บทที่ 4 (1)

1644 คำ
“เท่าที่ดูเนื้อความในเอกสารทั้งหมด ฉันว่ามันโอเคแล้ว เซ็นตรงนี้ใช่ไหม?” “อืม เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันเอาไปยื่นให้แผนกออกแบบจัดการเอง” “....” ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ อัลฟ่าร่างสูงทั้งสองกำลังนั่งเจรจาพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจของพวกเขาที่ทำงานร่วมกันอย่างตั้งใจ ทว่าในตอนนั้น...โจเซฟก็ได้จ้องมองมายังเพื่อนสนิทของเขาหลังเซ็นเอกสารตรงหน้าทั้งหมด “นายน่ะ..ไม่ควรทำแบบนั้นนะ” “อะไร?” “กับภรรยาของนาย” จากท่าทางกำลังตั้งใจนั่งอ่านเอกสารงานตรงหน้าเพื่อทบทวนอีกครั้ง นัยน์ตาสองสีก็เหลือบจ้องไปยังเพื่อนของเขาที่นั่งไม่ไกลด้วยสายตาไม่พอใจกับคำพูดดังกล่าว “แล้วนายมาเกี่ยวอะไรด้วย นี่มันเรื่องครอบครัวของฉันนะ” “ก็เพราะเป็นแบบนั้นจะให้ฉันยืนดูเฉย ๆ หรือไง? คิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกันนึกจะตบจะตีไปทั่วแบบนี้ก็ได้เหรอ? เพนก็เป็นมนุษย์นะ หรือเพราะนายเห็นเขาเป็นโอเมก้าก็เลยทำแบบนั้น” “คนอย่างนายจะไปรู้อะไร ไม่ได้อยู่ร่วมชายคาบ้านนี้สักหน่อย นายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไอ้เพนมันด้วยซ้ำ หรือว่ามันไปยืนอ่อยนายที่สวนเมื่อกี้กันล่ะ?” “อย่ามาพูดจาเฮงซวยแบบนั้นเชียวนะ! ถ้าไม่เห็นแก่ที่เราเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีแล้วยังเป็นคู่ค้าพันธมิตรกันอยู่ ฉันไม่คบกับนายจนถึงตอนนี้หรอกน่ะ” “อ๋องั้นเหรอ? งั้นก็ขอบใจที่ยังคบฉันเป็นเพื่อนอยู่จนถึงตอนนี้แล้วกัน” ใบหน้ายิ้มเยาะปรากฏขึ้นมาเล็กน้อยพลางเอนกายพิงกับเบาะเก้าอี้เพื่ออ่านเอกสารให้จบ ก่อนเตรียมตัวเข้าประชุมในช่วงบ่ายสามที่กำลังจะถึงในเร็ว ๆ นี้ “นายเปลี่ยนไปมากนะรู้ไหม ตั้งแต่รู้ตัวว่าได้หมั้นกับเพนนายก็ไม่ได้ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งแต่งงานกันแล้วยิ่งไปกันใหญ่ กลายเป็นพวกอันธพาลไปแล้ว” “ก็เพราะว่าตอนนั้นฉันมี!” “ฉันรู้ นายมีแฟน พาแฟนไปเปิดตัวกับพ่อแม่แต่พวกท่านไม่ยอมรับเพราะคู่หมั้นที่หามาให้นั้นดีกว่า แต่แล้วยังไงล่ะ? นายไม่ได้ชอบเพนก็ไม่ควรจะทำกับเขาแบบนี้สิ” “เพราะเจ้านั่นมันคอยเอาแต่ส่งคนตามรังควานแฟนเก่าฉันไม่เลิก กดดันให้เราเลิกกันอยู่นั่น ต่อให้เลิกกันไปก็ยังไม่ยอมเลิกราวีสักที นายไม่เห็นหรือไง?! ไอ้เรื่องที่ร้านกาแฟครั้งนั้นก็เป็นฝีมื-” “นายยังคิดว่าสาเหตุที่ไฟไหม้ร้านกาแฟของแฟนเก่านาย มันเป็นเพราะเพนสั่งให้คนไปทำแบบนั้นเหรอ? นายก็เห็นอยู่ เจ้าหน้าที่เขาแจ้งว่าไฟมันลัดวงจร เฮ่อ ช่างเถอะ ฉันกลับดีกว่า” คงเพราะรู้ว่ายิ่งคุยเรื่องก็คงไม่จบง่าย ๆ โจเซฟจึงลุกจากโซฟาตัวใหญ่ ๆ ในห้องทำงานของฟิลิปส์ พร้อมเก็บปากกาของเขาใส่ลงไปในกระเป๋าและตั้งท่าจะเดินจาก “นี่” นัยน์ตาสีเทาอ่อนหันกลับมาสบตากับเพื่อนของเขาอีกครั้งเมื่อทักออกไป “นายอาจจะหาว่าฉันขี้เสือกที่ชอบเข้ามาจุ้นจ้านกับเรื่องของชาวบ้านแต่... ต่อให้นายไม่ชอบเพนมากขนาดไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่นายต้องไปทำร้ายเขาถึงขนาดนั้น นายก็ลองเลือกเอาแล้วกันพ่ออัลฟ่า จะทนอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ มีทุกอย่างพร้อมแต่ไม่รู้สึกถึงความสุข หรือจะออกไปหาความสุขของตัวเองแล้วค่อยตั้งตัวขึ้นมาใหม่ ฉันพูดได้แค่นี้แหละ” ประตูบานใหญ่ถูกปิดลงไปเมื่อใครคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องทำงาน ในขณะที่เจ้าของบ้านค่อย ๆ ลุกจากเก้าอี้หลังนั่งพิงอยู่สักพัก แล้วเดินไปยืนอยู่ริมหน้าต่างจ้องมองสวนสวย ๆ เบื้องล่าง “....ความสุขเหรอ?” นัยน์ตาสองสีมองไปยังร่างของชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ในสวนกำลังมองผ้าพันแผลบนมือของตัวเองที่พึ่งทำความสะอาดล้างแผลมาใหม่ ๆ ว่าแล้วฟิลิปส์ก็ถอนหายใจและเดินกลับเข้าไปทำงานของตัวเองก่อนออกเดินทาง “คุณหนูคะ มาทำอะไรที่ห้องครัวดึก ๆ เวลานี้คะเนี่ย?” “โอ๊ะ แมรี ยังไม่หลับเหรอครับ? พอดีผมหิวน่ะ ก็เลยมาทำแซนด์วิชไข่กิน แต่ดูเหมือนจะทำเยอะไปหน่อยน่ะครับ ช่วยผมกินหน่อยได้ไหม?” ในคืนของวันเดียวกัน เพนตัดสินใจเดินลงมายังห้องครัวเพื่อทำอะไรกินรองท้องก่อนนอนด้วยความหิว แต่แล้วคุณแมรีที่กำลังจะไปเข้านอนก็ได้เข้ามาทักทาย “แย่จัง ฉันพึ่งทานข้าวมาเมื่อครู่นี้เองค่ะคุณหนู ขอโทษนะคะ~” “ฮ่าฮ่า งั้นเหรอครับ ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวผมแช่ตู้เย็นเอาไว้อุ่นทานพรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงก็ราตรีสวัสดิ์นะครับ” “ค่ะ คุณหนูเองก็รีบขึ้นไปนอนได้แล้วนะคะ” หญิงสาวเดินกลับห้องพักของเธอด้วยท่าทางเสียดาย ในขณะที่เพนยังอยู่ในครัวต่ออีกสักพักเพื่อเตรียมของกินสำหรับมื้อดึกและเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดให้เข้าที่ “ทำเกินมาสองชิ้นแหนะ สงสัยคงต้อง...” นัยน์ตาสีฟ้าเงยหน้าจ้องมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในครัวสักครู่หนึ่ง ไม่นานความคิดบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นมา ก่อนเจ้าตัวจะเดินไปหยิบปากกาและโพสอิทของแม่ครัวที่เอาไว้ใช้แปะบนปฏิทินมาร์ควันสำคัญ ๆ เอาไว้ ขึ้นมาเขียนข้อความบางอย่างลงไป [ถ้าไม่กินก็เอาแช่ตู้เย็น อย่าทิ้ง] เมื่อเขียนข้อความเสร็จแล้ว เขาก็จัดแจงเอาพลาสติกสำหรับห่ออาหารมาห่อแซนด์วิชกับจานนั้นไว้ แล้วแปะโพสอิทลงที่ขอบจานเด่น ๆ ก่อนจะวางจานบนเคาน์เตอร์ตรงกลางพอให้มองเห็นชัดเจน “คงจะเห็นแหละมั้ง” ชายหนุ่มจ้องมองผลงานตัวเองสักพัก ไม่นานก็หยิบจานแซนด์วิชไข่ของเขากับนมอุ่น ๆ เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อหวังทานมันก่อนเข้านอน จนกระทั่งมาถึงช่วงเช้าในวันถัดมา “แมรี” น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าวกับแม่บ้านคนสนิทของเขา ขณะยืนเกาะประตูห้องของตัวเองแล้วคอยชำเลืองมองโถงทางเดินหน้าห้องราวกับตรวจสอบอะไรบางอย่าง “คะคุณหนู?” “ฟ..ฟิลิปส์ไปทำงานหรือยัง?” “ตั้งแต่เช้าฉันไม่เห็นคุณฟิลิปส์เลยนะคะ ให้ไปถามแม่บ้านคนอื่น ๆ ให้ไหมคะ?” “อ่า ไม่ล่ะ ๆ” เมื่อได้รับคำตอบแสนกำกวม จากเคยยืนเกาะประตูเงียบ ๆ อยู่หน้าห้องก็ยอมเดินออกมาเดินนอกโถงทางเดินด้วยชุดนอนสภาพที่พึ่งตื่น “เวลาสายป่านนี้แล้วคงไปทำงานแล้วล่ะ ลงไปหาอะไรกินดีกว่า” เขาก้าวลงมาจากบันไดด้วยท่าทางสบายใจ เมื่อฟิลิปส์ไม่อยู่ที่บ้านหลังนี้ บรรยากาศกดดันจนแทบหายใจไม่ออกก็จะหายไปในทันที กระทั่งเดินลงมาถึงชั้นล่างแล้วรีบเลี้ยวเข้าหัวมุมเพื่อตรงไปยังห้องครัวใกล้ ๆ ชายหนุ่มก็เผลอหน้าไปกระแทกกับใครบางคนเข้าอย่างจัง “หวะ?! โอ๊ย ขอโทษครับเป็นอะไรไหม? อึก?!” ใบหน้าผละออกมาด้วยความเจ็บเพราะกระแทกเข้าไปเต็มแรงแล้วรีบกล่าวขอโทษในทันที แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า อาการหายใจติดขัดของเพนก็บังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน “ฟะ..ฟิ...” “....” ร่างสันทัดไม่อาจพูดอะไรออกไปได้ คงเพราะเรื่องเมื่อวานที่ไม่ว่าจะกล่าวขอโทษหรือทำอะไรเพื่อทดแทนได้บ้าง แต่ก็ดูจะไม่ถูกใจเจ้าของร่างผู้ยืนขวางทางอยู่ตรงหน้าเช่นฟิลิปส์ได้เลย สุดท้ายเจ้าตัวจึงทำได้แค่ก้มหน้าแล้วรีบเดินหนีไปยังห้องครัว “เดี๋ยว” เพียงเดินออกมาได้เล็กน้อย ข้อมือก็ถูกดึงเข้าไปเพื่อรั้งเอาไว้อย่างแรงจนเพนแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา ก่อนหันกลับไปสบตาฟิลิปส์ด้วยท่าทางระแวดระวัง “ผม..เจ็บครับ” นัยน์ตาสองสีจ้องมองข้อมือของเพนที่เจ้าตัวเผลอบีบไว้จนแน่น ไม่นานก็คลายแรงบีบนั้นลงแล้วหันกลับมามองชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง “อาทิตย์หน้าเรามีนัดไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดประธานแดเนียลที่ร้านอาหาร” “แล้วยังไงครับ คุณก็ไปคนเดียวสิ” “เราต้องไปด้วยกัน ช่วยหัดทำตัวดี ๆ ปั้นหน้ายิ้มให้เหมือนคู่รักคนอื่นด้วย นายถนัดทำแบบนั้นนี่?” “.....จะพูดแค่นี้ใช่ไหม? ผมต้องไปกินข้าว” “แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่ลงมากินข้าวเช้าพร้อมกันล่ะ” “ก็แค่ไม่อยากทำให้รู้สึกว่าการมีผมอยู่ตรงหน้าเวลาทานข้าวมันเสียรสชาติ คุณรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอครับฟิลิปส์ รีบไปทำงานสิ” พอตั้งท่าจะดึงมือกลับไป ก็ยังถูกอีกฝ่ายรั้งข้อมือนั้นไว้อีกครั้ง ฟิลิปส์หันกลับมามองฝ่ามือที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขาจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมขยับปากพูดอะไรบางอย่างออกมา “เมื่อวาน ฉันทำเกินไป” “...?” นัยน์ตาสีฟ้าอัญมณีจ้องมองท่าทางแปลก ๆ ของฟิลิปส์ ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังจะพูดขอโทษออกมา แต่ก็เก็บคำพวกนั้นเอาไว้ในปากไม่ยอมพูดสักที ทว่าสายตาอันเคยจ้องมองอย่างสงสัยก็ดันไปมองอะไรบางอย่างที่ทำให้สีหน้าของเพนถึงกับนิ่งชะงักด้วยความตกใจ “...เฮ่อ ช่างเถอะ อะ..อะไร?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม