THE HEARTLESS : 03

1115 คำ
เฮือกกก!!! ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เหงื่อผุดออกเต็มใบหน้า หัวใจกระหน่ำเต้นโครมๆ จนแทบจะหลุดออกมา ลำคอแห้งผาก ตัวชาไปทั้งตัวจนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะที่มีอันน้อยนิดกลับมา ฝันร้าย...มันแค่ฝันร้ายที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น มือเล็กถูกยกขึ้นเช็ดเหงื่อตามกรอบหน้าพร้อมกับพยุงตัวขึ้นนั่งก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง ตื่นก่อนเวลาเหมือนทุกๆ วันอีกตามเคย ฝันบ้าบออะไรได้ทุกวี่ทุกวัน...ไม่เข้าใจ ฉันลุกขึ้นจากที่นอนขนาดคิงไซซ์ที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าปูสีโรสตามสไตล์ที่ฉันชอบ และหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปทันที ทุกอย่างในห้องถูกตกแต่งได้ตามที่ฉันต้องการทุกอย่าง สุดท้ายแล้วคุณพ่อก็ยังเอาใจใส่ฉันอย่างละเอียดอ่อนในทุกเรื่องเหมือนเดิม เหมือนที่ท่านพยายามทำมาตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับแม่ ท่านมักจะมีของขวัญที่ถูกใจส่งให้ฉันตลอดทุกๆ เดือน ไม่เคยขาดจนไม่มีที่จะเก็บ จะมีก็แต่ระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมาเพราะฉันไม่ได้ติดต่อกลับมาหาใครสักคนเลย ลมหายใจถูกพ่นออกมาจากปากฟู่ใหญ่เพื่อคลายความกังวลใจอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายใบโปรด กุญแจรถและคีย์การ์ดเปิดประตูออกมาจากห้องตรงไปกดลิฟต์ทันที ติงงง “ดิน! /โรส!!” พอประตูลิฟต์เปิดออก ฉันก็หลุดเรียกชื่อคนข้างในออกมาเสียงดังด้วยความตกใจในขณะเดียวกัน คนข้างในก็ตกใจเรียกชื่อฉันเสียงดังไม่แพ้กัน นี่มันอะไรกัน พวกเขามาอยู่ที่นี่กันหมดเลยเหรอ ดินเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของฉัน ธาม ดิน และฉัน พวกเราโตมาด้วยกันทั้งสามคน และดินรู้ทุกเรื่องของฉันกับธาม แต่เดี๋ยวนะ...ทำไมดินถึงดูตกใจขนาดนั้น พวกเขาไม่คุยกันรึไงนะ หรือธามไม่พูดถึงฉันให้ดินฟังเลยยังงั้นเหรอ ทำไมใจร้าย... ระหว่างที่ฉันกำลังประมวลผลภาพเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ผ่านมาสองสามวันนี้อยู่ ซึ่งฉันไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรเขาทั้งสองคนถึงมาอยู่ที่นี่ ร่างฉันก็ถูกดันเข้ามาในลิฟต์ด้วยแผงอกของคนตัวโตที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ใช่ซิ...เขาไม่ได้ดันฉันเข้ามาแต่เพราะฉันยืนเกะกะขวางทางอยู่ต่างหากเหมือนเขาเดินชนเศษผงเศษฝุ่นอะไรสักอย่างยังไงยังงั้น...ฮึก เจ็บปวด สายตาที่ไม่มีแม้แต่เงาของฉันอยู่ มือที่ไม่แม้แต่อยากสัมผัสแตะต้องฉัน ก่อนที่เขาจะหันหลังไปกดปุ่มที่ผนังพร้อมกับประตูลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนปิดเข้าหากัน ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ภายในลิฟต์ด้วยนัยน์ตาสั่นไหว “นึกว่าตายไปแล้วซะอีก” เสียงของดินปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์และหันหน้ากลับมาทางประตูลิฟต์ ฉันเหลือบตามองคนพูดที่ตอนนี้ยืนเอาข้างลำตัวพิงลิฟต์มองฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา เขาคงมีคำถามเต็มหัวไปหมด ไม่ต่างจากฉัน แต่ประโยคแรกที่หลุดออกมาก็กัดฉันซะล่ะ นี่แหละคือนายปฐพี เดชาพิพักษ์ อย่างไม่มีข้อสงสัย ปากเสียเป็นเอกลักษณ์ ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม “สาบานว่านั่นปาก” “หึ...แล้วทำไมถึงมาโผล่อยู่นี่” ดินยกยิ้มให้ฉันแบบกวนๆ ก่อนจะถามขึ้นเสียงเรียบ ไม่ใช่แค่ดินหรอก ฉันเองก็อยากถามคำถามนี้เหมือนกัน “คือ...แม่รันเสียแล้ว เราก็เลยต้องกลับมาอยู่กับคุณพ่อที่นี่” ฉันพูดขึ้นเสียงอ่อยอย่างหดหู่ ฉันอยู่กับแม่แค่สองคนมาตลอด พอไม่มีท่านแล้วมันก็เหมือนตัวคนเดียวบนโลกยังไงก็ไม่รู้ “คุณน้ารันเสียแล้ว?” ดินยืดตัวยืนตรงและหันมาถามย้ำฉันด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตระหนกไม่น้อย ดีที่เขายังมีความรู้สึกต่างกับอีกคนที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาเหลือบมองแผ่นหลังของธามเป็นระยะๆ ฉันแอบหวังว่าเขาจะตกใจหรือไม่ก็หันมามองฉันบ้าง แต่ก็ไม่เลย... “อืม เมื่อสองเดือนก่อน” “เสียใจด้วยนะ แล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่ดีๆ ก็หายไป ทำไมไม่ติดต่อกลับมาเลย พวกฉันแทบจะพลิกแผ่นดินหา รู้ไหมว่าไอ้ธะ” “เงียบ! รำคาญ” ดินยังไม่ทันพูดจบประโยค คนที่ยืนเงียบมาตั้งนานก็ตวาดขัดขึ้นมา จนฉันถึงกับสะดุ้งโหย่งไม่กล้าพูดอะไรต่อ ดินเองก็เหมือนกันเม้มปากเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง ฉันเพิ่งได้ยินเสียงเขาในรอบสี่ปี เสียงที่ฉันโคตรจะคิดถึง แต่กลับกลายเป็นเสียงที่สั่งให้ฉันหยุดพูด เขาคงไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงฉันซินะ เขายอมใช้อากาศร่วมกับแกก็ดีแล้วไหมโรส.. แต่ก็ไม่รู้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรของฉัน นี่ฟ้าแกล้งฉันไปถึงไหน พื้นที่ประเทศไทยตั้งกว้างใหญ่ กลับต้องมาอยู่จังหวัดเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน คอนโดเดียวกันและที่ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ชั้นเดียวกัน เหอะ...เอาอีกเซ่...แน่จริงเอามาอยู่ห้องตรงข้ามกันเลยดิ เอาให้มันเจ็บหนักๆ ไปเลย สวรรค์หนอสวรรค์ ไม่เข้าข้างฉันเลยสักนิด ฉันเจ็บปวดนะรู้ไหม ติ้งงง พอประตูลิฟต์เปิดออกดินก็เดินออกเป็นคนแรกและตามด้วยธาม มือเล็กยกขึ้นอยากจะคว้าเขาเอาไว้แต่ก็ทำได้แค่กำอากาศที่อยู่รอบตัวเขาเท่านั้นและดึงมันกลับมาแนบข้างลำตัวเหมือนเดิม ฉันมีสิทธิ์อะไรไปแตะต้องเขา...บ้าจริง ร่างหนาตรงหน้าก็ดูเหมือนชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะเร่งฝีเท้าตามเพื่อนรักตัวเองไป ฉันถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะก้าวเท้าออกจากลิฟต์และชะงักไปเหมือนธามเมื่อกี้นี้เลย เพราะภาพตรงหน้าคือเงาสะท้อนของตัวเองชัดแจ๋วในกระจกบานใหญ่ที่ติดกับผนังตรงข้ามลิฟต์พอดิบพอดี ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ธามต้องเห็นแน่ๆ ว่าฉันกำลังจะทำอะไร โอ๊ย...เกลียดกระจกบานนี้ ทุบทิ้งไปเลยได้ไหมเนี่ย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม