนิ้วซีดขาว
เขาทั้งอึดอัด
โกรธ
สับสน
และเจ็บ...เจ็บแบบที่ไม่มีที่ให้ระบายออกมา
และทันใดนั้น…
ใบหน้าของคนคนหนึ่งก็ลอยขึ้นมาในหัว
อันอัน
หัวใจเขาหล่นวูบจนแทบหยุดเต้น
เมื่อคืน…เธอยังคุยกับเขาอย่างสดใส
ถามไถ่ พูดเล่น หัวเราะคิกคักเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา
แต่วันนี้…
เธอคงจะเห็นข่าวนี้แล้ว
เห็นแล้ว…จะรู้สึกเจ็บแค่ไหนกัน
เขารีบหยิบโทรศัพท์
เปิดช่องแชทของเธอ
นิ้วกำลังจะพิมพ์คำว่า “มันไม่จริงนะ”
แต่ชะงักกลางอากาศ
ภาพข่าว
คำแถลงยืนยัน
และละครที่กำลังจะออกอากาศ ทีมงานที่พยายามตั้งใจสร้างผลงานดี ๆ
เหมือนโซ่เส้นยาวรัดมือเขาแน่นจนขยับไม่ได้
เขาวางโทรศัพท์ลง
เสียงกระแทกเบา ๆ แต่ดังก้องในอกของเขาเองมากกว่าที่ควร
พี่โชคมองแล้วถอนหายใจ
“ซัน…พี่เข้าใจนะ แต่นายยังไม่ดังพอที่จะไปต่อรองกับบริษัทได้ ตอนนี้ขอให้คิดถึงเรื่องงานก่อน”
ภูผาไม่โต้เถียง
ตั้งแต่เข้าวงการ เขาก็รู้ดี
ว่าศิลปินตัวเล็ก ๆ ไม่มีสิทธิ์เลือกมากนัก
เขาพยักหน้าเบา ๆ
เหมือนคนที่ยอมจำนนต่อความจริงที่ขมขื่น
แต่ข้างในอกนั้น ปวดร้าวจนแทบหายใจไม่ออก
ทุกลมหายใจเหมือนมีหนามตำซ้ำ ๆ
แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
เพราะ…
งาน
สัญญา
ชื่อเสียงที่พยายามสร้าง
และผู้คนอีกมากมายที่เกี่ยวข้อง
เขาต้องนิ่ง
ต้องเงียบ
ต้องยอมรับ
แม้จะรู้ดีว่าสิ่งนั้น…จะทำร้ายคนที่เขาห่วงใยมากที่สุดก็ตาม
เขาก้มหน้าลง พึมพำเสียงเบาราวกับคำสารภาพที่ไม่มีวันส่งถึงปลายทาง
“อันอัน…พี่ขอโทษนะ”
คำขอโทษที่มีเพียงเขาได้ยิน
และความเจ็บที่เขาต้องกอดไว้คนเดียว
เพราะเขา…ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปกป้องเธอ
…
‘ไม่มีแรง... ไม่อยากตื่นเลย’
อันอันลืมตาขึ้นช้า ๆ ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีบางสิ่งกดทับอยู่บนอก
แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านมากระทบใบหน้า แต่แทนที่จะรู้สึกอบอุ่น มันกลับทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างประหลาด
เมื่อคืน...เธอนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาทั้งคืน
ทุกครั้งที่หลับตา ภาพข่าวและรอยยิ้มของชายหนุ่มในรูปนั้นก็ลอยขึ้นมาอีกครั้ง
สุดท้าย เธอก็เพิ่งข่มตาหลับได้ตอนเกือบเช้า
หลับเพียงไม่นาน แต่หัวใจกลับเหนื่อยเหมือนอดนอนมาทั้งสัปดาห์
“อันเอ๊ย... ตื่นหรือยังลูก”
เสียงอบอุ่นของแม่ดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตูเบา ๆ
แม่ของอันอันเดินเข้ามาช้า ๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้างเตียง
เห็นลูกสาวนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม หน้าซีดเซียว และคิ้วขมวดแน่นเหมือนคนไม่สบาย
เมื่อวานนี้ ลูกสาวของเธอก็ดูใจลอยทั้งวัน เหมือนคนที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนเธอกับสามีเริ่มเป็นกังวล เพราะอันอันไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
“แม่คะ...เมื่อคืนอันนอนไม่ค่อยหลับ ขอนอนต่ออีกหน่อยนะคะ...”
เสียงของหญิงสาวแผ่วเบาแทบเป็นเสียงกระซิบ
แม่เอื้อมมือมาวางที่หน้าผากของลูกเบา ๆ แล้วขมวดคิ้วตาม
“อุ๊ย ตัวร้อนด้วยนี่ลูก...”
เธอถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความเป็นห่วง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“งั้นเดี๋ยวแม่ต้มข้าวต้มให้นะลูก กินสักนิดแล้วค่อยกินยา จะได้นอนต่อให้หลับสบายหน่อย”
อันอันพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ลืมตา เสียงในลำคอคล้ายจะขอบคุณแต่แผ่วเกินจะได้ยิน
“วันนี้ที่ร้านไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวแม่กับป๊าดูเอง”
แม่ลูบเส้นผมของลูกเบา ๆ “พักผ่อนให้เต็มที่ก่อนนะลูก ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”
เพียงเท่านั้น...น้ำตาอุ่น ๆ ก็ไหลออกมาจากหางตาของอันอันโดยไม่รู้ตัว
เธอกัดริมฝีปากแน่น กลั้นเสียงสะอื้นไว้ใต้ผ้าห่ม
ไม่รู้ว่าร่างกายป่วย...หรือหัวใจมันอ่อนแรงกันแน่
เธอรู้แค่ว่า...ตอนนี้ไม่อยากคิด ไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็นอะไรอีกเลย