ตอนที่1
ณ. บ้านไร่บงกช
บ้านเรือนไทยหลังใหญ่บนเขาโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแห่งขุนเขาบนเนื่้อที่ร้อยกว่าไร่กว้างขวางทั้งที่รบและภูเขาลูกย่อมๆหลายลูกที่มีทั้งลำใยลิ้นจี่มะม่วงมะปรางและพืชผักผลไม้มากมายนับไม่ถ้วน เจ้าของสวนเป็นหญิงสูงวัยสามีเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุอยู่กับแม่บ้านคนเก่าแก่กับสามีและหลานสาวคนสวยของแม่บ้านเป็นคนดูแลไร่ใหญ่โตแห่งนี้ให้กับแม่นายบัวผัน
“หย๋าเอ้ย อยู่ไหนลูกแม่นายเรียกหาอยู่นะ” เสียงยายแม้นตะโกนเรียกหลานสาวที่กำลังตรวจบัญชีอยู่ในห้องทำงานใหญ่ที่แม่นายยกให้เธอเป็นเจ้าของเต็มตัวหลังเรียนจบและมาเป็นผู้จัดการไร่เต็มตัว
“ได้ยินแล้วจ้ายายจ๋า หย๋าจะไปเดี๋ยวนี้จ้า” เสียงหวานตะโกนตอบยายแม้นของเธอแล้วลุกขึ้นเก็บสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายผลไม้ที่ส่งออกไปเก็บบนโต้ะแล้ววิ่งออกไปจากห้อง
“ยัยหย๋า ทำไมไม่เดินลูกจะวิ่งทำไมเป็นสาว..”
“เป็นนางทำไมไม่เป็นกุลสตรีบ้างนะลูก” เสียงหวานพูดต่อล้อเลียนยายแม้นด้วยความสนุกที่ได้แหย่คนแก่เล่นอย่างมีความสุข
“ดู้ดูไอ้หลานคนนี้นี่ ไปเร็วลูกแม่นายเรียกหาไม่รู้ว่ามีธุระอะไร” ยายแม้นบ่นหลานสาวอย่างไม่จริงจังเพราะนางรักมัสหยามาก
“จ้ายายงั้นเดี๋ยวหย๋ามากินข้าวกับยายนะจ้ะ จุ๊บ” พูดจบมัสหยาหอมแก้มเหี่ยวๆของยายแม้นแล้วรีบเดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่ที่พักผ่อนส่วนตัวของแม่นายตรงชานเรือนยื่นออกมีหลังคาโปร่งลมโกรกเย็นสบายแล้วมองเห็นทิวเขาแนวไร่ที่มีสวนผักผลไม้กว้างใหญ่ของท่านได้อย่างชัดเจนเกือบทั่วทั้งไร่เลยทีเดียว
“แม่นายขาหย๋ามาแล้วค่ะ” เสียงหวานจะนำมาก่อนตัวเจ้าของทุกครั้งเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กเหมือนมัสหยาจะรู้ว่าจะทำยังไงถึงให้ทุกคนรักและเอ็นดูเธออีกอย่างหน้าตาผิวพรรณของมัสหยาก็ไม่เหมือนลูกชาวไร่ชาวสวนเธอเหมือนลูกผู้ดีมีเงินมากกว่าแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเธอเป็นใครเพราะแพรไหมไม่ยอมบอก
“มากี่ขาล่ะแม่หย๋า ฮึ” แม่นายบัวผันล้อสาวน้อยของท่านที่เลี้ยงดูฟูมฟักปลูกฝังมาได้ดั่งใจท่านทุกอย่างจึงทำให้ท่านรักมัสหยาเหมือนหลานคนหนึ่งและคนงานในไร่ทุกคนก็รักและให้เกียรติเธอเรียกตามที่แม่นายบอกให้เรียกคุณหย๋า
“โธ่แม่นายขา หย๋าก็มาด้วยสองขานี่แหละค่า แฮะๆ” สาวน้อยจอมทะเล้นตอบแม่นายเบาๆจนท่านอดขำไม่ได้แม้ท่านจะมีหลานชายหลานสาวแต่ก็อยู่ไกลกันทั้งรักและคิดถึงนานๆถึงจะเจอกันทีอยู่ไม่ทันหายคิดถึงก็กลับกันแล้ว ดีที่ท่านยังมีมัสหยาคอยเหย้าแหย่ให้ท่านหายคิดถึงหลานชายหลานสาวได้มากเลย
“หย๋ายุ่งอยู่หรือเปล่าลูก”
“ไม่ยุ่งค่ะแม่นาย หย๋าตรวจดูบัญชีผลไม้ที่ส่งไปเมื่อเช้าพอดีไปลงที่ตลาดแล้วมันเกินค่ะ พี่เทิดแกโทรมาบอกสงสัยไอ้เขมนับผิดค่ะแม่นาย หย๋าว่าจะหักเงินเดือนมันสักหน่อยไม่งั้นไม่จำค่ะ” มัสหยารายงานแม่นายเสียงแจ๋วๆจนคนที่มาตามลูกพี่สะดุ้งนั่งแมะตรงบันไดจนแม่นายหัวเราะขำลูกพี่กับลูกน้อง
“เอาน่า ปล่อยไปบ้างเถอะลูก อย่าไปหักเงินมันเลยเจ้าเขมมันจะได้มีเงินเก็บไปขอเมียน่ะ” แม่นายพูดอย่างใจดีท่านรู้อยู่แล้วว่ามัสหยาพูดไปอย่างนั้นแหละเพราะอย่างนี้ทำให้คนงานเชื่อฟังเธอ
“ใช่ครับแม่นาย พี่หย๋าเอะอะก็หักเงินอย่างเดียวเลยครับ แล้วลำไยเป็นพันกล่องผมก็ตาลายบ้างสิครับเกินไปนิดหน่อยเองครับ” ไอ้เขมถือโอกาสฟ้องแม่แม่นานเพราะลูกพี่เอาแต่ขู่เขาจนใส้หดแล้วเพราะกลัวไม่มีเงินไปขอน้องพริกหวานลูกสาวพ่อเทิด เขมรัฐ หรือไอ้เขมเป็นลูกลุงสินหัวหน้าคนงานในไร่บงกชรุ่นเดียวกับตาปลั่งของมัสหยาและยังเป็นเพื่อนกันด้วย
“ไม่ต้องมาฟ้องแม่นายเลยไอ้เขมแล้วมานี่มีอะไรล่ะ” สาวน้อยหันไปมองลูกน้องคนสนิทที่เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออกจนเรียนจบปวส.สาขาการเกษตรเหมือนเธอแต่อ่อนกว่าห้าปีแล้วไม่ยอมเรียนต่อกลับมาช่วยงานในไร่
“แม่นายเรียกมาเองจะได้คุยพร้อมกันเลย”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะแม่นาย”
“แม่นายจะให้แม่หย๋ากับเจ้าเขมไปเที่ยวเกาะซิซิลีสักสิบวันดีไหม” แม่นายพูดจบลูกพี่กับลูกน้องนั่งนิ่งไปคิดไม่ถึงว่าแม่นายจะให้ไปเที่ยวก็อยู่ที่ไร่ก็ได้ไปเที่ยวทั้งยังต้องไปสัมนาเรียนรู้เกษตรแนวใหม่ที่เชียงใหม่เชียงรายกรุงเทพบ้างแล้วแต่ที่ไหนน่าสนใจอาจารย์ก็จะส่งข่าวมาบอกเสมอจึงทำให้มัสหยากับเขมรัฐได้ไปเรียนรู้กลับมาพัฒนาไร่บงกช
“เอ่อ แม่นายคะหย๋าไม่ไปได้มั้ยคะ”
“นั้นสิครับแม่นาย ผมก็ไม่อยากไปครับ”
“ทำไมถึงไม่อยากไปล่ะแม่หย๋า เจ้าเขมบอกเหตุผลมาสิ” แม่นายถามกลับทั้งสองคนถึงเหตุผลที่ไม่อยากไปเที่ยวซิซิลี
“ก็หย๋าไม่อยากไปเกาะซิซิลีนี่คะให้หย๋าไปประเทศอื่นได้ไหมคะแม่นาย” มัสหยาทำหน้ายุ่งก็เธอไม่อยากไปเกาะซิซิลีนี่นาไม่อยากไปเจอนายฝรั่งจอมหยิ่งหลานชายแม่นายที่ชอบหาเรื่องเธอทุกครั้งที่มาเยี่ยมแม่นายบัวผันตอนเด็กๆ
“ผมไม่อยากขึ้นเครื่องบินครับ” เจ้าเขมตอบแม่นายก็มันไม่เคยขึ้นเครื่องบินนี่มันก็กลัวสิ
“ฟังนะที่แม่นายให้แม่หย๋ากับเจ้าเขมไปอิตาลีเพราะอยากให้ไปดูงานที่ไร่ของเพื่อนแม่บี๋ว่าทางฝรั่งเขาทำกันยังไงผลผลิตถึงออกมาดีมีคุณภาพแล้วเราจะได้เอามาพัฒนาไร่ของเราให้มันผลิดอกออกผลมาได้มีคุณภาพมากกว่านี้พอผลผลิตดีราคาก็ดีคนงานก็จะมีรายได้เพิ่มหรือแม่หย๋าไม่อยากพัฒนาไร่ของเราให้มันเจริญมากกว่านี้หรือลูก” แม่นายบอกลูกพี่กับลูกน้องที่นั่งฟังตาปริบๆจนท่านอดขำไม่ได้
“ลูกพี่ว่าไงครับ ผมยกให้ลูกพี่ตัดสินใจเลยครับ ” เขมรัฐรู้ว่ายังไงลูกพี่ก็ไม่ปฏิเสธแน่นอนและเขาก็ต้องทำใจเรื่องขึ้นเครื่องบินรอก็แล้วกันเพราะดูแล้วแม่นายชนะขาดอยู่แล้ว
“หย๋าไปก็ได้ค่ะ แล้วหย๋ากับไอ้เขมต้องไปอยู่กับแม่บี๋ใช่ไหมคะ” มัสหยาถามเพื่อความแน่ใจเธอไม่อยากเจอนายฝรั่งเพราะรู้จากเซเซียล่าเล่าให้ฟังว่าพี่ชายของเธอไม่ค่อยอยู่บ้านเขาจะอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์หรือไม่ก็คอนโดในเมืองปาแลร์โมหรือไม่ก็ที่กรุงโรมเพราะเขาทำงานเยอะจึงไม่ค่อยได้กลับบ้าน
“ใช่แม่บี๋เขาบอกมาเพราะปกติฝรั่งเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้าไปดูงานของเขาหรอกแต่เห็นเป็นเพื่อนกันเขาเลยอนุญาตอีกอย่างก็ไม่ได้เป็นคนชาติเดียวกันด้วยแม่บี๋เลยให้เราสองคนไปศึกษางานเพื่อเอามาพัฒนาไร่ของเราให้ทันสมัยเท่าเทียมกับของฝรั่งเผื่อวันข้างหน้าผลผลิตในไร่ของเราจะมีคุณภาพดีมีราคาดีมากกว่านี้นะลูก” แม่นายเกลี้ยกล่อมหลานสาวนอกไส้ของท่าน
“ตกลงค่ะแม่นายหย๋าจะไปค่ะ แล้วจะให้หย๋ากับไอ้เขมไปเมื่อไหร่คะ”
“อาทิตย์หน้าจ้ะ แม่บี๋เขาจัดการให้หมดแล้วล่ะ” แม่นายยิ้มอย่างพอใจที่มัสหยาตัดสินใจไปอิตาลีท่านอยากให้เด็กดีอย่างมัสหยากับเขมรัฐได้เปิดโลกกว้างไม่ใช่อยู่แต่ในไร่
“แม่นายขาทำไมมันเร็วอย่างนี้ละคะ หย๋าเตรียมตัวไม่ทันหรอกไปเดือนหน้าได้มั้ยคะ” มัสหยาต่อรองกับแม่นายที่ยิ้มให้เธอแล้วส่ายหน้า
“ไม่ได้จ้ะ ข้าวของเครื่องใช้ไม่ต้องเอาไปเยอะไปซื้อเอาที่นั่นเลยแม่นายจะให้โบนัสพิเศษคนละก้อนเอาไว้ใช้จ่ายตอนอยู่ที่โน่นเผื่ออยากได้อะไรก็ซื้อเอาเพราะกินอยู่ทุกอย่างแม่บี๋เขาจะจัดการให้ทั้งหมด” แม่นายพูดยึดยาวจนลูกพี่กับลูกน้องคนสนิทรับปากแม่นายเพราะท่านเป็นคนเด็ดขาดพูดคำไหนคำนั้น
“ค่ะแม่นาย /ครับแม่นาย”
“งั้นจะทำอะไรก็ไปกันเถอะแม่นายจะเอนหลังสักหน่อย อ้อ หย๋าเรียกยายแม้นให้แม่นายด้วยนะ” เสียงแม่นายพูดตามหลังมัสหยากับเขมรัฐ ที่ทำหน้ายุ่งเดินลงไปหายายแม้นในครัว
“ยายจ๋า แม่นายเรียกจ้า” ลงบันไดมาก็เจอยายแม้นพอดีมัสหยาจึงบอกให้ท่านขึ้นไปหาแม่นาย
“น้องหย๋าเป็นอะไรคะทำหน้าเหมือนคนท้องผูกเลยค่ะ” พี่แตงถามน้องสาวคนสวยที่ทำหน้าบูดเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับลูกน้องคนสนิทที่ตามติดกันเป็นตังเม
“ก็แม่นายน่ะสิคะ จะให้หย๋ากับไอ้เขมไปเที่ยวบ้านแม่บี๋ที่ซิซิลีน่ะสิคะ” มัสหยาตอบพี่แตงทำหน้าเซ็ง
“ดีสิน้องหย๋า แม่นายใจดีจังเลยพี่อยากไปบ้างอ่ะ” พี่แตงดีใจกับน้องสาวที่เห็นกันมาแต่เด็กจะได้ไปเมืองนอกกับเขา
“แต่หย๋าไม่อยากไปนี่คะ ถ้าหย๋าไปใครจะดูงานที่ไร่ให้ละคะ”
“นั่นสิลูกพี่ งั้นผมอยู่ทำงานแทนให้ลูกพี่ไปคนเดียวก็แล้วกันนะครับ” ไอ้คนกลัวเครื่องบินรีบบอกลูกพี่ทันทีเสนอตัวทำงานให้อย่างแข็งขัน
“นี่ไอ้เขม โอกาสมาถึงแล้วยังเล่นตัวอีกได้ไปเทียวเมืองนอกเมืองนาฟรีๆไม่ชอบเหรอทำไมแม่นายไม่ให้พี่ไปแทนไอ้เขมนะ ฮึ่ยย เสียดายจริงๆ” พี่แตงบ่นให้ว่าที่ลูกเขยเพราะเขมรัฐขยันขันแข็งทำงานรักครอบครัวและเป็นเด็กดีคนหนึ่งถ้าไม่ดีแตกซะก่อนก็คงจะได้เป็นลูกเขยเธอ
“โธ่ แม่แตงครับก็ผมกลัวเครื่องบินนี่ครับเกิดมายังไม่เคยขึ้นเลย เกิดมันลอยอยู่ดีๆแล้วมันตกล่ะน่ากลัวออก” เขมรัฐบอกเหตุผลที่เขาไม่อยากไปเมืองนอก
“เออ ก็จริงของแกนะไอ้เขม ข้าก็ไม่เคยขึ้นเครื่องบินเหมือนกันพูดไปมันก็น่ากลัวเหมือนกันเนาะ” พี่แตงเสียงอ่อนลงทันทีเมื่อได้ฟังเหตุผลของเขมรัฐ
“ไม่ได้ยังไงแกต้องไปกับพี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ย่ะไอ้น้องเขมที่รัก เพราะมันเป๋นกำสั่งของแม่นายเข้าใจ๋ก่อ” สาวแสบพ่นคำเมืองออกมาเธอทำได้ทุกอย่างขอแค่แม่นายบอกมาจะให้ขึ้นเขาลงห้วยเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณแม่นายที่เลี้ยงดูเธอมา
“แล้วลูกพี่จะบ่นทำไมล่ะครับ”
“พี่ก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ เฮ้อ หิวจังพี่แตงมีอะไรให้หย๋ากินบ้างคะ ตั้งแต่เช้าหย๋ากินกาแฟไปแก้วเดียวเองคะ” สาวแสบช่างอ้อนถามพี่แตงที่ทำอาหารไว้พร้อมตลอดเพราะคนที่บ้านนี้กินข้าวไม่เป็นเวลายกเว้นมื้อค่ำที่แม่นายบังคับให้เธอมากินด้วยทุกมื้อ
“ลูกพี่จะไปดูลิ้นจี่ที่จะเก็บพรุ่งนี้มั้ยครับ” ลูกพี่กับลูกน้องนั่งกินข้าวด้วยกันแล้วคุยกันเรื่องงานเพราะไร่บงกชมีมัสหยาเป็นคนจัดการงานของไร่ทั้งหมดส่วนเขมรัฐคอยดูแลเรื่องปุ๋ยเรื่องยาเวลามันออกดอกแล้วแมลงชอบมากินและทำปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อใช้ในไร่ทั้งหมด เด็กหญิงเด็กชายสองคนที่แม่นายเห็นมาตั้งแต่เด็กและส่งเสียให้เรียนหนังสือเข้ามหาวิทยาลัยจนเรียนจบแล้วมาช่วยท่านดูแลบริหารไร่จึงทำให้ท่านภูมิใจในตัวของมัสหยากับเขมรัฐมากที่ไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
“ฮื่อ ไปสิจะได้ดูด้วยว่าจะให้เก็บถึงแปลงไหนเพราะบางแปลงลูกมันยังไม่โตไม่เท่ากันถ้าเก็บไปมันไม่ได้ราคา” ลูกพี่พูดเป็นงานเป็นการและกินอาหารไปด้วย
“แต่ผมว่าเราน่าจะเร่งเก็บลำไยก่อนนะครับ เพราะลิ้นจี่ยังมีเวลาเราไปแค่สิบวันเองกลับมาคงเก็บได้พอดีครับ” ลูกน้องก็รู้งานเวลาทำงานเขมรัฐก็จริงจังกับงานไม่มีเล่นแต่เวลานอกงานเขาก็ทำตัวเป็นเด็กตามลูกพี่ต้อยๆประเภทถึงไหนถึงกัน
พี่แตงฟังลูกพี่กับลูกน้องคุยกันเรื่องงานแล้วยิ้มเธอชอบเขมรัฐก็ตรงนี้แหละเวลาทำงานเขาจริงจังมากไม่มีแหลาะแหละมีความรับผิดชอบสูงไม่กินเหล้าสูบบุหรี่
“ขอบคุณค่ะพี่แตง หย๋าไปทำงานก่อนเย็นๆถึงจะกลับหย๋าว่าจะไปดูน้ำที่ฝายด้วย ฝากบอกยายกับแม่นายด้วยนะคะ” พูดจบมัสหยาก็เดินออกไปพร้อมกับเขมรัฐเพื่อไปดูลิ้นจี่แปลงที่เก็บได้
“ลูกพี่จะเอาคันไหนไปครับ”
“ฉันจะไปกับพี่คล้าวแกก็ขับรถตามมาละกัน” ลูกพี่เดินเลี่ยงไปที่คอกม้าของเธอที่แม่นายซื้อพี่คล้าวให้เป็นของขวัญตอนเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ตอนแรกแม่นายจะซื้อรถให้แต่เธอไม่เอาบอกว่ารถที่ไร่มีเยอะแยะแล้วเธอจึงบอกแม่นายว่าอยากได้ม้าเพราะชอบไปขี่ม้าที่ไร่ศรีภักดีของสุปรียา ศรีภักดีหรือปรียาเพื่อนรักบ่อยๆเธอจึงอยากมีม้าเป็นของตัวเองและพยายาจะเก็บเงินซื้อแต่แม่นายซื้อให้ก่อนมัสหยาจึงมีม้าเป็นของตัวเองรวมทั้งคอกม้าที่แม่นายสร้างให้ก็เสียเงินไปเยอะเหมือนกันจนเธอเกรงใจและช่วยทำงานในไร่ให้ท่านเต็มที่
“ไปวิ่งเล่นกันดีกว่านะพี่คล้าว” มือบางแต่หยาบกร้านเพราะทำงานไร่ลูบหัวพี่คล้าวแล้วเอาอาหารเสริมเม็ดเล็กให้มันกินแล้วจูงออกมาจากคอก
“หนูหย๋าจะไปไหนครับ” ลุงกอบคนดูแลม้าถามผู้จัดการไร่ที่มาจูงม้าของเธอออกไป
“หย๋าจะไปดูลิ้นจี่ที่จะเก็บพรุ่งนี้ค่ะแล้วจะเลยไปดูน้ำที่ฝายหน่อยช่วงนี้ฝนไม่ค่อยตกหย๋าว่าจะสูบน้ำขึ้นรดฝั่งแปลงมะม่วงค่ะเพราะมันกำลังออกช่อกลัวมันจะร่วงหมดค่ะ” นี่คือมัสหยาที่คุยได้กับทุกคนเพราะในไร่แห่งนี้อยู่กันอย่างพี่อย่างน้องคนงานจะมีแบบอยู่ประจำในไร่และไปกลับเป็นพวกชาวเขาที่หมดฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่ของตัวเองแล้วก็มารับจ้างต่อพวกเขาไม่อยู่นิ่งเฉย
“ให้ลุงไปเป็นเพื่อนมั้ยครับ” ลุงกอบถามสาวน้อยตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงวันนี้เขายังไม่เห็นลูกน้องของเธอเลย
“ขอบคุณค่ะลุงกอบ หย๋าไปกับไอ้เขมค่ะมันขับรถไปก่อนแล้วงั้นหย๋าไปก่อนนะคะ” ร่างเล็กแต่ไม่ได้บอบบางสอดเท้าเข้าไปที่บังโคลนแล้วเขย่งตัวปีนขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอย่างคล่องแคล่วแล้วควบพี่คล้าวให้ไปตามทางที่เข้าไปในแปลงลิ้นจี่
“สวัสดีค่ะลุงสิน” มัสหยาหยุดม้าแล้วปีนลงมาเมื่อเจอลุงสินพ่อของเขมรัฐที่เป็นหวัหน้าคนงานกำลังช่วยคนงานใส่ปุ๋ยชีวภาพรอบโคนต้นลำใยที่เก็บแล้วเพื่อบำรุงให้มันผลิดอกออกผลนอกฤดูกาลได้สมบูรณ์
“หวัดดีหนูหย๋า ลุงเห็นไอ้เขมมันขับรถเข้าไปที่แปลงลิ้นจี่โน่นแน่ะไม่รู้มีอะไรหรือเปล่า”
“หย๋าจะไปดูลิ้นจี่ที่เราจะเก็บพรุ่งนี้น่ะคะ แต่บางต้นลูกมันยังเล็กอยู่หย๋ากับไอ้เขมจะไปดูก่อนค่ะบางทีเราอาจะเลือกเก็บเอาค่ะ”
“ลุงก็ว่าจะให้ไอ้เขมกับหนูหย๋าไปดูเหมือนกัน ลุงว่ารออีกสักสิบวันแล้วค่อยเก็บนะหนูหย๋า”
“งั้นหย๋าไปดูก่อนนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาคุยกับลุงอีกทีนะคะ” หนูหย๋าของลุงสินก็ปีนขึ้นหลังพี่คล้าวอย่างคล่องแคล่วแล้วควบออกไปเพราะเขมรัฐไปถึงก่อนเธอแล้ว
มัสหยาผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งตัวเล็กบอบบางแต่แข็งแรงเหมือนผู้ชายอกสามศอกเพราะเธอเป็นเด็กชาวไร่ที่คลุกคลีกับสวนกับไร่มาตั้งแต่เด็กและหัดทำทุกอย่างจนเธอชอบละเลือกเรียนเกษตรในมหาวิทยาลัยชื่อดังของเชียงใหม่และมีชื่อเสียงเรื่องความสามารถจนรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยชอบมาขลุกฝึกงานและมาเรียนรู้ภาคปฏิบัติที่ไร่บงกชเป็นประจำและแม่นายก็สนับสนุนมัสหยาสอนรุ่นน้องของเธอแม้แต่อาจารย์ยังต้องมาขอความช่วยเหลือยามที่จะให้นักศึกษาประฎิบัติจริง