ฮันนีมูนขม ตอนที่ 1

1467 คำ
ตะวันบ่ายคล้อยสาดแสงอ่อนๆ ลมเย็นๆ พัดผ่านเข้าทางหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้กระทบใบหน้าของคนที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม ณัฏฐนิชค่อยๆ กะพริบตาให้รับกับแสงที่สาดส่องเข้ามา ร่างบางขยับพลิกตัวเล็กน้อยระบายความเมื่อยขบ หลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักเธอก็ฟุบหลับไปด้วยความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจ  หญิงสาวพยุงตัวลุกขึ้นก็ยังรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวไปทั้งร่าง แขนขาแทบยกไม่ขึ้น แต่เธอก็ยังพยายามเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ความเจ็บปวดตรงจุดพึงสงวนเพิ่มความรุนแรงกว่าในตอนแรก อาจเป็นเพราะเกิดการอักเสบ และดูเหมือนเธอจะมีไข้ด้วย แม้จะรู้ว่าต่อให้ล้างยังไงเธอก็คงไม่มีวันสะอาดเหมือนก่อนแล้วแต่หญิงสาวก็ยังใช้เวลาในการอาบน้ำชำระร่างกายอยู่นานสองนานก่อนจะออกมาแต่งตัว นมสดพร้อมดื่มในตู้เย็นถูกแกะออกนำมาดื่มเพื่อรองท้องแล้วจะรับประทานยาแก้ไข้ตาม เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเธออาจจะอาการหนักกว่านี้ก็เป็นได้ หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวถึงตาตุ่มด้านบนคลุมทับด้วยเสื้อคลุมแขนสามส่วนอีกทีเดินลงบันไดด้วยความเหนื่อยอ่อน วันนี้ทั้งวันเธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากนมกล่องนั้น แต่ก็ไม่ได้ปรากฏว่าหิวโหยแต่อย่างใด เรียกได้ว่าต่อให้มีของกินมากมายมากองตรงหน้าเธอก็กินไม่ลงอยู่ดี แต่เพราะรู้สภาพร่างกายในตอนนี้ว่าจำเป็นต้องได้รับพลังงานเพื่อต้านอาการป่วย เธอจึงตั้งใจจะลงไปทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ ทาน แต่แล้วสองขาก็ต้องสะดุดเมื่อเสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นเสียก่อน “ลงมาได้แล้วเหรอ....นึกว่าหลับตายไปแล้วเสียอีก ฝันดีสินะที่แผนชั่วๆ สำเร็จถึงได้นอนไม่รู้จักตื่นจนสายป่านนี้” อคิราห์ในชุดลำลองที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงห้องรับแขก กล่าวประชดประชันทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินลงมา เขามานั่งรอแม่ตัวดีนี่อยู่นานแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นแต่เขาก็ไม่คิดจะย่างกรายเข้าไปในห้องเธอด้วย เลยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อฆ่าเวลา สายตาของหญิงสาวมองอย่างอดแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้สามีเธออยู่บ้าน ปกติเช้ามาเขาก็ออกไปข้างนอกกลับมาอีกทีก็ดึกดื่นหรือไม่กลับมาเลยก็มี “คุณคีมมีธุระอะไรกับรัญเหรอคะ” “ฮึ...เธอไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอก ลงมาก็ดีแล้ว ฉันจะพาเธอไปบ้านคุณแม่”พูดจบชายหนุ่มก็ลุกเดินไปยังประตูทางออกทันทีปล่อยให้หญิงสาวยืนงงงวยอยู่อย่างนั้น “เร็วสิ...ยืนเซ่ออยู่ได้ ฉันไม่มีเวลาให้สำหรับคนอย่างเธอนานนักหรอกนะ” เสียงห้าวตวาดใส่เมื่อหันหลังกลับมาแล้วเห็นว่าหญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่ ณัฏฐนิชก็ก้าวเท้าตามหลังเขาโดยไม่ต่อปากต่อคำอีก รถเก๋งสีดำคันหรูเคลื่อนตัวไปยังท้องถนนที่ทอดยาวเพื่อเดินทางไปยังบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเลนเบิร์คณัฏฐนิชนั่งเกร็งตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ คนขับที่แสยะยิ้มให้ด้วยความดูถูกดูแคลน วันนี้เขาไม่ได้ใช้รถคันที่เขาใช้อยู่ประจำด้วยยังอยู่ที่สถานีตำรวจเพราะถูกยึดไว้เมื่อคืน และยังไม่ได้จัดการไปเอากลับมาจึงใช้คันนี้แทน แต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะเขาไม่อยากให้ผู้หญิงหิวเงินคนนี้มานั่งซ้ำรอยที่ของเพียงอัปสรที่เคยนั่งเคียงคู่กันทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขามีไว้ให้หญิงคนรักเพียงคนเดียวเท่านั้น                                           ทั้งคู่เดินทางมาถึงปากทางเข้าบ้านรถก็ติดไฟแดงตรงสี่แยกทางเข้าบ้านพอดี อคิราห์หันไปมองคนนั่งข้างๆ ที่ก้มหน้าก้มตาอย่างสงบเสงี่ยมด้วยความเกลียดเสียเต็มประดา รู้สึกขยะแขยงตัวเองขึ้นมาครามครันที่เผลอตัวไปเกลือกกลั้วเมื่อคืน “ฉันอยากกินไข่ปิ้งลงไปซื้อให้หน่อย” “เอ่อ...