บทที่ 7: เงาอุปถัมภ์

1258 คำ
บรรยากาศในห้องทำงานผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยเงียบเชียบและเย็นเฉียบจนเกินความจำเป็น ผู้อำนวยการวัยใกล้เกษียณนั่งตัวเกร็งอยู่หลังโต๊ะทำงานหินอ่อน มือที่ถือหูโทรศัพท์ชื้นเหงื่อจนแทบจะควบคุมไม่ได้ แม้เครื่องปรับอากาศจะทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับรู้สึกว่ามี ไอเย็น ที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านเข้ามาในห้อง ปลายสายไม่มีเสียงตะคอก ไม่มีถ้อยคำหยาบคาย มีเพียงน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เรียบจนน่ากลัว แต่รังสีอำมหิตบางอย่างกลับแฝงอยู่ในทุกพยางค์ ราวกับกำลังพูดคุยกับ ขุมอำนาจ ที่อยู่เหนือทุกกฎหมาย “ครับท่าน ผมดำเนินการเรื่องเอกสารการส่งตัวนักศึกษา ลลิน จันทรัตน์ เรียบร้อยแล้วครับ เธอจะเดินทางไปโอซาก้าในอีกสองวันนี้” ผู้อำนวยการรายงานด้วยความนอบน้อมสูงสุด “การจัดสรรงบประมาณล่ะ?” ปลายสายถามกลับมาสั้น ๆ “เรียบร้อยครับท่าน ผมปรับให้เป็นทุนการศึกษา JASSO ตามปกติ เพื่อไม่ให้น่าสงสัย และได้เพิ่มเงินทุนส่วนตัวที่ท่านอนุมัติเข้าไปเป็นกรณีพิเศษแล้วครับ” ผู้อำนวยการกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความลังเลใจอย่างถึงที่สุด เพราะนี่คือสิ่งที่ขัดกับหลักการบริหารเงินทุกข้อที่เขาเคยเรียนรู้มา “เอ่อ... ขอประทานโทษนะครับท่าน... ท่านแน่ใจนะครับว่าต้องการให้ทุนนี้เป็นแบบ ‘ให้เปล่า’ จริง ๆ” ความเงียบเข้าปกคลุมสาย... ความเงียบที่ยาวนานและเย็นยะเยือกกว่าเดิม จนผู้อำนวยการรู้สึกว่าหัวใจเขาหยุดเต้นไปแล้ว “คือ... ผมหมายความว่า...” ผู้อำนวยการรีบพูดต่อเมื่อความเงียบนั้นเริ่มคุกคาม “ไม่มีสัญญาผูกมัด ไม่ต้องกลับมาใช้ทุนคืน ไม่ต้องทำงานชดใช้ให้มหาวิทยาลัย และวงเงินที่ท่านจัดสรรมานั้น ไม่จำกัด... ท่านแน่ใจนะครับ? ปกติการลงทุนที่สูงขนาดนี้... เราต้องมีหลักประกัน...” เสียงจากปลายสายดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นประโยคคำถามที่ไม่มีคำตอบ “คุณคิดว่า เด็กคนนั้น... เธอไม่ใช่วงเงินที่คุณควรลงทุนหรือ?” ผู้อำนวยการถึงกับสะอึก เขาไม่รู้ว่า “ท่าน” ผู้นี้มองเห็นอะไรในเด็กสาวกำพร้าที่เคยมีประวัติฉาวคนนี้ แต่เงื่อนไขของทุนนี้... มันมากพอที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งใช้ชีวิตเยี่ยงเจ้าหญิงได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องทำงานพาร์ตไทม์เลยด้วยซ้ำ หากเธอเลือกที่จะสบาย แต่ท่านผู้นั้นกลับมั่นใจว่าเธอจะไม่เป็นเช่นนั้น “ครับ... ครับผมเข้าใจแล้วครับ” “คุณต้องมั่นใจว่าเธอ ไม่รู้ ว่าใครเป็นผู้ให้ทุนตัวจริง และไม่รู้ว่าเงินที่เธอได้รับนั้นมาจากไหน เธอต้องเชื่อว่านั่นคือ โชคชะตา และความพยายามของเธอเอง” “ครับ เธอจะไม่ทราบเรื่องนี้ครับ เธอจะเข้าใจว่าเป็นสวัสดิการพิเศษของโครงการ... ผมจะส่งรายงานผลการเรียนและความเป็นอยู่ของเธอให้ท่านทราบทุกเดือนโดยละเอียด... ครับท่าน สวัสดีครับ” ผู้อำนวยการวางหูโทรศัพท์ลงอย่างแผ่วเบา สูดลมหายใจลึกยาวหลายเฮือกราวกับเพิ่งขึ้นมาจากใต้น้ำ เขาไม่รู้ว่าทำไมมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลระดับนั้นถึงสนใจเด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่งขนาดนี้ แต่ใครจะกล้าตั้งคำถามกับ “ผู้มีพระคุณรายใหญ่ที่สุด” ของมหาวิทยาลัยกันล่ะ? เขาได้แต่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะมองไปยังแฟ้มเอกสารของลลิน “ขอให้เธอโชคดีนะ ลลิน... ขอให้ความตั้งใจของเธอ... คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่บ้าคลั่งนี้” ... ณ มหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ฤดูใบไม้ร่วงเปลี่ยนวิทยาเขตให้กลายเป็นสีส้มและแดงฉาน ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นลงบนพื้นทางเดินที่สะอาดสะอ้าน ลลิน ในวัย 23 ปี เดินก้าวฉับๆ ออกจากตึกเรียนด้วยความมั่นใจ เธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน เด็กสาวขี้อายในชุดนักศึกษาเก่าๆ ไม่มีอีกแล้ว ลลินในวันนี้สวมโค้ทสีเบจเข้ารูปที่ตัดเย็บอย่างดี รองเท้าบูทหนังขัดมัน ผมยาวสลวยถูกดัดลอนใหญ่ดูทันสมัย ใบหน้าสวยเฉี่ยวแต่งแต้มเครื่องสำอางโทนสุภาพแต่ดูแพง แววตามีประกายแห่งความฉลาดและทะเยอทะยาน เธอไม่ได้มาญี่ปุ่นเพื่อมาเที่ยวเล่น แต่เธอมาเพื่อ "ลับเขี้ยวเล็บ" ตามคำสั่งของคุณลุงธนู "ลลินซัง! ทางนี้ครับ!" เสียงเรียกของ ศาสตราจารย์ยามาโมโตะ กูรูด้านเศรษฐศาสตร์ระดับโลกที่ใครๆ ก็อยากเข้าพบ ดังขึ้น ลลินรีบเดินเข้าไปโค้งคำนับอย่างนอบน้อม "เซนเซ มีอะไรรึเปล่าคะ?" "ข่าวดีจ้ะ" ศาสตราจารย์วัยกลางคนยิ้มกว้าง "งานวิจัยเรื่อง 'การควบรวมกิจการข้ามชาติ' ของเธอ ได้รับการตีพิมพ์ลงวารสารธุรกิจระดับเอเชียแล้วนะ... และมีบริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่ 3 แห่งติดต่อขอจองตัวเธอเข้าทำงานทันทีที่เรียนจบ" ลลินเบิกตากว้าง "จริงเหรอคะ! ขอบคุณมากค่ะเซนเซ!" "เธอเก่งมากลลิน... ฉันสอนลูกศิษย์มาเยอะ แต่ไม่เคยเจอใครหัวไวและกัดไม่ปล่อยเหมือนเธอ" ศาสตราจารย์ชื่นชมจากใจ ลลินยิ้มรับด้วยความภาคภูมิใจ เธอรู้สึกว่าตัวเอง "โชคดี" เหลือเกิน นับตั้งแต่วันแรกที่เหยียบญี่ปุ่น ทุกอย่างก็ราบรื่นราวกับปูพรมแดง จู่ๆ ศาสตราจารย์ยามาโมโตะที่ปกติไม่รับนักศึกษาต่างชาติ ก็เดินเข้ามาทักเธอที่ห้องสมุดและเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาให้ เธอได้รับเชิญไปงานสัมมนาธุรกิจสุดหรูฟรีๆ จนได้รู้จักเพื่อนฝูงในแวดวงนักธุรกิจและลูกหลานทูตมากมาย กลายเป็นคอนเนกชันทองคำที่เงินก็ซื้อไม่ได้ ความเป็นอยู่ของเธอก็สุขสบาย หอพักที่ทางโครงการจัดให้ เป็นคอนโดหรูใจกลางเมืองที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย ทุกอย่างมันช่าง "บังเอิญ" อย่างน่าประหลาด แต่ลลินในตอนนั้น ยุ่งเกินกว่าจะตั้งข้อสงสัย เธอทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการเรียนและการสร้างตัวตนใหม่ เพื่อลบภาพ "ลูกสาวคนโกง" ในอดีต และเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันที่เธอจะกลับไป... ทวงคืนศักดิ์ศรีจากตระกูล สุทธาทร ... คืนวันหนึ่ง ในคอนโดหรูที่โอซาก้า ลลินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ภายใต้แสงไฟสีนวล เธอกำลังบรรจงจรดปากกาลงบนกระดาษเขียนจดหมายเนื้อดี นี่คือกิจวัตรที่เธอทำทุกเดือน การเขียนจดหมายขอบคุณ "ผู้ให้ทุนใจดี" ผ่านทางมหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร รู้เพียงว่าเขาคือผู้มีพระคุณที่หยิบยื่นชีวิตใหม่ให้เธอ ...เรียน ท่านผู้มีอุปการคุณ เดือนนี้ดิฉันมีข่าวดีมาแจ้งค่ะ งานวิจัยของดิฉันได้รับการตีพิมพ์แล้ว และดิฉันเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนักศึกษาไปดูงานที่ยุโรป ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะความเมตตาของท่าน ดิฉันไม่ทราบว่าจะตอบแทนบุญคุณนี้อย่างไร นอกจากการตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินทุกเยนที่ท่านเสียสละให้เด็กอย่างดิฉัน ดิฉันสัญญาว่า จะใช้ความรู้นี้ สร้างประโยชน์และ... ทวงคืนความยุติธรรมให้กับชีวิต ด้วยความเคารพอย่างสูง ลลิน จันทรัตน์ ลลินพับจดหมายใส่ซอง เธอถอนหายใจเบาๆ เธอเกรงใจเขาเหลือเกิน ไม่อยากส่งจดหมายไปรบกวนบ่อยนัก กลัวเขาจะรำคาญ แต่ทางมหาวิทยาลัยกำชับว่า ท่านต้องการทราบความเคลื่อนไหวของเธอเสมอ "สักวัน... ลลินจะหาเงินมาคืนท่านให้ได้ค่ะ" เธอพึมพำกับซองจดหมาย …
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม