หลังจากเห็นใบลาออกของพีชมนแล้ว เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป เมื่อรู้ว่าทุกอย่างมาจากความผิดพลาดของเขาทั้งนั้น
“เป็นผมที่อนุมัติเองอย่างนั้นเหรอ” เขาพูดพึมพำออกมาขณะที่มองดูลายเซ็นของตนเองที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้น
“คุณพีชเธอลาออกมีผลทันทีครับ ส่วนงานเธอก็บอกผมเอาไว้แล้วว่าจะมีการสอนงานคุณจารวีเอาไว้ชั่วคราวในระหว่างที่รอเลขานุการคนใหม่” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพูดแล้วก็มองเจ้านายที่ดูต่างออกไป
เมื่อเห็นว่ากวินนิ่งเงีย บแววตาดูไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พนักงานทั้งสองก็นั่งนิ่งด้วยความรู้สึกกังวล ไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะนั่งอยู่ต่อหรือว่าจะรอให้อีกฝ่ายถามอะไรต่ออีก
“เอ่อ นี่ก็เป็นแฟ้มใบสมัครงานครับ วันนั้นผมจะเอามาให้คุณกวินดู แต่คุณกวินไม่ดู ให้ผมไปวางไว้บนโต๊ะของคุณพีช เธอบอกว่าค่อยนำมามอบให้ภายหลัง” ภาณุบอกพร้อมกับแฟ้มใบสมัครงานในตำแหน่งเลขานุการ
“แล้วนายไม่คิดจะบอกฉันเหรอ” กวินเงยหน้าขึ้นมาถาม
ภาณุกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบากก่อนที่จะตอบเสียงเบา “เมื่อวานนี้ผมก็จะบอกแล้วครับ แต่ตอนนั้นคุณกวินไม่รอให้ผมพูดจบก็รีบเดินออกไปจากงานเลี้ยงก่อน ผมก็เลยคิดเอาไว้ว่าจะบอกคุณกวินวันนี้ครับ”
“พวกคุณออกไปเถอะ”
“แล้วเรื่องเลขาคนใหม่.. เอ่อ” ภาณุอึกอัก มองหน้าผู้จัดการฝ่ายบุคคลให้ช่วยพูด
“ยังไม่ต้อง ให้จารวีทำงานไปก่อน ไม่นานพีชก็คงขอกลับมา” เขาพูดแล้วโบกมือเป็นเชิงไล่
เมื่อทั้งสองออกไปจากห้อง กวินก็นั่งผิงพนักพิงเก้าอี้พร้อมกับหลับตาลง สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา” เขาพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เมื่อประตูห้องเปิดออกและได้กลิ่นกาแฟเขาก็ลืมตาขึ้น
จารวียกถาดวางถ้วยกาแฟเข้ามา จากนั้นก็วางลงบนโต๊ะของเขา ในมือเธอยังคงถือถาดเปล่าเอาไว้
“วันนี้คุณกวินมีนัดตอนบ่ายสามโมงนะคะ”
“อืม ผมรู้แล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนที่จะยกกาแฟขึ้นจิบแล้วคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากัน
“กาแฟนี้คุณชงเองเหรอ” เขาถามเมื่อรสชาติไม่เหมือนเดิม
“ค่ะ ฉันชงตามสูตรที่คุณพีชเขียนเอาไว้ให้เป๊ะๆ นะคะ ทั้งปริมาณน้ำ ปริมาณกาแฟที่ตัก และอุณหภูมิน้ำที่ใช้” พนักงานสาวรีบอธิบาย
“อืม ออกไปได้” เขาพูดแล้วก็วางถ้วยกาแฟร้อนลง
จารวีเดินออกไปข้างนอกแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอมั่นใจว่าทำทุกอย่างตามขั้นตอนดีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าติดขัดที่ไหนกันแน่
‘หรือจะเป็นที่คนชงไม่ใช่คุณพีช’
ภายในห้อง ผู้บริหารหนุ่มรู้สึกว่าวันนี้เขาไม่มีสมาธิในการที่จะทำอะไรเลย แม้แต่กาแฟก็ยังรู้สึกว่ามันต่างจากเดิม
“เธอทำสำเร็จ เธอทำให้ฉันหงุดหงิดและอยากเป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อน” เขากัดฟันพูดเสียงเบาก่อนที่จะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลื่อนหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอรายชื่อของเธอในเครื่องของเขา
“นี่ฉันไม่มีเบอร์เธอเหรอ” เขาพูดพึมพำออกมา เป็นไปได้อย่างไรว่าเขาจะไม่มีเบอร์โทรของเธอ ก่อนจะนึกได้ว่าเป็นเขาเองที่ไม่ต้องการที่จะติดต่อกับเธอเป็นการส่วนตัว
“บ้าเอ๊ย!” เขาทุบโต๊ะจนถ้วยกาแฟสะเทือน
เขาควรจะดีใจที่เธอไปจากชีวิตของเขาไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมกันมันถึงได้รู้สึกตรงกันข้าม
ในขณะเดียวกันที่บ้านของพีชมน หญิงสาวจัดห้องของตนเองใหม่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ สักพักปวีณาก็เดินขึ้นมาเรียกว่าคุณยายละมุนอยากพูดคุยด้วย หญิงสาวจึงตามลงไป
“มีอะไรเหรอคะคุณยาย”
“พีช ยายอยากไปทำบุญที่วัด” ยายละมุนพูดพร้อมกับน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนล้าลงกว่าเมื่อวาน
“ค่ะ พรุ่งนี้พีชจะพาไปนะคะ” เธอรับปาก อะไรที่เป็นความต้องการของคุณยาย อันไหนทำได้เธอก็อยากจะทำให้ท่านสบายใจที่สุด
“พี่เปิ้ลค่ะ พรุ่งนี้เตรียมตัวนะคะ เราจะไปทำบุญที่วัดด้วยกัน” เธอหันไปบอกพยาบาลสาว การที่จะออกไปข้างนอกต้องเตรียมการหลายอย่าง ทั้งรถเข็น อ็อกซิเจนแบบพกพา และยาโรคประจำตัวต่างๆ ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
“ค่ะคุณพีช”
“ยายอยากชวนคุณย่าจันลาด้วย บางทีครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกัน” ยายละมุนพูดด้วยน้ำเสียงเบา กังวลว่าหลังจากถอนหมั้นหลานสาวอาจจะลำบากใจในการติดต่อกับบ้านนั้น
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพีชจะโทรไปเชิญคุณย่าจันลาให้” เธอรับปากคุณยาย ก่อนที่จะโทรไปที่บ้านศัทธานนท์ต่อหน้าหญิงชราเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
“สวัสดีค่ะ บ้านศรัทธานนท์ค่ะ” เสียงแม่บ้านแพรวพรรณรับสาย
“สวัสดีค่ะพี่แพรว รบกวนต่อสายให้คุณยายได้คุยกับคุณย่าหน่อยค่ะ” หญิงสาวบอกให้รู้ว่าเป็นคุณยายละมุนจะคุยโทรศัพท์ด้วย
ปลายสายสลับโทรศัพท์ไปยังเครื่องไร้สาย แล้วนำไปยื่นให้แก่คุณย่าจันลาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น
“คุณยายละมุนอยู่ในสายค่ะ” เสียงแพรวพรรณรายงานแก่คุณย่าจันลาลอดออกมาจากปลายสาย
“ว่ายังไงหล่อน” เสียงคุณย่าพูดอยู่ปลายสาย
“จันลา พรุ่งนี้ฉันอยากไปทำบุญให้พ่อกิตกับแม่น้ำเขาน่ะ เลยจะชวนไปด้วยกัน” คุณยายพูดผ่านโทรศัพท์ของหลานสาวที่เปิดลำโพง
“ได้สิ ที่วัดเดิมใช่ไหม”
“ใช่ๆ สักแปดโมงหล่อนไหวไหม” คุณยายถามแล้วไอออกมาเล็กน้อย
“ไหวสิ แล้วเจอกันนะ หล่อนไปพักผ่อนเถอะ” คุณย่าจันลาบอกแล้ววางสายไป
“พักผ่อนนะคะคุณยาย” พีชมนประคองคุณยายให้นอนลง มองดูพยาบาลที่ดูแลใส่สายอ็อกซิเจนให้แล้วก็มองด้วยความเป็นห่วง เวลานอนต้องใส่สายอ็อกซิเจนเพราะคุณยายมีภาวะหยุดหายใจเวลานอนหลับ ถ้าไม่มีปวีณาคอยช่วยดูแลเธอก็ไม่รู้ว่าคุณยายจะอยู่กับเธอจนถึงตอนนี้หรือไม่
///////////
ในตอนเย็นกวินกลับมาถึงบ้านด้วยอาการที่ดูเหนื่อยล้าและใบหน้าบอกบุญไม่รับ
คุณย่าจันลานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นหลานชายเดินหน้าบึ้งผ่านไปทางบันไดก็เรียกหาแม่บ้าน “แพรวเตรียมของให้พร้อมนะ บอกบุญชัยด้วยว่าพรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า”
“ค่ะคุณย่า” แม่บ้านสาวที่กำลังจัดโต๊ะอาหารเย็นตอบรับ
กวินชะงักเท้าที่กำลังจะเดินขึ้นบันได เขาเปลี่ยนใจเดินไปนั่งข้างคุณย่าแล้ววางเสื้อสูทพาดไว้ที่พนักพิง
“พรุ่งนี้คุณย่าจะไปไหนเหรอครับ”
“ไปทำบุญที่วัดน่ะ” คุณย่าจันลาตอบ แต่สายตามองไปยังหน้าจอ
“ว่าแต่เราเถอะ วันนี้ดูเครียดๆ มีปัญหาที่บริษัทเหรอ วันนี้นึกว่าจะยิ้มแย้มอารมณ์ดีกลีบมาเสียอีก”
“คุณย่าครับ” เขาเรียกหญิงชราด้วยน้ำเสียงที่อ่อนใจที่ท่านยังคงมีน้ำเสียงหมางเมินตนเองอยู่
คุณย่าจันลาถอนหายใจ ยอมรับว่าเรื่องถอนหมั้นทำให้ตนไม่พอใจอยู่มาก จนเก็บท่าทีไว้ไม่อยู่ อีกทั้งหมั่นไส้ความมั่นหน้าของหลายชายคนรอง จึงทำให้ยังคงพูดจาด้วยอารมณ์อยู่บ้าง
“วันนี้ยายละมุนโทรมาชวนย่าไปทำบุญที่วัดน่ะ เหมือนย่าจะได้ยินเสียงหนูพีชด้วย ย่าเลยเดาว่านอกจากจะถอนหมั้นแล้วหนูพีชก็คงลาออกจากบริษัทด้วย” ย่าจันลาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ครับ” กวินตอบรับ ก่อนจะสนใจเรื่องการนัดหมายของหญิงชราทั้งสอง
“พรุ่งนี้คุณย่าจะไปทำบุญ งั้นผมให้ผมพาไปดีกว่าครับ ผมจะได้ทำบุญวันเกิดด้วย” กวินอาสา แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงในใจของเขา คือการมีโอกาสได้เจอหน้าผู้หญิงที่ทำให้เขาวุ่นวายทั้งวัน ครั้งนี้เขาจะยอมพูดดีกับเธอ ไม่ต้องเป็นในฐานะคู่หมั้น อย่างน้อยให้เธอมายืนข้างเขาในฐานะเลขานุการ
คุณย่าจันลาหันมามองหน้าหลานชายที่เกิดอยากทำบุญขึ้นมา
“ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดอยากจะทำบุญ แต่ก็ดี ทำบุญเสียบ้าง กรรมที่ปิดตาอยู่จะได้เบาบางลง” ผู้เป็นย่ายังคงอดพูดเหน็บแนมไม่ได้ในตอนท้าย
“ผมก็แค่อยากไปทำบุญวันเกิดเท่านั้นเองครับ แล้วอีกอย่างผมก็อยากจะไหว้คุณยายละมุนด้วย ที่ผม... ทำให้ท่านผิดหวัง” เมื่อได้ยินหลานชายพูดเหมือนรู้สึกผิด ย่าจันลาก็มีท่าทีอ่อนลง
“ก็ดี พรุ่งนี้หนูพีชเองก็ไปด้วย อย่าไปทำหน้าทำตาใส่เขาล่ะ ในเมื่อเขายอมถอยออกไปให้หลานแล้ว ก็เลิกอคติกับเขาเสียที”
“ผมไม่ได้อะไรหรอกครับ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า ไม่แน่ว่าพอเจอหน้าผม อาจจะขอกลับไปทำงานก็ได้” กวินพูดตามที่เขาคาดเดา พีชมนตามตื๊อเขามานานขนาดนี้ อยู่ๆ อยากหยุดก็จะหยุดได้เลยหรือ
“ผู้หญิงนะ เวลาที่ไม่ต้องการแล้ว ก็จะไม่เสียเวลากับสิ่งนั้นหรอกนะ” ย่าจันลาพูดแล้วลอบยิ้ม คราวนี้แหละเธอจะได้เห็นไอ้หมาโบ้ตัวโตๆ ด้วยตาของตนเองแล้ว
************************