แต่ว่า” ณัฏฐนิชทำหน้าไม่แน่ใจกับคำสั่ง และที่สำคัญรถก็ติดไฟแดงอยู่ด้วยไม่แน่ใจว่าทันเวลาไหมเมื่อมองไปยังแผงขายสิ่งที่เขาต้องการก็อยู่ไกลพอสมควรแถมยังมีคนเข้าคิวรออยู่หลายคนด้วย “ทำไม...เรื่องแค่นี้ทำให้ผัวไม่ได้หรือไง” ริมฝีปากบางถูกเม้มเข้าหากันทันทีกับคำแสลง ใบหน้านวลแดงระเรื่อกับสรรพนามที่เขาใช้ หญิงสาวไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดจึงตัดสินใจเปิดประตูรถเดินไปซื้อสิ่งที่เขาอยากได้ทันที ณัฏฐนิชที่กำลังเข้าคิวรอซื้อไข่ปิ้งหันไปดูตรงถนนทันทีที่ได้ยินเสียงรถออกตัวดังกระหึ่ม และแล้วเธอก็พบว่ารถคันหรูของสามีออกตัวไปแล้วพร้อมกับรถหลายร้อยคันที่ต่างเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพราะดวงไฟสีเขียวดีดสว่างขึ้นแทนที่ไฟแดงเมื่อครู่แล้ว หญิงสาวเอามือกุมอกที่สั่นระรัว นี่เขาหลอกทิ้งเธอไว้ที่นี่หรือ ยังไม่ทันจะคิดทำอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวควานคว้ากดปุ่มรับทันที ‘สงสัยเธอคงต้องเดินเข้าบ้านฉันแล้วล่ะณัฏฐนิช...เธออยากช้าเองนี่พอไฟเขียวขึ้น ฉันเลยต้องรีบ แล้วในซอยนี้มันก็แคบรถก็เยอะจอดรอเธอไม่ได้หรอก รีบตามมานะ อย่าช้าล่ะ อ้อ...ไข่ปิ้งนั่นน่ะฉันไม่กินแล้ว ไม่ต้องซื้อมา’ เสียงต้นสายขาดหายไปแล้วพร้อมกับสัญญาณการติดต่อ หญิงสาวแทบทรุดลงตรงนั้นไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่รูปร่างดีหน้าตาหล่อเหลาการศึกษาสูง หน้าที่การงานก็ดีจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งเธอ ใจจริงอยากหันหลังกลับบ้านแต่ก็รู้ดีว่าทำอย่างนั้นก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัว เขาจะยิ่งโกรธและอาจจะหาวิธีเลวร้ายกว่านี้จัดการเธอ ณัฏฐนิชถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็มองไปยังถนนที่จะนำเธอไปยังบ้านเลนเบิร์ค แม้จะมาที่นี่ไม่กี่ครั้งเธอก็พอจะรู้ว่าในซอยนี้มีแต่บ้านคนรวยๆ ทั้งนั้นรถรับจ้างจึงหาได้ยากเพราะใช้รถส่วนตัวกันหมด แล้วบ้านแม่สามีเธอก็อยู่ไกลออกไปเกือบหนึ่งกิโล ร่างกายเธอก็อ่อนแอเต็มทีหากต้องเดินไปไกลขนาดนั้นไม่รู้ว่าจะทนไหวหรือเปล่า แต่เมื่อไม่มีทางเลือกสองเท้าจึงก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความอ่อนใจ หญิงสาวใช้มือปาดเหงื่อที่ไหลย้อยด้วยความร้อน ดวงอาทิตย์ช่างไม่เป็นใจกับเธอเลย เมื่อคืนมีพายุหนักแท้ๆ วันนี้กลับมีแดดจ้าบวกกับเสื้อผ้าที่ใส่ปกคลุมมิดชิดยิ่งเพิ่มอุณหภูมิเข้าไปอีก ร่างกายก็ปวดเมื่อยไปหมดโดยเฉพาะใจกลางลำตัวยิ่งปวดแปลบทุกย่างที่ก้าวเดิน แต่เมื่อมองไปข้างหน้าใจดวงน้อยก็ชื้นขึ้นมานิดนึง จุดหมายปลายทางของเธอใกล้เข้ามาแล้ว  บ้านหลังใหญ่ราวกับวังโดดเด่นตระหง่านอยู่ไม่ไกล ณัฏฐนิชเริ่มยิ้มออก “!!”เสียงห้ามล้อดังขึ้นใกล้ๆ ขณะเธอทำท่าจะเดินต่อ หญิงสาวจึงหันไปมองตามสัญชาตญาณ “ขึ้นมาสิ...เร็วเข้า” คนข้างในลดกระจกลงออกคำสั่ง “คุณคีม...” เสียงใสแจ๋วแต่ทว่าเล็ดลอดออกมาแผ่วเบาอุทานเรียกชื่อสามี นี่เขาจะเล่นตลกอะไรกับเธออีก ปล่อยให้เดินจวนจะถึงอยู่แล้วก็โผล่จากไหนไม่รู้มาบอกให้ขึ้นรถ “จะยืนมองอีกนานไหน...บอกให้ขึ้นมา” อคิราห์ออกอาการหงุดหงิดทันที เขามาดักรอเธออยู่ตรงทางแยกตั้งแต่ที่หญิงสาวเดินผ่านนานแล้ว อากาศก็ร้อนอบอ้าวถึงจะอยู่ในแอร์ก็เถอะแต่การรอคอยเป็นอะไรที่เขาไม่ชอบสักนิด นี่ถ้าไม่กลัวมารดาฉีกอกเข้าล่ะก็ อย่าได้หวังเลยว่าเขาจะมีเศษน้ำใจเจือจุนให้                                                                                              หญิงสาวที่ยืนบนถนนถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายแล้วก็ต้องเดินมาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถตามคำสั่ง และแล้วชายหนุ่มก็เคลื่อนรถไปยังบ้านหลังใหญ่ของมารดาทันที                                                                                                                                 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม