ตอนที่ ๔ บทสรุป
เมื่อการเจรจาของเธอไม่เป็นผล ข้อสรุปของเรื่องนี้คือ…การเริ่มต้นคบหาดูใจกันก่อน นี้คงเป็นสิ่งที่ลูกปลาทำได้เพียงเท่านั้น ความมั่นใจว่าอีกไม่นานเด็กคนนี้ก็คงเลิกความมั่นอกมั่นใจของตนเองไปในอีกไม่นานนี้แน่นอน
“ผมต้องทำงานสี่โมงเช้า ถึงห้าโมงเย็น มีอะไรโทรหาผมได้ตลอด หรือส่งข้อความมาก็ได้ ถ้าไม่ติดอะไรจะตอบกลับทันที” เขาบอกเรื่องงานให้กับลูกปลาได้รับรู้
“อืม” เธอตอบกลับแล้วคีบอาหารใส่ปาก “ฉันคงไม่มีธุระต้องโทรหานายหรอก”
“อย่าลืมสิครับว่าเราอยู่ในสถานะไหนกัน ไม่ได้เล่นละครนะครับ นี่คือชีวิตจริง” เขาไม่รู้ทำไมต้องจริงจังกับผู้หญิงตรงหน้านี้นัก แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าขอลูกปลาก็ทำให้เขานึกถึงหลานสาวเจ้าหญิงน้อยที่อยู่ที่บ้าน
“เอาตามตรงนะ ฉันไม่คิดที่จะแต่งงานมีครอบครัวอีกแล้ว” เธอวางตะเกียบในมือลง จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม “ฉันผ่านชีวิตแต่งงานมาแล้ว ฉันรู้ว่ามันเป็นยังไง อย่ามาเสียเวลากับแม่ม่ายอย่างฉันเลย”
น้ำเสียงของเธอนั้นดูจริงจัง มาร์ชรับรู้ว่าเธอคงมีบาดแผลที่ยังไม่หายสนิท เขารู้ประวัติของเธอดีไม่ต้องเอ่ยว่าสภาพจิตใจของลูกปลาในตอนนี้เป็นเช่นไร ความรู้สึกผิดก็มีมากที่มัดมือชกเธอในวันนี้ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
“ผมบอกแล้วไง ไม่ลองก็ไม่รู้ อะไรที่มันยังไม่เกิดอย่าคิดมากเลย ถึงผมจะอายุน้อยกว่าก็อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นอย่างที่พี่คิดนะครับ” ความคิดของเขาทำให้ลูกปลาเอ่ยชมอยู่ในใจ
จะให้เธอเปิดใจให้เขานะหรือ…มันยากเสียจริง ก็แค่ไม่อยากให้เด็กที่มีอนาคตมาเสียเวลากับเธอก็เท่านั้น แต่เมื่อมาร์ชตัดสินใจแล้วก็ไม่ห้ามเธอก็ไม่อยากดิ้นรนเหมือนแต่ก่อน จะเป็นเช่นไรก็ปล่อยให้มันเป็นไปเถอะนะชีวิต
“ฉันต้องไปแล้ว มีงานรออยู่” มือที่กำลังยกแก้วน้ำของมาร์ชหยุดนิ่ง เขาจ้องมองมาที่ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า เหมือนกำลังตั้งคำถาม “ฉันเปิดบาร์ ทำงานกลางคืน” ลูกปลาอธิบายสั้นๆ ส่วนอีกคนก็พยักหน้า ถึงแม้จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอแล้ว
“วันนี้ผมว่าง” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วส่งไปตรงหน้าของลูกปลา “ผมขอเบอร์โทรศัพท์ด้วยครับ”
“แค่ไลน์ก็น่าจะพอแล้วนะ” เธอไม่อยากกดเบอร์โทรของตนเองให้กับเขาเลย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมื่ออีกคนจ้องหน้าของเธอนิ่ง มือก็ยังไม่ยอมชักมือกลับ
“ให้ผมไปส่งไหม” เมื่อได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอแล้ว มาร์ชไม่รอช้ารีบอาสาไปส่งเธอถึงที่ทำงานในทันที
“ไม่ต้อง ฉันขับรถมาตอนนี้ก็เลยเวลาเข้างานมานานแล้ว ฉันไปก่อนนะ” ลูกปลาคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กขึ้นไหล่ ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยคำใดรีบจ้ำอ้าวเดินออกมาจากร้านอาหาร ตรงไปยังรถยนต์ของตนเองในทันที
กว่าจะมาถึงที่คลับก็ค่ำมืดแล้ว ภายในห้องทำงานมีโดนัทที่กำลังนั่งดูเอกสารอยู่ก่อนแล้ว เธอเคาะมือลงที่ประตูทั้งที่เปิดเข้ามาก่อน อีกคนเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มให้เพียงเท่านั้น
“เห็นบอกว่าไปเที่ยว คิดว่าจะไม่เข้ามาซะแล้ว” โดนัทวางปากกาในมือลง แล้วจ้องมองไปที่ลูกปลา “มีอะไร?”
“เปล่า แค่…” เธอกำลังตัดสินใจว่าควรบอกเรื่องที่เจอกับเพื่อนสนิทคนนี้หรือเปล่า
“หลานฉันจะมาถึงวันไหน” เขาเอ่ยถามเรื่องบุตรชายของลูกปลา เมื่อไม่กี่วันก่อนได้ยินเธอบอกว่าลูกชายเตรียมตัวเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยในช่วงปิดเทอม
“ไม่นานเกินรอหรอก ว่าแต่วันนี้ไม่ติดเมียหรือไง ถึงได้มาคนเดียว”
“คงมาด้วยไม่ได้บ่อยๆ อีกสักพักใหญ่” โดนัทตอบพร้อมรอยยิ้ม
“มีเรื่องอะไรเหรอ ทำไมถึงมาด้วยไม่ได้? น้องเป็นอะไรไม่สบายเหรอ” เธอถามถึงภรรยาของโดนัท น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี
“เปล่า ฝนท้องตอนนี้แพ้ท้องหนักมาก ก็เลยให้พักอยู่บ้านไม่ให้มาด้วย” เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข แต่พอได้มองใบหน้าของลูกปลาแล้วเขาจึงเก็บซ่อนความสุขนี้เอาไว้ กลัวว่าจะไปสะกิดแผลเก่าของเพื่อนให้เปิดออกอีกครั้ง
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก ยินดีด้วยนะ คนที่สองแล้วฉันต้องหาของไปรับขวัญหลานอีกแล้วสินะ” เธอมีท่าทางกระตือรือร้นขบคิดถึงสิ่งของที่จะเอาไปรับขวัญหลาน
“ลูกปลา” โดนัทเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่เขาจะวางมือลงที่ไหล่ของเธอ “ไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็งก็ได้ ทุกคนเข้าใจสิ่งที่เธอเป็นอยู่ ทุกคนต่างมีความสุขกันไปหมดแล้ว เหลือแค่เธอแล้วนะ”
“ตอนนี้ฉันก็มีความสุขนะ” เธอเดินมานั่งที่โซฟา “ชีวิตโสดก็ไม่ได้แย่ ลูกก็ไม่ต้องเลี้ยงทำแต่งาน สบายดีออก” เธอลืมคิดไปว่าตัวเองได้ตกลงคบหาดูใจกับเด็กรุ่นน้องไปแล้ว พอมาคิดได้ก็ช่างกระดากปากตัวเอง
“แต่กลับห้องก็เหงาไม่ใช่เหรอ ว่าแต่ไปเที่ยวทำไม่กลับเร็ว” โดนัทตั้งคำถามอีกครั้ง เพราะเพื่อนได้บอกว่าจะไปเที่ยวสักหนึ่งอาทิตย์ แต่ผ่านไปแค่สามวัน ลูกปลาก็มาปรากฏตัวที่นี่แล้ว
“มีเรื่องนิดหน่อย” เธอหันมองไปทางอื่น เพราะเจอสายตาจับผิดของโดนัทจ้องมองอยู่ นี่ล่ะนะการเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จะโกหกแต่ละทีทำเอาเหงื่อไหลไคลย้อยกันทีเดียว
“ไม่น่าใช่นะ เรื่องอะไรที่ทำให้เธอรีบเหยียบคันเร่งตรงกลับกรุงเทพทันที ที่ตื่นขึ้น” สิ่งที่โดนัทกล่าวทำให้ลูกปลาหันมองใบหน้าของเขา “จะให้เดาหรือเปล่า”
“ไม่ต้องๆ นายก็อีกคนทำให้ฉันอารมณ์เสีย” เธอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขา “เอาเถอะยังไงก็ปิดอะไรนายไม่มิดสักอย่าง พอดี….ฉันพลาดนะ”
“พลาด?” เขาย้ำคำพูดสุดท้ายของลูกปลา แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังจะเล่าให้ฟัง
“อืม คือ..แบบว่า…” มันช่างกระดากปากที่จะเล่าเรื่องคืนนั้นที่ตัวเองนั้นอยากจะลืมไปให้หมด แต่บังเอิญมันกลับจำขึ้นใจพร้อมกับมีภาพของเด็กคนนั้นผุดขึ้นมาในความคิด
“ไปนอนกับผู้ชายมาหรือไง” โดนัทก็แค่พูดเล่น แต่ดันพูดแทงใจดำของลูกปลาซะงั้น อีกคนเอาแต่เงียบเขาเองก็เงียบ นั้นก็หมายความว่าเขาพูดถูกแล้ว “ได้ป้องกันหรือเปล่า”
“อืม แต่ฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย ฉันจัดการตัวเองแล้ว” เธอสารภาพบาปของตัวเอง “พอดีเมาหนักไปหน่อย แต่ว่าน้องเขาจำได้ทุกอย่างเลยนะแต่ฉันจำไม่ได้”
“ไอ้นั่นเป็นเด็กเหรอ?” เขาจ้องหน้าของลูกปลาเพื่อฟังคำตอบ “อย่าบอกว่ากินเด็ก!!”
เธออยากตะโกนกลับไปบ้าง ว่าเด็กต่างหากที่กินเธอ คนที่จำอะไรไม่ได้สักอย่างอย่างเธอจะเรียกว่ากินได้ยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันฟินแค่ไหน เร้าอารมณ์มากเพียงใดกับเรื่องของคืนนั้น
“ห่างกันสิบกว่าปี”
“กินเด็กของจริง แล้วเอาไงต่อ” โดนัทกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง “จบๆ ไปก็ดี จะเอาอะไรกับเด็ก”
“จบๆ ไปก็ดีสิ แต่เด็กมันตามฉันไม่เลิกเลย วันนี้พึ่งตกลงว่า….” เธอยิ้มแห้งส่งไปให้กับโดนัท “คือ…เราตกลงกันว่าจะดูใจกันสักหน่อยนะ”
“เด็กมันติดใจของแปลกเหรอ หญ้าแก่มันคงเคี้ยวมันสินะ” เขาหัวเราะในลำคอ เรื่องแบบนี้คงเข้าไปยุ่งไม่ได้หรอกเพราะเป็นเรื่องของคนสองคน