ตอนที่ 8 บุญมีแต่กรรมบัง

1634 คำ
พีชมนประคองรถเข็นของคุณยายเข้ามาในลานวัดอย่างเงียบๆ ด้านหลังคือปวีณาที่เดินตามมาติดๆ พร้อมกับชุดของที่จะทำบุญ แต่แล้วสายตาก็พลันสะดุดเข้ากับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างคุณย่าจันลา หัวใจเธอเต้นโครมครามทันที ราวกับความพยายามตัดใจที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่กี่วันพังทลายลงมาอย่างง่ายดาย ความรู้สึกที่เคยพยายามกดทับไว้โผล่ขึ้นมาราวกับไม่เคยเลือนหายไปไหน แต่ก็ต้องตั้งสติแล้วบอกตัวเองให้เลิกทำอะไรโง่ๆ และควรก้าวไปข้างหน้า อย่าได้ถอยหลัง กวินมองดูพีชมนที่เมินเฉยกับเขา ดวงตาคมชะงักไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็เปลี่ยนเป็นท่าทีเรียบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “สวัสดีค่ะคุณย่า คุณกวิน” เธอทักทายเขาด้วยสรรพนามที่ห่างเหิน ชัดเจนว่าเธอไม่อยากแสดงความสนิทสนม “สวัสดีหนูพีช” ย่าจันลารับไหว้แล้วเดินไปจับมือเพื่อนรักของตน “สวัสดีครับคุณยาย” กวินไหว้ยายของเธอ แล้วมองอดีตคู่หมั้นที่เบือนหน้าหนีเขา “พอรู้ว่าฉันจะมาทำบุญ ตากวินก็อยากตามมาด้วยน่ะ เขาอยากมาทำบุญวันเกิดย้อนหลัง” คุณย่ายิ้มพลางเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีขณะที่บ่นหลานชายให้เพื่อนฟัง “ดีๆ ไม่ได้เจอพ่อกวินนานแล้ว” คุณยายละมุนไม่ได้แสดงความไม่พอใจกับการถอนหมั้น ทำให้ชายหนุ่มโล่งใจขึ้นมามาก “สองวันมานี้เหมือนว่าพี่เขาจะดูหน้าหมองๆ หน่อย ย่าเลยคิดว่าพามาทำบุญด้วยก็คงจะดี” คุณย่าหันมาพูดกับเธอ พีชมนเพียงยิ้มรับประโยคบอกเล่านั้น อดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะถูกคุณย่าจันลาลากตัวมาอย่างไม่เต็มใจ คนอย่างกวินหากรู้ว่าเธอมา เขาคงไม่ยอมตามมาง่ายๆ แน่ ในใจหญิงสาวตอนนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด ราวกับลมหายใจติดขัดในอก กวินมองใบหน้าที่เธอฝืนยิ้มอย่างเงียบๆ ริมฝีปากเขาเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเข้าใจตนเองเริ่มกัดกินมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงสวดมนต์ดังคลอเบาๆ ในโบสถ์ กวินนั่งข้างผู้เป็นย่าอย่างสงบ ก้มลงกราบอย่างตั้งใจ แต่หางตาไม่อาจห้ามตัวเองจากการมองพีชมนที่นั่งอีกฟากหนึ่งข้างคุณยายของเธอ ร่างบางดูสุขุม สีหน้าสงบ พีชมนพยายามทำตัวกลมกลืนกับความสงบของพิธีทางศาสนา แต่ในอกกลับเต็มไปด้วยความปั่นป่วนจนแทบยืนไม่ไหว เมื่อพิธีทำบุญเสร็จ ย่าจันลากับยายละมุนหันมาสบตาแล้วยิ้มให้กัน เพื่อนเก่าที่ห่างหายนานๆ จะได้เจอกันมากกว่าการคุยทางโทรศัพท์ ขณะที่ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างพูดคุยกันอย่างออกรส แต่บรรยากาศระหว่างทั้งคู่กลับเงียบงัน คุณย่าจันลาเอ่ยชวนทุกคนไปรับประทานอาหารร้านเก่าแก่ที่เคยไปด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว คุณยายละมุนคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ และอยากไปมาก พีชมนเพียงพยักหน้าเบาๆ ไม่เอ่ยปฏิเสธ แต่ก็ไม่หันไปมองกวินเลย ที่ร้านอาหารไทยสไตล์ดั้งเดิม โต๊ะอาหารถูกจัดอย่างเรียบง่าย หญิงชราทั้งสองพูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะ แม้คุณยายละมุนจะดูอ่อนล้าแต่ใบหน้าก็สดใสดูมีความสุขมาก ทว่าอีกฟากหนึ่งของโต๊ะกลับมีเพียงความเงียบงันระหว่างคนหนุ่มสาว กวินเหลือบมองหญิงสาวที่เอาแต่พูดคุยกับพยาบาลส่วนตัวของคุณยาย ไม่หันมามองหรือชวนเขาพูดคุย ราวกับเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสายตา “กวินตักแกงจืดให้น้องหน่อยสิ” ย่าจันลาหันมากำชับหลานชายคนรอง กวินยกช้อนกลางตักเต้าหู้ไข่ในแกงจืดใส่ถ้วยตรงหน้าพีชมน เธอชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะมองเขา เพียงแค่ขอบคุณเสียงเบาแล้วกินอาหารอย่างอื่นอย่างเงียบๆ ไม่แตะต้องแกงจืดที่เขาตักให้ กวินกำมือแน่นใต้โต๊ะ ความขมขื่นแล่นขึ้นมาในอก เขาเกลียดความรู้สึกในตอนนี้มากกว่าตอนที่เธอยังตามตื๊อเขาทุกวันเสียอีก เพื่อจะลองใจว่าเธอแกล้งเมินเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจหรือไม่ ชายหนุ่มตักต้มยำปลากะพงขึ้นมา กำลังจะตักใส่ถ้วยของตน ตั้งใจจะกินอาหารทั้งที่โรคกระเพาะของตัวเองไม่อาจทนได้ พีชมนเหลือบเห็นแต่เพียงชะงักแล้วนิ่งเงียบ ไม่ยอมเอ่ยห้ามเหมือนในอดีต หัวใจของเขาไหววูบ แต่ก็ยังคงยกช้อนขึ้นจะตักอยู่ดี “กวิน อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้สิ” คุณย่าร้องห้าม “รู้ทั้งรู้ว่ากระเพาะไม่ดี จะกินของเผ็ดๆ ได้ยังไง” น้ำเสียงนั้นตำหนิแฝงความห่วงใย ทำเอาบรรยากาศที่เงียบอยู่แล้วของทั้งคู่ยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีก แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นความอึดอัดนี้ “ผมแค่ลืมตัวครับ ปกติจะมีคนคอยเตรียมอาหารให้” กวินจงใจพูดถึงเธอแล้วเหลือบมองไปทางหญิงสาว เธอไม่ได้สนใจเขา กลับตักอาหารเอาใจผู้เป็นยายของตนและไม่ลืมที่จะตักให้แก่คุณย่าของเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งพยาบาลที่ติดตามมา “พี่เปิ้ลกินเยอะๆ นะคะ ร้านนี้อร่อยมากเลย” พีชมนหันไปพูดกับปวีณาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ทุกถ้อยคำชัดเจนว่าเธอสนใจทุกคนที่ไม่ใช่เขา กวินใจหาย ความว่างเปล่าตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาเพิ่งจะเข้าใจ ว่าความเงียบของเธอวันนี้ มันคือการถอยออกจากโลกของเขาจริงๆ หลังมื้ออาหารจบลง พีชมนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเธอเดินออกจากห้องน้ำก็ชะงักไปทันที เมื่อพบว่ามีร่างสูงยืนพิงผนังรออยู่แล้ว กวินยืนนิ่ง ดวงตาคมจ้องมาที่เธอ สีหน้าเรียบเฉย แต่ลึกๆ กลับแฝงด้วยความกระวนกระวายที่เขาเองก็ไม่อาจซ่อนพ้น “ทำไมไม่ไปทำงาน” เขาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงด้วยแรงกดดัน พีชมนข่มใจให้สงบ สบตาเขาเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ฉันลาออกแล้วค่ะ” คำตอบที่ใช้สรรพนามห่างเหินนั้นทำให้ดวงตาของกวินสั่นไหวชั่ววูบ ก่อนที่เขาจะหันหน้าหนีแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ แบบฝืนๆ “คุณเลขายังไม่ส่งมอบงานเลยนะ ตามกฎของบริษัทแล้วคุณต้องทำงานต่อจนกว่าจะส่งมอบงานเสร็จ” “แต่ใบลาออกระบุชัดเจนว่าไม่ต้องรอส่งมอบงานนี่คะ อีกอย่างหน้าที่ของฉันมันก็ง่ายๆ ใครก็ทำได้อย่างที่คุณเคยพูด ฉันจะออกวันไหนก็ไม่กระทบอะไรอยู่แล้ว” เธอตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว แววตาที่มองเขาไม่ใช่หญิงสาวคนเดิมที่ยอมทุกอย่างอีกต่อไป “อย่าทำตัวเรียกร้องความสนใจเลย มันไม่ได้ผลหรอก กลับไปทำงานซะ” กวินพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับหมดความอดทน พีชมนกำมือแน่นข้างลำตัว อยากหัวเราะกับความมั่นหน้าของเขาเหลือเกิน แต่เธอไม่อยากเสียศักดิ์ศรีวิ่งไล่ตามใครอีกแล้ว หญิงสาวจึงไม่ต่อความยาวสาวความยืดใดๆ เธอเบี่ยงตัวเดินผ่านเขาไปโดยไม่หันกลับมาอีกแม้แต่นิดเดียว กวินหันตามร่างบางที่เดินห่างออกไป ความรู้สึกบางอย่างแล่นขึ้นมาในอกจนแน่นหนึบ แต่เขาก็ได้แต่ยืนนิ่ง กำมือแน่นอยู่ตรงนั้น เหมือนเธอได้นำบางอย่างจากเขาติดมือไปด้วย พีชมนกลับมานั่งลงข้างคุณยาย สีหน้าสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่ กวินเดินตามมาทีหลัง นั่งลงข้างคุณย่าจันลา สีหน้าดูไม่ต่างจากเดิม แต่ดวงตาแอบเหลือบมองเธอเป็นพักๆ ความเงียบและความห่างเหินที่เธอสร้างขึ้น กำลังทำให้หัวใจเขาสั่นคลอนอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ชายหนุ่มนั่งนิ่งแต่สายตากลับห้ามตัวเองไม่ได้ มองไปที่พีชมนแทบทุกครั้งที่เธอขยับตัว เมื่อของหวานทยอยนำมาวางแทนที่อาหารคาว ก็เห็นรอยยิ้มของเธอกว้างขึ้น ทำให้เขาเผลอมองรอยยิ้มนั้นที่ส่งไปถึงดวงตา ปกติแล้วเธอฝืนยิ้มให้เขา ยิ้มทั้งๆ ที่ดวงตาดูเศร้า เขารู้ว่าเอพยายามยิ้มให้เขารู้ว่าเธอนั้นทนเขาได้ทุกเรื่อง แต่หลังจากวันนั้นที่ไม่มีกระดาษโพสต์อิท เขาก็ไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่ดูฝืนของเธออีก แต่กลับเป็นนิ่งเฉยแทน ตอนนั้นเขาน่าจะดูออก เขาน่าจะเอะใจว่ามันเป็นสัญญาณที่เธอกำลังจะถอดใจจากเขา คุณย่าจันลาที่นั่งข้างๆ แอบเหลือบมองหลานชายอยู่เงียบๆ ดวงตาของคนที่ผ่านโลกมามากอ่านออกได้ทันทีว่าชายหนุ่มที่เคยทำเป็นไม่สนใจ วันนี้กลับถูกความเฉยชาของหญิงสาวตรงหน้าเล่นงานเข้าเต็มๆ ย่าจันลาถึงกับแอบยิ้มมุมปากนิดๆ พลางคิดในใจ ‘สมน้ำหน้า ทำเป็นหยิ่งอยู่ได้ มัวแต่เล่นตัวจนเขาตัดใจจริงๆ แล้วเห็นเป็นยังไงล่ะ หลานเอ๊ย’ ขณะเดียวกัน คุณยายละมุนของพีชมนก็มองหลานสาวของตนเอง ดวงตาที่เคยอ่อนแรงยังมีประกายความหวังเล็กๆ เมื่อเห็นสายตาของกวินที่จ้องมองหลานสาวแทบไม่วางตา แต่แล้วก็ถอนหายใจแผ่วในอก ‘ยายรู้ หลานยายยังรักเขา แต่พีชเหนื่อยมามากแล้ว ยายก็ไม่อยากบังคับอีกต่อไป ปล่อยให้หลานเลือกเองเถอะ’ ************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม