สิบปีก่อน...
“อันอัน! อังกอร์! อังกอร์!”
เสียงแฟนคลับตะโกนก้องไปทั่วหลังจากที่ฉันร้องเพลงสุดท้ายจบลงและก้าวลงจากเวที เสียงเรียกร้องทั้งจากหนุ่ม ๆ สาว ๆ ดังสนั่นจนทีมงานหลังเวทีหันมามองหน้ากันเป็นแถว
ฉันที่ตอนนี้เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดสีขาวกับยีนส์ธรรมดา ๆ ยืนฟังเสียงเรียกชื่ออย่างคนยังตั้งตัวไม่ทัน ก่อนพยักหน้าให้โปรดิวเซอร์ แล้วรีบก้าวขึ้นเวทีอีกครั้งตามเสียงกรี๊ดที่แทบทำลมหายใจสั่น
ยืนมองทะเลคนตรงหน้า รอยยิ้มเจิดจ้าเต็มใบหน้า...
แหม ใครจะไปคิดว่างานแฟนมีตติ้งของฉันจะจัดได้ใหญ่ขนาดนี้ สนามกีฬาแห่งชาติเลยนะจ๊ะคนดี! คนเป็นหมื่น!
โอ๊ย ขนลุก!
“โอ๊ย!”
จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบที่แก้มทั้งสองข้าง รีบยกมือจับทันที
เฮ้ย! ทำไมหน้าแม่ใหญ่ขนาดนี้เนี่ย!?
“โอ๊ย!” อีกที คราวนี้เสียงดังมาจาก...ฉันเอง
“นี่แน่ะ ยังไม่ยอมตื่นอีก! รู้มั้ยตอนนี้กี่โมงแล้ว!? วันนี้มีงานพิธีกรตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ ยังจะนอนอีก เดี๋ยวก็ไปถึงที่ถ่ายช้า!”
เสียงแม่ดังมาพร้อมมะเหงกลงกลางหัวฉันอย่างจัง
“แม่อ่ะ! อันกำลังฝันหวานอยู่เลย!” ฉันพูดพลางขยี้หัวงง ๆ
“ฝันหวานอะไรอีก! รีบตื่นไปแต่งตัวได้แล้ว งานก็ต้องไปให้ตรงเวลา จะได้ไม่เสียชื่อเสียง แล้วมากินข้าวเช้าด้วยนะ ก่อนจะเย็นชืดหมด” แม่สั่งย้ำอีกรอบ
“ค่า ๆ ตื่นแล้วค่า ท่านแม่~” ฉันตอบยืดยาวพลางหาวหวอด แล้วค่อย ๆ ลุกเดินไปห้องน้ำในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น
…
อ้อ ฉันลืมแนะนำตัวไป!
ฉันชื่อ อรอนงค์ แต่ทุกคนเรียกฉันว่า อันอัน
ฟังดูเหมือนชื่อร้านอาหารจีนสักแห่งใช่มั้ยล่ะ? แต่ฉันขอบอกเลยว่ามันมาพร้อมเรื่องราวอันยิ่งใหญ่!
จริง ๆ แล้ว ฉันเป็นลูกสาวคนแรก (และคนเดียวด้วยแหละ) ของครอบครัว
ป๊าฉันเลยอินสุด ๆ กับการตั้งชื่อให้ลูกสาวสุดที่รัก
ถึงขั้นเปิดพจนานุกรมนั่งค้นอยู่ทั้งวันเหมือนจะตั้งชื่อให้เจ้าหญิงดิสนีย์
สุดท้ายก็เจอคำว่า “อรอนงค์” ที่แปลว่า หญิงสาวผู้มีความงาม
เริ่ดมั้ยล่ะ? ฟังแล้วเหมือนฉันต้องตื่นมาพร้อมแสงแดดที่ส่องลงบนหน้าอย่างงดงามทุกวันยังไงอย่างงั้น
ทีนี้เรื่องชื่อนิกเนมของฉันก็แข่งกันฮาไม่แพ้กัน
ตอนเกิดมา แม่ตั้งชื่อเล่นให้ว่า “แอนนา” เพราะดูฝรั่ง ดูแพง
แต่พออาม่าฉันเรียก “อาแอน~ อาแอน~” ด้วยเสียงแปร่ง ๆ สำเนียงจีน ๆ
ไป ๆ มา ๆ เสียงมันกลายร่างกลิ้งไปกลิ้งมาจนกลายเป็น “อันอัน”
แล้วทุกคนก็เรียกตามกันซะงั้น...
สรุป ฉันก็เลยกลายเป็นคุณหนู ‘อันอัน’ ตั้งแต่นั้นมา...ลูกสาวผู้มีความงาม (ตามพจนานุกรม) และชื่อที่อาม่าเป็นคนตั้งโดยอุบัติเหตุ!
ปีนี้ ฉันอายุ 18 ปีแล้ว กำลังสดใสซาบซ่าเหมือนโซดาผสมน้ำมะนาว เพิ่งสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังติดท็อป 5 ของประเทศ ไม่ถึงอันดับหนึ่งก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ คนมันเก่งรอบด้านอยู่แล้ว!
นอกจากเรียนหนังสือแล้ว ฉันยังเป็น นักแสดง ด้วยนะ
ถามว่าทำไมถึงได้มาเป็นนักแสดงเหรอ?
เรื่องมันเริ่มตอนฉันอายุ 16 ตอนนั้นอยู่ ม.4 พอดี วันหนึ่งฉันตามเพื่อนไปกองถ่าย เพราะเจ๊หวาน พี่สาวของแหวว เพื่อนของฉัน ทำงานอยู่ที่นั่น แล้วจู่ ๆ ก็มีประกาศว่าขาดตัวประกอบสองคน และแน่นอนค่ะ ผู้โชคดีคือฉันกับแหววนั่นเอง
ตอนนั้นแค่ต้องนั่งนิ่ง ๆ ทำหน้าเนียน ๆ อยู่สามสี่ชั่วโมง ก็ได้เงินค่าขนมมาแบบงง ๆ พอได้รสชาติหอมหวานของเงินที่หาได้เองครั้งแรก ด้วยความงก ฉันก็พูดเล่น ๆ กับเจ๊หวานว่า “พี่มีงานตัวประกอบอีกไหมคะ หนูพร้อมเสมอค่ะเพื่อเจ๊!”
ใครจะไปคิดว่าพูดเล่น ๆ จะกลายเป็นเรื่องจริง เพราะหลังจากนั้น เจ๊หวาน ก็จิกฉันไปกองถ่ายแทบทุกสัปดาห์!
เหตุผลน่ะเหรอ? ก็เพราะมีตัวประกอบบางคนชอบหายตัวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยน่ะสิ!
สุดท้าย “อีหนูอันอัน” คนนี้ก็กลายเป็นตัวประกอบสำรองประจำกอง ต้องคอยแสตนด์บายเหมือนยามเฝ้ากอง โทรมาปุ๊บ ต้องพร้อมวิ่งปั๊บ!
จนวันหนึ่ง ผู้ช่วยผู้กำกับละครเรื่องหนึ่งให้ฉันลองเล่นบท “สาวใช้จอมซื่อบื้อ”
ใครจะไปรู้ว่าบทนั้นมันจะเข้าทางฉันสุด ๆ!
ฟ้าส่งฉันให้มาเกิดเป็นนักแสดงแน่ ๆ เลย ^_^