ตอนที่2

3128 คำ
“ว่าไงไอ้เขม แกว่าเรารอก่อนดีมั้ย” ลูกพี่เดินนำไปดูผลลิ้นจี่แปลงที่จะเก็บในวันพรุ่งนี้ “ผมว่าเรารอดีกว่าครับพี่หย๋า ถ้าเก็บตอนนี้เราคงโดนกดราคาดูสิครับบางพวงมันยังติดลูกสีเขียวอยู่เลยครับ” ลูกน้องชี้ให้เธอดูว่ามันยังไม่แก่สียังไม่แดงมากพอที่จะเก็บเลย “งั้นเราเก็บลำไยก่อนเดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกที่โรงงานว่าเรายังไม่เก็บลิ้นจี่แต่จะเก็บลำใยให้หมดก่อนแล้วค่อยเก็บลิ้นจี่ทีหลัง” ลูกพี่บอกลูกน้องหลังตัดสินใจแล้วว่ายังไม่เก็บลิ้นจี่ “ครับลูกพี่ เดี๋ยวผมจะไปบอกหัวหน้าให้ครับ” ชายหนุ่มเรียกพ่อของเขาว่าหัวหน้าซึ่งเขมรัฐก็ชอบล้อเลียนพ่อของเขาเป็นประจำเมื่อเสร็จเรื่องผลไม้แล้วก็เหลือแปรงผักที่มีคนงานอีกกลุ่มหนึ่งและมีน้องนักศึกษามาฝึกงานช่วยดูแลให้เธอจึงไม่ห่วงมัสหยาใส่ใจเรื่องงานอย่างละเอียดละออทุกงานในไร่ “แกจะไปดูอ่างเก็บน้ำกับพี่หรือเปล่าเขม” ผู้จัดการสาวคนขยันถามลูกน้องที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเพราะ เขมรัฐไม่ยอมปล่อยพี่สาวคนสวยที่ไม่สนใจความสวยของตัวเองสักเท่าไหร่ไปไหนคนเดียวแม้ว่าจะอยู่ในไร่ก็ตาม “ไปสิครับ เดี๋ยวผมขับตามลูกพี่ไปนะครับ” ไอ้เขมบอกลูกพี่เสร็จเขาก็เดินไปที่รถแล้วขับตามมัสหยาไปจนถึงอ่างเก็บน้ำที่แบ่งมาจากไร่ของเพื่อนรัก “พี่ว่าเราขุดสระน้ำเพิ่มดีมั้ยเขม หน้าแล้งที่ผ่านมาเราเกือบไม่มีน้ำรดผักเลยนะ” เธอหันมาคุยกับลูกน้องที่มองไปทั่วบริเวรรอบสระเก็บน้ำขนาดใหญ่ของไร่ “ดีครับ ผมว่าจะคุยกับลูกพี่ก่อนแล้วเราก็ไปคุยกับแม่นาย” ชายหนุ่มบอกมัสหยาเพราะเขาก็คิดไว้นานแล้วแต่ปีที่แล้วมันแล้งไปจึงทำให้สวนผักได้รับความเสียหายถึงไม่เยอะมันก็เป็นประสบการณ์ให้พวกเขาต้องคิดกันอย่างรอบคอบก่อนจะเสนอแม่นาย “งั้นเดี๋ยวพี่ค่อยไปคุยกับแม่นายก่อนว่าท่านจะเห็นด้วยกับเราหรือเปล่า” “หย๋า หย๋า ” สุปรียาเรียกเพื่อนสาวเสียงดังเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของไร่ศรีภักดีมีพี่ชายหนึ่งคนพี่พันหรือ พันแสง ศรีภักดีวัย30ปีแอบชอบเพื่อนรักของน้องสาวแต่ไม่กล้าออกตัวเพราะมัสหยานับถือเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง เขาใจดีช่วยเหลือให้คำปรึกษาทั้งเรื่องเรียนเรื่องงานกับมัสหยาจึงสนิทสนมกันเป็นอย่างดี “อ้าว ปรียาแกมาทำอะไรริมรั้วล่ะนั่น” หญิงสาวได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปมองก็เห็นเพื่อนรักยืนคู่กับม้าคู่ใจอยู่ริมรั้วก็เดินไปหา “ฉันพาพี่แบ็คมาวิ่งเล่นได้ยินเสียงรถก็เลยมาดูว่าใครมาทำอะไรแถวนี้น่ะสิ” “หย๋ามาดูสระน้ำน่ะกำลังคิดว่าจะขุดสระเพิ่มแต่ยังไม่ได้คุยกับแม่นายเลย” “แกจะขยันไปไหนเนี่ยยัยหย๋า ที่ไร่แกแทบจะไม่มีที่ให้ทำแล้วนะแต่ที่ไร่ฉันยังว่างมากมาทำมั้ยล่ะ คิกๆ” “ว่าแต่หย๋าที่ไร่แกก็เหมือนกันแหละ เอ่อ ได้ข่าวว่าพี่พันจะทำฟาร์มม้าเหรอปรียา” “ใช่แก ตอนนี้พี่พันกำลังศึกษาเรื่องม้าอย่างจริงจังแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเมื่อไหร่เห็นว่ากำลังให้คนออกแบบคอกม้าหรืออะไรของเค้าอยู่นี่แหละ ชอบละสิแก” สุปรียารู้ว่าเพื่อนรักชอบม้าเป็นที่สุด “ก็ดีไง เผื่อพี่คล้าวไม่สบายหรืออะไรหย๋าจะได้ฝากให้พี่พันช่วยดูให้ไง คิกๆๆ” สุปรียามองเพื่อนรักที่ช่างไม่รู้อะไรเลยและพี่ชายเธอก็ไม่ยอมรุกไม่ยอมจีบอย่างจริงจังสักทีกลัวแต่ว่าถ้าบอกไปความสัมพันธ์พี่น้องที่มีมาแต่เด็กจะไม่เหมือนเดิมขอช่วยเหลือดูแลมัสหยาก็พอแล้ว “แล้วแกไม่อยากมาเป็นคนไร่ศรีภักดีบ้างเหรอหย๋า” เสียงของสุปรียาดังขึ้นอย่างจริงจังเล็กน้อยจนมัสหยารู้สึกได้ “หย๋ากลัวฟ้าฝ่าว่ะ เป็นพี่น้องกันจะมาคิดอย่างนี้ได้ยังไงแกอย่างพูดให้พี่พันได้ยินนะเดี๋ยวสาวๆของพี่พันจะเข้าใจผิดนะปรียา” มัสหยาตอบเพื่อนทำไมเธอจะไม่รู้ว่าพันแสงชอบเธอล่ะ แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จะดีกว่าเพราะเธอรักและนับถือพันแสงเหมือนพี่ชายคนหนึ่งจริงๆและสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วยจึงวางเขาไว้ตรงนั้นมาตลอดและไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสถานะ “เออ ๆ พรุ่งนี้แกว่างหรือเปล่าล่ะ เราเข้าเมืองกันไหมอาทิตย์นี้ยังไม่ได้ไปรีแล็กซ์เลยอ่ะ เหงาเป็นบ้าเลยไปเม้าท์กับนายไผ่กันสักวันดีมั้ยหย๋า” คุณหนูแห่งไร่ศรีภักดีชวนเพื่อนรักไปเที่ยวในเมืองเพราะปกติจะไปกันแทบทุกอาทิตย์แต่สองอาทิตย์มาแล้วที่มัสหยาไม่ได้ไปเพราะที่ไร่บงกชกำลังเก็บผลผลิตจึงทำให้ผู้จัดการไร่คนสวยไม่ว่าง “วันมะรืนได้ไหมอ่ะแก พรุ่งนี้งานก็เสร็จแล้ว” ผู้จัดการไร่นิ่งคิดแล้วตอบสุปรียาพรุ่งนี้เก็บลำไยเป็นแปลงสุดท้ายและก็เหลือแต่ผักสวนครัวที่มีลุงสินคอยดูแลอยู่จึงไม่มีปัญหาถ้าเธอจะขอแม่นายหยุดสักวัน “ได้ๆ งั้นแกไปทำงานเถอะ ปรียาจะพาพี่แบ็ควิ่งเล่นอีกสักสองรอบก็กลับบ้านแล้ว บายจ้าคุณผู้จัดการคนสวย” “บายจ้าคุณหนูปรียา” เมื่อปรียาควบม้าออกไปมัสหยาก็เดินกลับไปหาเขมรัฐที่กำลังมองวิเคราะห์สถานที่จะขุดสระเพิ่ม “ลูกพี่ผมว่าเราขุดสระใกล้ๆกันดีกว่านะครับแล้วทำร่องน้ำเชื่อมติดกันเวลาเราจะใช้น้ำจะได้ไม่ขุดร่องน้ำเพิ่ม” ลูกน้องถามความเห็นของลูกพี่ที่คุยกับเพื่อนเพลิน “ดีว่ะเขม ตอนแรกพี่ว่าจะขุดอีกฝั่งหนึ่งเพื่อแยกกันแต่เราต้องขุดร่องน้ำเพิ่มแต่ถ้าทำแบบที่แกว่าเราก็ประหยัดไปเยอะเลย” ลูกพี่เห็นด้วยเพราะไม่งั้นต้องใช้งบเยอะในการขุดร่องน้ำไปหาแปลงผักอีก “ผมว่าเราเลี้ยงปลาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไข่เพิ่มดีมั้ยลูกพี่ ทำเล้าไก่กลางสระในสระเราก็เลี้ยงปลาเป็นทั้งอาหารและขายได้ด้วยครับ” เขมรัฐเสนอลูกพี่ตามที่เขาคิดไว้เพราะมีประโยชน์กับทุกคน “แกนี่สรรหามาให้พี่เหนื่อยเพิ่มอีกแล้วนะเขม แต่พี่เห็นด้วยว่ะคนงานในไร่จะได้ประหยัดค่าอาหารกันได้อีกเยอะเลย” ผู้จัดการไร่คนขยันก็มีไอเดียมากมายในหัวเมื่อลูกน้องจุดประเด็นขึ้นมาให้เธอคิดสานต่อเมื่อก่อนเธอก็เคยคิดแต่ทำคนเดียวไม่ไหวแต่ตั้งแต่เขมรัฐมาช่วยงานเธอเต็มตัวก็มีเพื่อนคิดถึงชายหนุ่มจะอายุยังน้อยแต่เขามีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ที่คิดได้ขนาดเธอบางทียังคิดไม่ออกเลย “งั้นกลับกันเถอะ พี่จะได้ไปคุยกับแม่นายกลับมาจากอิตาลีเราจะได้ลงมือทำกันเลย” ผู้จัดการไร่คนขยันไฟแรงชวนลูกน้องกลับเพราะเธอจะได้ไปเคลียบัญชีให้เสร็จแล้วเอาไปส่งแม่นาย ลูกพี่กับลูกน้องก็พากันกลับโดยที่มัสหยาขี่ม้าไปตามทางลัดที่เป็นสวนผักที่อยู่ติดแนวรั้วโล่งมองเห็นบ้านหลังใหญ่อยู่ไกลๆ แล้วมองคนงานที่กำลังถอนหญ้าในแปลงผักและทักทายไปตลอดทาง มัสหยาหยุดพี่คล้าวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นอดีตของเธอกับนายฝรั่งตอนเด็กเธอก็เล่นกับเซเซียล่าทุกครั้งที่มาเที่ยวเมืองไทยพร้อมพ่อแม่และพี่ชาย ลุงเรนกับแม่บี๋ใจดีกับเธอมากจะมีของมาฝากเธอทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมแม่นายบัวผันทุกวันเกิดวันปีใหม่ไทยปีใหม่เมืองเธอก็จะได้ของขวัญมาตลอดแต่ลูเซียโนเป็นคนนิ่งๆเงียบๆไม่สนใจใครทุกครั้งที่มาเมืองไทยเขาจะอ่านหนังสือไม่งั้นก็เล่นเกมไปขี่จักยานบ้างส่วนมากก็จะเล่นกับน้องสาวแต่ถ้ามัสหยามาร่วมวงเมื่อไหร่เขาจะเดินหนีทันที่ไม่เคยเล่นด้วยสักครั้ง “คุณดอยทำอะไรอยู่ค้ะ” มัสหยาวัยหกขวบถามเด็กชายที่อาวุโสกว่าตอนนั้นลูเซียโนอายุสิบขวบกว่าย่างสิบเอ็ดขวบนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้เพราะมันเงียบดี “ฉันชื่อลูซ อย่ามาเรียกฉันว่าดอยมีคุณยายคนเดียวเท่านั้นที่เรียกฉันได้แล้วไปไกลๆอย่ามายุ่งกับฉันยัยเด็กขี้ประจบ” ลูเซียโนในตอนนั้นไม่ชอบที่ใครๆก็ให้ความสนใจเด็กกำพร้าตัวเล็กน่ารักที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจมัสหยาแต่หมั่นไส้ที่คุณยายพ่อแม่และน้องสาวของเขาเรียกหาแต่มัสหยา “ค่า หย๋าจะไม่เรียกอีกและจะไม่มาใกล้คุณลูซอีกแล้วค่า” เด็กน้อยตัวป้อมน่ารักเบะปากทันทีที่พูดจบแล้วเดินก้มหน้าน้ำตาไหลพรากออกไปจากใต้ต้นไม้ที่เขานั่งอ่านหนังสือ ลูซเซียโนยกมือหมายจะเรียกแต่เขาก็ไม่ทำและคิดว่าเดี๋ยวเธอก็ลืมแต่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเพราะจนป่านนี้ชายหนุ่มก็ไม่เจอมัสหยาอีกเลยเธอจะคอยหลบหน้าเขาทุกครั้งที่มาเที่ยวที่ไร่ส่วนลูซเซียโนก็ปากหนักไม่ถามถึงมัสหยาอีกเหมือนกันแต่เขาก็จะคอยมองหาเธอตลอด มัสหยาก็เก่งมากหลบเขาพ้นทุกครั้งจนผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เธอไม่อยากจะไปอิตาลีเลยแต่ขัดแม่นายไม่ได้นี่สิ เฮ้อ หย๋าเอ้ยจะทำยังไงดีไม่อยากเจอนายฝรั่งเลยให้ตายสิ เมื่อมาถึงบ้านใหญ่ก็เข้าห้องทำงานเพื่อจัดการเรื่องบัญชีจนเสร็จเธอก็ไปหาแม่นายที่มียายแม้นของเธอนั่งคุยเป็นเพื่อน “หย๋าตรวจแล้วก็พอไม่ต้องเอามาให้แม่นายดูหรอกลูก” แม่นายบอกเด็กในปกครองของท่านอย่างอ่อนโยน “แม่นายก็ช่วยหย๋าดูหน่อยสิคะ เผื่อหย๋าทำผิดค่ะ” ทุกครั้งเธอจะต้องเอาบัญชีของไร่ในแต่ละวันมาให้แม่นายดูรายรับรายจ่ายของไร่แต่แม่นายก็ดูบ้างไม่ดูบ้างเพราะท่านไว้ใจมัสหยาเด็กที่ท่านเลี้ยงมากับมือ “เอ้าๆ ดูก็ดู” แม่นายจำใจรับปากว่าจะดูให้คืนนี้แต่เชื่อเถอะพอเข้าห้องไปท่านก็สวดมนต์แล้วหลับพรุ่งนี้ก็เอามาให้มัสหยาเหมือนเดิมสรุปว่าท่านเอาไปวางไว้เฉยๆ “แม่นายขา หย๋าว่าจะขุดสระเพิ่มแม่นายคิดว่ายังไงคะ” “ทำไมเราถึงต้องขุดสระเพิ่มล่ะ” แม่นายถามแล้วยิ้มพอจะเดาออกว่าแม่หย๋าของท่านคิดจะทำอะไรปลูกอะไรเพิ่มอีกท่านคิดว่าแค่นี้คนงานทั้งหลายก็พออยู่พอกินกันแล้ว อีกอย่างมัสหยาก็จะเหนื่อยเพิ่มอีกด้วยทำให้ท่านไม่อยากให้เธอทำอะไรเพิ่มอีกไม่ใช่ว่าท่านไม่เห็นด้วย “เมื่อปีที่แล้วไร่ของเราขาดแคลนน้ำเพราะฝนน้อยและน้ำในสระของเราก็ใช้รดน้ำผักรดต้นไม้ทั้งไร่ไม่พอหย๋าเลยคิดว่าเราน่าจะขุดสระเพิ่มเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ตอนหน้าแล้งค่ะ” เหตุผลของผู้จัดการไร่ฟังขึ้นทำให้แม่นายเห็นด้วย “ก็ดีนะลูก แม่หย๋าก็ขุดให้มันใหญ่กว่าสระเดิมหน่อยให้เจ้าเขมมันไปจัดการเราก็ดูเฉยๆก็พอรู้มั้ย” แม่นายก็พูดไปอย่างนั้นแหละเพราะท่านไม่เคยห้ามเธอได้สักครั้งแต่จะคอยปรามอยู่บ่อยๆพราะตอนนี้แม่หย๋าของท่านจะห้าวหาญเกินหญิงไปแล้ว “แล้วอีกอย่างหนึ่งค่ะ” มัสหยามองแม่นายแล้วยิ้มแหยๆให้ท่าน “อะไรอีกล่ะ” ท่านนึกแล้วว่ามันจะต้องมีต่อเพราะเห็นท่าทางขยุกขยิกของแม่หย๋าแล้วก็ได้แต่ยิ้มในใจ “หย๋ากับไอ้เขมคิดว่าเราจะเลี้ยงปลาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไข่เอาไว้กินและแบ่งให้คนงานด้วยค่ะโดยจะแบ่งเวรให้มาดูดแลให้อาหารถ้าเราได้ไข่เยอะเหลือกินเราก็เอาไปขายที่ตลาดเอาเงินส่วนนั้นมาซื้ออาหารให้พวกปลาเป็ดไก่ค่ะ แม่นายเห็นด้วยกับหย๋ามั้ยคะ” ใบหน้าหวานรูปหัวใจสีเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะโดนแดดมองแม่นายที่นั่งนิ่งไปอย่างลุ้นๆว่าท่านจะเห็นด้วยกับเธอมั้ย “อืม เอาเป็นว่าแม่หย๋ากับมาจากบ้านแม่บี๋ก็มาจัดการละกัน” ท่านนึกอยู่แล้วว่าไอ้เด็กสองคนนี่มันไม่อยู่นิ่งกันจริงๆไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนงานของท่านถึงได้เห็นชอบทุกอย่างที่มัสหยากับเขมรัฐเสนอแนะเพราะทุกวันนี้คนงานของท่านไม่ใช่คนบ้านนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็มีทีวีดูข่าวดูละครกันทุกบ้านเพราะมัสหยาแนะนำ ทุกคนอยู่กันอย่างพี่อย่างน้องและท่านได้ปลูกบ้านพักให้คนงานเก่าแก่สมัยบุกเบิกไร่กับสามีของท่านให้อยู่ในรั้วเดียวกันจัดสรรให้อยู่จนเกือบจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆแล้วรวมทั้งยายของมัสหยาด้วย แต่ยายแม้นจะอยู่ใกล้บ้านแม่นายมากกว่าคนอื่น “ขอบคุณค่ะแม่นาย หย๋าคิดว่าแม่นายต้องเห็นด้วยแน่ๆค่ะ” มัสหยายกมือไหว้แม่นายที่มีเมตตากับคนงานทุกคนในไร่ แต่ก็มีบ้างที่ลูกหลานคนเก่าแกบางคนก็ไม่อยากเป็นสาวชาวไร่พอเรียนจบก็ไปทำงานในเมืองหรือในกรุงเทพก็มีหลายคนที่รักความเจริญก้าวหน้าในสังคมเมืองกรุงไม่อยากทำไร่ทำสวนเหมือนพ่อแม่ “ถ้าไม่มีแม่หย๋าสักคน ใครจะมาช่วยแม่นายดูแลไร่นี้กันนะ ตาดอยกับยัยกล้วยก็ไม่สนใจไร่เล็กๆของแม่นายหรอก หย๋าอย่าทิ้งแม่นายนะลูก” แม่นายพูดจบมัสหยาก็คลานเข้าไปกอดท่าน “แม่นายอย่าพูดอย่างนี้สิคะ ยังไงหย๋าจะดูแลไร่นี้ถึงแม่นายไล่หย๋าก็ไม่ไปค่ะ” คนเก่งของท่านพูดเสียงอู้อี้กับอกของท่านเพราะถ้าไม่มีแม่นายเธอก็ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ “อิฉันจะอยู่ที่ไร่จนตายค่ะ พวกเราไม่มีวันเนรคุณข้าวแดงแกงร้อนที่แม่นายช่วยเหลือเกื้อกูลมาหรอกค่ะ” ยายแม้นนั่งฟังเรื่องงานของหลานสาวจนจบแล้วบอกแม่นาย “ไปกันใหญ่แล้วสองยายหลานนี่ แม่นายพูดนิดเดียวดูยายแม้นของแม่หย๋าสิ เอ้า พอๆเราจะอยู่ด้วยกันไปจนตายนั่นแหละ เฮ้อ เจ้าน้ำตากันจริงๆ” พูดแล้วท่านก็เช็ดหางตาที่เปียกชื้นอย่างน้อยท่านก็มีคนสานต่องานในไร่บงกชที่ท่านกับสามีรักมากเพราะทำให้ท่านช่วยเหลือให้ชาวบ้านมีงานทำ “งั้นอิฉันไปบอกแม่แตงก่อนนะคะเดี๋ยวจะลืมเสียก่อน แม่นายจะไม่ได้กินน้ำพริกลงเรือค่ะ” ยายแม้นไปก่อนหลานสาวที่ยังอยู่คุยกับแม่นายเรื่องขุดสระเลี้ยงปลาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่โครงการใหม่ของเธอจนได้เวลาอาหารค่ำที่วันนี้ยายแม้นอยู่กินข้าวเย็นด้วยเพราะตาปลั่งไปตั้งวงกับลุงสินลุงกอบที่มักจะตั้งวงดื่มกันอาทิตย์ละครั้งตามประสาชาวไร่เป็นประจำ “หย๋าไปส่งยายก่อนนะคะแม่นาย” หญิงสาวบอกแม่นายเพราะบ้านของยายอยู่ห่างจากบ้านหลังใหญ่นี้แค่ร้อยเมตรเอง แต่กลางคืนอย่างนี้มัสหยาไม่อยากให้ยายไปคนเดียว “ไม่ต้องไปส่งยายหรอกลูก ใกล้แค่นี้เองยายเดินตั้งแต่สาวจนแก่หลับตาเดินกลับยังได้เลย” “แหมยายจ๋า ยายไม่ใช่สาวๆแล้วนะคะ ไอ้ที่บ่นปวดแข้งปวดอยู่ทุกวันนี่ล่ะให้หย๋าไปส่งน่ะดีแล้วค่ะ” หลานสาวคนสวยก็ไม่ยอมฟังยาย “ให้แม่หย๋าไปส่งน่ะดีแล้วแม้นเอ้ย มัวแต่เถียงกันก็ไม่ได้นอนสักที” แม่นายเป็นคนตัดสินใจให้ยายหลานที่มัวแต่เถียงกันไม่จบสุดท้ายก็แพ้หลานสาว “หย๋าอยากนอนกับยายจังเลยค่ะ” มัสหยาเปิดประตูบ้านให้ยายแล้วนั่งแมะลงข้างยายแม้นตอนเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเธอก็ขึ้นมานอนบนเรือนใหญ่เป็นเพื่อนแม่นายแต่ช่วงไหนเรียนหนักเธอไม่ได้กลับบ้านยายแม้นของเธอก็ต้องเป็นคนไปนอนเป็นเพื่อนแม่นายจนป่านนี้เธอก็นอนบนเรือนใหญ่ถาวรไปแล้ว ท่ี่จริงยังมีก็กระท่อมของนายฝรั่งที่เธอชอบไปแอบนอนเล่นบ่อยๆเพราะรู้ว่าเจ้าของไม่มาหรอกถ้ามาเธอก็ต้องรู้ก่อนใครเพราะแม่นายจะต้องบอกเธอ “เอาไว้คุณๆมาก่อนหย๋าค่อยมานอนกับยายก็ได้นี่แต่ตอนนี้ไปนอนได้แล้วลูก” ยายแม้นลูบหัวทุยของหลานสาวเบาๆด้วยความรัก พอนึกถึงแม่ของมัสหยาเมื่อไหร่ยายแม้นก็น้ำตาปริทุกครั้ง “จ้ายาย งั้นหย๋าไปนะคะ” หญิงสาวรู้ว่าถ้าตาของเธอไปดื่มเมื่อไหร่ไม่ต้องรอเพราะไม่เช้าไม่กลับ เมื่ออกจากบ้านของยายแม้นเธอก็เดินกลับบ้านใหญ่ที่เปิดไฟสว่างไสวไปรอบบริเวรบ้านแล้วขึ้นไปนอนในห้องของเธอเพื่อพักผ่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม