ตอนที่ 2 ตื่นขึ้นอีกครั้ง

1424 คำ
ตอนที่ 2 ตื่นขึ้นอีกครั้ง เมฆดำตั้งทมึนลอยเด่นอยู่เหนือศรีษะ สายลมพัดโบกใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลม หลังจากนั้นไม่นานนัก สายฝนก็โปรยกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง แม่นมซิ่วกับถิงถิงวิ่งวุ่นกับการหาสิ่งของ มารองน้ำฝนที่ไหลเจิ่งนองพื้นเรือน ด้วยหลังคาที่เก่าจนผุพัง ทั้งยังไม่ได้รับการดูแลซ่อมแซม จึงทำให้เวลาที่มีฝนตกหรือตอนที่หิมะกำลังละลาย พื้นเรือนจะเปียกชื้นเป็นพิเศษ ทั้งสองคนต่างก็วุ่นอยู่กับหน้าที่ของตน โดยไม่ได้รับรู้เลยว่า คนที่นอนอยู่บนที่นอนไม่มีลมหายใจหลงเหลืออยู่แล้ว สายฝนโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ จากที่มีเพียงแค่ลมกับฝน ก็ตามมาด้วยประกายแสงวูบวาบสีเงินและเสียงกัมปนาทที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ พื้นดินสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ เสียงกรีดร้องดังออกมาจากภายในห้องนอน ทำให้ทั้งสองคนที่กำลังถูพื้นถึงกับหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่ทั้งสองจะผุดลุก และรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที เมื่อเข้ามาภายในห้องนอน ก็เห็นคุณหนูของพวกนางนั่งคดคู้อยู่ในมุมหนึ่งของห้องนอน เนื้อตัวสั่นสะท้านคล้ายกับคนกำลังตื่นกลัวอะไรสักอย่าง ยังไม่ทันที่แม่นมจะเปิดปากถามอะไรออกมา เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาหนิงฮวาถึงกับผวา ควานหาที่หลบภัยให้กับตนเอง เมื่อเห็นดังนั้น แม่นมซิ่วก็รีบเข้าไปกอดปลอบคุณหนูของนาง โดยที่มีถิงถิงประกบหนิงฮวาอยู่อีกด้าน ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าหนิงฮวาจะเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยกลัวฟ้าฝน แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้กรีดร้องดังลั่นถึงขนาดนั้น แม้จะสงสัยมากแค่ไหน แต่ทั้งสองก็ยังคงปลอบประโลมไม่ห่าง จนร่างกายที่สั่นเทาจากการสะอื้นไห้ของหญิงสาวเริ่มดีขึ้น ถิงถิงจึงผละออกจากหญิงสาว แล้วเดินไปจัดเตรียมที่นอนให้กับหนิงฮวา จากนั้นก็ช่วยแม่นมซิ่วประคองหนิงฮวามานั่งบนที่นอน อ้อมกอดอบอุ่นที่คอยโอบอุ้ม ทำให้หนิงฮวารู้สึกทั้งอบอุ่นและปลอดภัย เวลาผ่านไปไม่นาน หนิงฮวาก็หลับไปอีกรอบ เมื่อเห็นว่าหนิงฮวาหลับดีแล้ว ถิงถิงจึงขอตัวออกไปทำงานด้านนอก ด้วยพื้นด้านนอกยังคงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน นางต้องคอยทำความสะอาดให้พื้นไม้แห้งอยู่ตลอด เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการลื่นล้ม เวลาที่ต้องเดินในตอนที่มืดๆ เพราะว่าเรือนของพวกนาง ไม่มีเชื่อเพลิงมากพอที่จะใช้จุดทั้งคืน ก่อนที่จะเข้านอน จึงต้องดับตะเกียงทุกดวง “แม่นมเฝ้าคุณหนูที่นี่เถอะเจ้าคะ งานด้านนอกเดี๋ยวข้าจัดการเอง” นางกลัวว่าหากคุณหนูของนางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วไม่เห็นใครจะเกิดอาการเหมือนเมื่อสักครู่นี้ อีกทั้งงานที่อยู่ด้านนอกก็ไม่ได้มีอะไรมากแล้ว ทำคนเดียวก็ไม่ถือว่านักมาก “ข้าจะดูคุณหนูให้เอง เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก” “ดูแลคุณหนูดีดีนะเจ้าคะ” ก่อนที่จะเดินออกไป อิงอิงก็ได้หันมากำชับแม่นมอีกครั้ง ด้วยความเป็นห่วง ทางด้านของแม่นมก็ถึงกับยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ในความเป็นหว่งที่ดูจะเกินไปของถิงถิง แม้ว่าถิงถิงไม่กำชับ นางก็ต้องดูแลคุณหนูอย่างดีอยู่แล้ว นางดูแลคุณหนูของนางมาตั้งแต่แบเบาะ นางจะกล้าละเลยคุณหนูของนางได้อย่างไร แม่นมซิ่วจัดท่าจัดทางในการนอนให้กับหนิงฮวา ก่อนที่จะห่มผ้าให้อีกชั้นหนึ่ง ด้วยฝนที่ตกหนักนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที ทำให้อากาศหนาวเย็นกว่าที่เคย แม่นมซิ่วกลัวว่าอาการป่วยของคุณหนูของนางจะทรุดลงไปอีก กลางดึก ในขณะที่ผู้คนต่างก็หลับไหลกันหมดแล้ว เปลือกตาสีมุกก็มีการกระเพื่อมไหวสองสามที ก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นมา จากนั้นก็มองไปรอบๆ ห้อง ที่นี่ที่ไหน ก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่า เธอถูกจับตัวไปเค้นเรื่องที่อยู่ของเพื่อนรักของเธอ แต่ไม่ว่าคนขององค์กรจะทรมานเธอด้วยวิธีใด ตัวเธอไม่ยอมปริปากบอกแม้แต่ครึ่งคำ ด้วยกลัวว่าองค์กรจะใช้เธอเป็เหยื่อล่อ ให้เพื่อนของเธอยอมปรากฏตัว เธอจึงตัดสินใจกินยาพิษที่เคยขอจากเพื่อน หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย เธอน่าจะตายไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ในที่แบบนี้ได้ จะบอกว่าเป็นที่คุมขังแห่งใหม่องค์กรก็ไม่น่าจะใช่ ด้วยสภาพห้องที่ทรุดโทรมเช่นนี้ เธอวิ่งชนแรงๆ สักหน่อยก็น่าจะพังแล้ว หรือเธอถูกนำมาทิ้ง ขณะที่กำลังนึกหาความเป็นไปได้ สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสองร่าง ที่นอนอยู่ไม่ห่างจากเธอมากนัก และด้วยความมืดมิดในยามค่ำคืน ทำให้เธอมองเห็นทั้งสองได้ไม่ถนัดตา แต่เท่าที่ดูจากรูปร่าง ก็น่าจะเป็นผู้หญิง และก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น คนที่นอนหลับอยู่ก็ดันตื่นขึ้นมา ด้วยสัญชาตญาณมือเล็กรีบคว้าจับอาวุธที่เอว แต่กลับพบกับความว่างเปล่า หญิงสาวหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาสิ่งของที่น่าจะใช้เป็นอาวุธได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หาไม่ได้สักที ตรงที่ที่เธอนอนอยู่ มีเพียงแค่ผ้าห่มกับหมอนเท่านั้น ของแค่นี้จะเอาไปสู้อะไรกับใครได้ “คุณหนู ตื่นขึ้นมาทำไมหรือเจ้าคะ” น้ำเสียงอ่อนโยนจากคนที่พึ่งตื่น ทำให้มือที่กำลังควานหาอาวุธในความมืดถึงกับหยุดชงัก คนตรงหน้าเรียกเธอว่าคุณหนูอย่างนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ก็เธอเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าที่ถูกองค์กรนักฆ่าเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น จะไปเป็นคุณหนูได้อย่างไร ทักคนผิด ผู้หญิงคนนี้ต้องทักคนผิดอย่างแน่นอน “มีอะไรให้นมช่วยหรือเปล่าเจ้าคะ” เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางไม่ยอมตอบ แม่นมซิ่วก็เอ่ยถามอีกครั้ง เพราะเมื่อตอนเย็น คุณหนูของนางไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกนั่งด้วยตนเอง แต่ตอนนี้ หญิงสาวกลับลุกขึ้นนั่งเอง เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ป่วยอะไรเลย หญิงสาวหันซ้ายหันขวา มองหาคนที่หญิงวัยกลางคนตรงหน้าคุยด้วย แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ภายในห้องแคบๆ แห่งนี้ ก็มีเพียงพวกนางสามคนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็กำลังหลับอยู่ ฉะนั้น คนที่หญิงตรงหน้าถามคือเธอใช่หรือไม่ แต่หญิงคนนี้เรียกเธอว่าคุณหนู ซึ่งเธอไม่ได้เป็นคุณหนูสักหน่อย แล้วทำไมถึงได้เรียกเธอแบบนั้นล่ะ “ถามฉัน” น้ำเสียงแหบแห้งถูกเปล่งออกอย่างยากลำบาก จนหญิงสาวต้องยกมือขึ้นมาลูบลำคอเบาๆ แม่นมซิ่วเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาว ก็รีบลุกออกไปด้านนอก ก่อนที่จะกลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยชาในมือ ก่อนที่จะยื่นให้กับคุณหนูของนาง หญิงสาวมองถ้วยชาที่อยู่ในมือของหญิงตรงหน้าด้วยความระแวดระวัง ด้วยเกรงว่านางจะใส่อะไรลงไปในนั้น แต่ด้วยความกระหายที่มีมากกว่า สุดท้ายแล้วเธอจึงเอื้อมมือไปหยิบจอกชาขึ้นมาดื่ม “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ดีขึ้นบ้างหรือไม่” เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนดื่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งแม่นมซิ่วก็ได้รับการตอบรับโดยการพยักหน้ากลับมา แต่เพียงชั่วอึดใจต่อมา แม่นมซิ่วถึงกับทำถ้วยชาหลุดมือ เมื่อหญิงสาวเอ่ยถาม “ป้าเป็นใคร”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม