ตอนที่ 9 ว้าวุ่นในใจ

1621 คำ
หลังจากแยกย้ายกันกลับ กวินทำหน้าที่ขับรถให้กับคุณย่าจันลา ใบหน้าของเขาเหมือนว่ากำลังขับรถอย่างตั้งใจ แต่ในความเป็นจริง ใจเขากลับสับสนว้าวุ่นเกินกว่าจะสงบได้ คุณย่าจันลาหันไปมองหลานชายอย่างเงียบๆ ก่อนเอ่ยถามขึ้นตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม “บอกย่ามาตรงๆ เถอะ วันนี้ที่หลานขอตามย่าไปทำบุญ เพราะอยากเจอหนูพีชใช่ไหม” กวินพ่นลมหายใจเล็กน้อย หันหน้ามามองย่าแวบหนึ่ง สีหน้าราบเรียบปกปิดอารมณ์เต็มที่ “ไม่ใช่หรอกครับ ผมแค่อยากทำบุญวันเกิดย้อนหลังเท่านั้น” คำตอบนั้นเปล่งออกมานิ่งๆ แต่แววตาที่หลบเลี่ยงกลับหักล้างทุกถ้อยคำ หญิงชราเพียงยกยิ้มบางๆ ไม่ได้ซักไซ้ต่อ นั่งพิงเบาะรถอย่างใจเย็น ‘ปากแข็งเสียจริง ย่าเลี้ยงมาเอง ย่าจะไม่รู้หรือไงว่าหลานชายกำลังคิดอะไรอยู่’ เธอไม่อยากพูดซ้ำเติม ไม่อยากกดดัน เพราะสิ่งที่เห็นชัดยิ่งกว่าคำพูด คือสายตาของกวินที่คอยมองพีชมน หญิงชราหลับตาลงเล็กน้อย ถอนหายใจในอก ตลอดหลายปีที่พีชมนวิ่งตามดูแลไม่เคยปล่อยมือ เขากลับทำเมินราวกับไม่เห็นค่าของเธอ พอหญิงสาวถอนหมั้นไปจริงๆ ก็คงเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองได้สูญเสียอะไรไปแล้ว สายตาคนที่ผ่านโลกมามากมองออกได้ทันทีว่าในใจของกวินไม่ได้สงบเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ยังไม่ยอมรับความจริงเท่านั้น อีกด้านหนึ่ง รถยนต์สีแดงจอดหน้าบ้านของตนอย่างเงียบๆ พีชมนกับปวีณาช่วยกันพาคุณยายลงจากรถอย่างระมัดระวัง เธอมีแต่ความอ่อนโยนและห่วงใยต่อหญิงชรา ไม่หลงเหลือความว้าวุ่นที่เจอเมื่อครู่ให้ใครเห็น เมื่อพาคุณยายละมุนเข้ามาพักในห้องนอน พีชมนก็นั่งลงข้างเตียง ในขณะที่ปวีณาออกไปเก็บของลงจากรถ คุณยายเงยหน้ามองหลานสาวด้วยแววตาอ่อนโยน เอ่ยถามตรงๆ แต่เสียงนุ่มนวล “วันนี้เจอหน้าพี่เขา รู้สึกยังไงบ้างลูก” พีชมนชะงักไปเพียงนิด ก่อนคลี่ยิ้มบางๆ แต่ดวงตากลับหม่นลง “เฉยๆ ค่ะ จริงๆ ติดจะรำคาญด้วยซ้ำ เพิ่งรู้ว่าเขาหลงตัวเองแค่ไหน คิดว่าพีชกำลังทำทุกอย่างเพราะอยากเรียกร้องความสนใจเขา” เธอพูดไปพลาง ดึงผ้าห่มมาห่มขาให้คุณยาย เหมือนใช้การทำงานเล็กๆ น้อยๆ บดบังอารมณ์ในใจไม่ให้แสดงออกมากเกินไป คุณยายละมุนมองอย่างรู้ทัน ไม่ได้ถามต่อ เพียงพยักหน้าเบาๆ รอยยิ้มบางคล้ายจะเข้าใจมากกว่าที่หลานสาวพูดออกมา ‘ยายรู้ หลานยายยังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ แต่แค่เจ็บปวดเกินกว่าจะเป็นฝ่ายวิ่งตามอีกแล้ว เวลาเกือบสามปีที่ผ่านมา หลานก็ทุ่มเทหมดทุกสิ่ง เจ็บมากพอแล้วจริงๆ’ “ไปพักเถอะลูก วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว” หญิงชรายกมือขึ้นลูบหัวหลานสาวเบาๆ พีชมนเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มจางๆ ให้ยาย แต่ในดวงตาแฝงร่องรอยชอกช้ำที่เธอพยายามซ่อนเอาไว้ ************************ ประตูห้องทำงานเปิดออกเบาๆ จารวีที่ทำหน้าที่เลขานุการชั่วคราวก้าวออกมาพร้อมถาดกาแฟในมือ ใบหน้าเธอกลับเต็มไปด้วยความหนักใจ ภาณุที่ยืนรออยู่หน้าห้องทำงานของกวิน เห็นก็เอ่ยถามทันทีที่ประตูห้องปิดลง “เป็นยังไงบ้างล่ะ คราวนี้คุณกวินว่าอะไรไหม” “คุณกวินบอกว่าดื่มไม่ลงค่ะ บอกว่ารสชาติมันเพี้ยนไปจากที่เคยดื่ม” จารวีส่ายหน้าเบาๆ ภาณุเลิกคิ้ว มองแก้วกาแฟที่ยังไม่แตะต้องด้วยสีหน้าเข้าใจทันที ก่อนที่จารวีจะรีบอธิบายอย่างไม่ยอมแพ้ “แต่ฉันทำตามที่คุณพีชเคยจดไว้ทุกขั้นเลยนะคะ ทั้งปริมาณกาแฟ เวลาในการชง แม้กระทั่งอุณหภูมิน้ำ ฉันเช็กซ้ำหลายรอบแล้ว ไม่มีผิดแน่” น้ำเสียงของเธอปนความท้อเล็กๆ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนตำหนิเรื่องกาแฟ และเธออธิบายแบบนี้ออกไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ภาณุหัวเราะเบาๆ พลางตบไหล่เธอ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก กว่าคุณพีชจะชงกาแฟถูกปากเจ้านายได้ ก็หมดกาแฟไปหลายกระปุกเหมือนกันนั่นแหละ” จารวีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนพึมพำออกมา “แปลว่าคุณพีชคงใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ ที่คนอื่นจทำตามไม่ได้สินะคะ” “อืม อาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ” ภาณุพยักหน้า มองบานประตูห้องทำงานที่ปิดสนิทด้วยแววตาครุ่นคิด ทั้งคู่ต่างรู้โดยไม่พูดออกมาตรงๆ ว่า ที่กาแฟแก้วนั้นไม่ถูกปากกวินไม่ใช่เพราะชงผิดสูตร แต่เป็นเพราะคนที่เคยใส่ใจในทุกรายละเอียดเล็กน้อยจนกาแฟออกมาถูกใจ ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วต่างหาก พอถึงตอนกลางวัน อาหารที่จารวีสั่งเป็นอาหารที่กวินเป็นคนเลือก เขาเลือกกินอาหารที่รสไม่จัดมาก จึงเลือกผัดซีอิ๊วหมูหมัก และสั่งกาแฟจากข้างนอกเข้ามาดื่ม แม้จารวีอยากคัดค้านอาหารที่เขาระบุมา ซึ่งขัดต่อที่พีชมนกำหนดไว้ให้เธอ แต่ก็ไม่กล้าที่จะที่จะขัดใจ หลังจากกินอาหารไปได้ไม่ถึงชั่วโมงเขาก็มีอาการปวดท้อง จนต้องรีบหายาแก้โรคกระเพาะมากินเพื่อระงับอาการ แต่ก็ไม่ทุเลาลง ภาณุพาเจ้านายไปโรงพยาบาลในทันที หมอวินิจฉัยว่าเขากินของที่มีน้ำมันเยอะเกิน รวมไปถึงกาแฟที่มีคาเฟอีนที่กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร จึงทำให้มีอาการปวดแสบท้องมากขึ้น “ปกติผมดื่มกาแฟดำตลอดนี่ครับ วันละหนึ่งหรือไม่ก็สองแก้ว และช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ดื่มด้วยซ้ำ เพิ่งสั่งมาดื่มก็วันนี้” เขาอธิบายกับหมอที่ตรวจ “บางทีคุณอาจจะดื่มแบบไม่มีคาเฟอีนหรือเปล่าครับ พอมาดื่มกาแฟที่สั่งมาเลยกำเริบขึ้น” นายแพทย์หนุ่มถามเพื่อวิเคราะห์อาการ “เอ่อ น่าจะใช่นะครับคุณกวิน กาแฟที่ชงให้ที่บริษัทเป็นแบบไม่มีคาเฟอีนครับ คุณพีชเธอสั่งมาสำหรับคุณเป็นพิเศษ” ภาณุที่เข้ามานั่งฟังผลตรวจด้วยกล่าวเสียงเบา “ถ้าอย่างนั้นก็ใช่แล้วครับ สาเหตุน่าจะมาจากกาแฟที่สั่งมา ประกอบกับผัดซีอิ๊วที่น่าจะชุ่มน้ำมัน อาการเลยกำเริบ คราวนี้โชคดีนะครับที่ไม่มีแผลในกระพาะอาหาร ครั้งนี้คุณต้องกินอาหารให้ตรงเวลา งดหวานมันเค็มและคาเฟอีน รวมถึงของเปรี้ยวและของหมักดอง” นายแพทย์หนุ่มพูดพลางจดรายการจ่ายยาลงในประวัติ กวินนิ่งเงียบไป มือข้างหนึ่งยังคงกุมท้อง เขาเลี่ยงอาหารรสจัดแต่ลืมไปว่าอาหารมันและของทอดก็กินไม่ได้ กาแฟที่กินก็ไม่เคยรู้ว่าเป็นชนิดพิเศษ ทุกอย่างพีชมนดูแลเขามาตลอด เขาไม่ต้องคิดคำนวณในแต่ละวันเลยว่าต้องกินอะไร เธอจัดการให้เขาทั้งหมด แต่เขากลับมองว่าเธอจุ้นจ้านวุ่นวาย หรือบางที เขาอาจจะต้องการเธอมากกว่าที่คิด ////////// ที่บ้านศรัทธานนท์ หลังจากอาบน้ำเสร็จกวินก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ริมเตียง ภายในใจกำลังว้าวุ่น ภาพพีชมนที่เมินเฉยยังวนเวียนไม่เลือนหาย ตอนนั้นเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นทำลายความเงียบ “คุณกวินคะ ตั้งโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ” แม่บ้านสาวเอ่ยเรียก “เดี๋ยวลงไป” กวินสูดหายใจเข้าลึก ลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินลงไปที่โต๊ะอาหารใหญ่ในห้องโถง ไม่ได้บอกผู้เป็นย่าว่าตนเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล คุณย่าจันลานั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยท่าทีสงบเช่นเคย ชายหนุ่มนั่งลงฝั่งตรงข้ามเงียบๆ ตักกับข้าวใส่จาน แต่ใจไม่ได้อยู่กับอาหารตรงหน้าเลย หลายครั้งที่เขาจะอ้าปากพูด แต่ก็ลังเลจนต้องกลืนคำกลับลงไป ในที่สุดเมื่อกินอาหารไปได้ครึ่งจานแล้วเขาก็รวบช้อนส้อมลง “อิ่มแล้วเหรอลูก” หญิงชราถามพลางเลิกคิ้วมอง ดูวันนี้สีหน้าของหลานชายไม่สู้ดีนัก “ครับ” เขาตอบเสียงนุ่ม เห็นแววตาของย่าที่มองมาอย่างอ่อนโยน จึงตัดสินใจพูดออกมา “คุณย่าครับ ผมอยากให้คุณย่าช่วยพูดกับพีชหน่อยได้ไหมครับ” หญิงชราหยุดมือจากการตักแกง เงยหน้าขึ้นมองหลานชายด้วยสายตารู้ทัน แต่ไม่ได้พูดอะไรให้กดดัน จึงปล่อยให้เขาพูดต่อเอง “คือว่า... เธอลาออกกะทันหันเกินไป ทำให้บริษัทวุ่นวาย ผมอยากให้คุณย่าช่วยเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไปทำงาน” กวินหลบตามือกำช้อนแน่น ม่รู้ว่าทำไมเขารู้สึกว่าตนเองกำลังหาข้ออ้างที่ไม่ตรงกับความรู้สึก “ได้สิ ย่าจะลองคุยให้” ย่าจันลาพยักหน้าช้าๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คิดในใจว่าหลานชายคงกำลังเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพลาดอะไรไปในชีวิต และคงอยากได้สิ่งนั้นกลับคืนมา “ขอบคุณครับ” เพียงเท่านั้น ความกดดันที่กวินแบกรับมาตลอดหลายวันก็คลายลงเล็กน้อย ราวกับมีความหวังบางอย่างที่เขายึดเหนี่ยวไว้ได้ สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย แต่ในใจลึกๆ เขาเองก็รู้ว่าสิ่งที่อยากให้เธอกลับมา ไม่ใช่แค่เรื่องงานเพียงอย่างเดียว ************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม