**ไอแซค**
“ฉันเกือบจะจบทุกอย่างได้... ใกล้มากที่จะบีบคอเด็กสาวคนนั้น ซึ่งเป็นความทรงจำอันโหดร้ายของการมีอยู่ของเซบัสเตียน พ่อของเธอ ฉันต้องการรู้สึกถึงคอที่เปราะบางของเธออยู่ระหว่างนิ้วของฉันและบีบมันด้วยความแรงทั้งหมดที่มี บีบและเพลิดเพลินกับความเปราะบางที่มอบให้ในสถานการณ์ที่น่าอภิรมย์นี้ สำหรับช่วงหนึ่งฉันไม่เห็นเจตซาเบ ฉันเห็นเพียงใบหน้าของลูกคนชั่วที่ทำลายชีวิตของฉัน มันเหมือนกับว่าชีวิตกำลังมอบรางวัลให้ฉัน โดยมอบโอกาสที่สองในการทำให้การแก้แค้นนั้นหวานชื่น”
ทันใดนั้น ฉันก็หลงไปในดวงตาของเธอ ในความมืดมิดของมัน ในความหวานที่มากเกินไปที่สะท้อนกลับออกมา มันคือช่วงเวลาเดียวกันที่ฉันถอนตัวออก เธอคือเจตซาเบ คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับทุกสิ่งที่พ่อของเธอเคยทำในอดีต
“ฉันกำลังต่อสู้กับปีศาจของตัวเอง มาถึงบทสรุปที่น่าเศร้าว่าฉันควรปล่อยให้เธออยู่ในความสงบ เจตซาเบเป็นคนบริสุทธิ์ เธอไม่รู้แม้แต่ประเภทของสัตว์ประหลาดที่เธออาศัยอยู่ด้วย และยิ่งไปกว่านั้น สัตว์ประหลาดที่เคยเป็นพ่อของเธอ ไม่สำคัญว่าฉันจะฆ่าเซบัสเตียนกี่ครั้ง ฉันจะไม่มีทางรู้สึกพอใจ เพราะการกระทำของฉันไม่สามารถคืนความรักที่อิซาเบลได้คืนให้ฉัน”
“จมอยู่ในความคิดที่ปั่นป่วนของฉัน ฉันไม่สะดุดตัวเองว่าอีกครั้งฉันมาหยุดที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของฉัน บ้านของอิซาเบล ฉันจอดรถห่างไปไม่กี่เมตร ปิดเครื่องยนต์ และลงจากรถ ฉันต้องการเห็นเธอ แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ และจากระยะไกล ฉันต้องการรู้ว่าเธอสบายดี ว่าชีวิตของเธอโดยไม่มีฉันนั้นดีกว่าชีวิตของฉันที่ไม่มีเธอ จากที่ที่ฉันอยู่ ฉันสามารถมองเห็นห้องนั่งเล่นของเธอได้อย่างชัดเจน และเห็นเธอกำลังโต้เถียงกับสามีที่ไร้รสในขณะที่พวกเขาถกเถียงกันอย่างแข็งกร้าว”
“ฉันถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ฉันยากที่จะเชื่อว่าเรากลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้วว่ารักทั้งหมดที่เรามีให้กันนั้นได้กลายไปเป็นเรื่องในอดีต ฉันกล้าพูดว่ารักของฉันนั้นยังคงอยู่ มันเป็นมากกว่าที่เคยแต่ความรักของเธอกลับถูกทำให้สูญสิ้นไปในมือฉัน รอยยิ้มขมขื่นปรากฏบนใบหน้าของฉัน ขณะที่ฉันพิงหลังกับลำต้นของต้นไม้เพราะขาของฉันอ่อนแรง”
“การเห็นเธอหลังจากผ่านไปหลายปีทำให้พลังงานของฉันหมดลง บางสิ่งหมุนวนอยู่ภายในตัวฉันและมันเจ็บปวดที่กลางอก ไม่สามารถไม่ฟื้นฟูความทรงจำเกี่ยวกับช่วงเวลานั้นได้ ช่วงเวลาที่เราเคยมีความสุขมากมาย แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงไป…”
**สิบหกปีที่แล้ว...**
“ฉันเดินไปมาอย่างร้อนใจจากมุมหนึ่งของห้องไปอีกมุมหนึ่ง รอบตัวมีแต่ความมืดมิด ขณะที่ความวิตกกังวลเข้าครอบงำฉัน อิซาเบลยังไม่กลับมาจากโรงเรียน และไม่ว่าฉันจะโทรหากี่ครั้ง โทรศัพท์ของเธอก็ปิดอยู่เสมอ ตอนนี้เกือบถึงเที่ยงคืนและเธอไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน มีบางอย่างเกิดขึ้น ฉันต้องค้นหาว่าเธออยู่ที่ไหนและกับใคร”
“การที่พ่อของเราตายไม่ได้หมายความว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เธอเป็นแค่เด็กสาวอายุสิบหกปีเท่านั้น และพ่อของฉันได้มอบหมายให้ฉันดูแลเธอด้วยชีวิตหากจำเป็น เพียงแค่คิดว่าเธออาจอยู่กับใครสักคนทำให้ฉันบ้าไปเลย การคิดว่าใครอีกคนอาจจะสัมผัสสิ่งที่เป็นของฉันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก ความหึงหวงมันมีมากมายจนทำให้ฉันรู้สึกโกรธจนแทบระเบิดได้ อิซาเบลเป็นของฉัน โดยอำนาจของพระเจ้าเธอเป็นของฉัน เราสัญญาว่าจะรักกันจนวันสุดท้ายของชีวิต แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างฉัน”
“เสียงของเครื่องยนต์ทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ ฉันก้าวไปที่หน้าต่างสองก้าวและเห็นรถสีขาวจอดอยู่ข้างบ้าน ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงจากรถ เขาสูงและมีกล้ามเนื้อ ผมสีเข้มและชี้ฟู มีคลื่นที่ซุกซน จากระยะนี้ฉันไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ข้างนอกมืดมากและไม่เห็นชัดสิ่งที่ฉันสรุปได้คือเขาแก่กว่าอิซาเบล พูดแบบนี้ ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังจมลงไปยังสถานการณ์ที่แย่กว่า”
“ชายหนุ่มเร่งรีบเปิดประตูคนขับ จากนั้นอิซาเบลก็ออกมา เธอเป็นใครอีกล่ะ? ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่? เขาแก่กว่ามาก อิซาเบลยังเป็นแค่เด็กยังมีความเป็นผู้หญิงน้อยมาก แต่เธอก็ยังเป็นเด็กอยู่ ฉันหยุดนิ่งเมื่อเห็นชายคนนั้นอัดร่างเธอกับรถและจูบเธออย่างร้อนแรง รอยจูบที่เธอตอบสนองนั้นมีความรุนแรงเช่นเดียวกัน ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันสั่นสะท้าน จึงต้องยึดเกาะกับกรอบหน้าต่าง ดวงตาของฉันเจ็บปวดและอกฉันเหมือนถูกบีบรัด รู้สึกเหมือนฉันกำลังจะสูญเสียอิซาเบล ฉันกำลังเห็นว่าทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าที่สุดของฉันถูกแย่งชิงไป และฉันทำอะไรไม่ได้เพื่อป้องกันมัน”
“ฉันเริ่มร้องไห้และรู้สึกท้อแท้ต่อสถานการณ์นี้ พวกเขาหยุดจูบ แต่แล้วอิซาเบลก็โอบแขนรอบคอของเขาและเริ่มจูบเขาอีกครั้งอย่างรุนแรง ระหว่างที่พวกเขาจูบก็หัวเราะและเล่นสนุกกัน เสียงหัวเราะของพวกเขากระทบหูฉัน ในขณะที่การกระทำของพวกเขาทำให้หัวใจฉันเจ็บปวด ฉันรู้สึกเจ็บปวด แตกสลายและเหมือนเป็นสิ่งของเก่าที่สูญเสียคุณค่า ฉันต้องทำอะไรบางอย่าง ฉันไม่สามารถสูญเสียเธอได้ เธอไม่สามารถหยุดรักฉันได้ หลังกำลังทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพียงแค่คิดว่ามันจะมีความสุขกับคนอื่น เป็นไปไม่ได้ ชายคนนั้นต้องหายไปจากชีวิตเรา และยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
“ฉันทิ้งห้องไปอย่างรวดเร็ว ฉันไม่สามารถดูเรื่องนี้ต่อได้ มิฉะนั้น ฉันจะสูญเสียความปกติที่เหลืออยู่ของฉัน ฉันมาที่ห้องนั่งเล่นและนั่งลงบนโซฟา หยิบหนังสือของอิซาเบลขึ้นมาและแกล้งทำเป็นอ่านเมื่อเธอออกจากประตูมาเห็นฉัน เมื่อเห็นฉัน เธอก็รู้สึกประหม่าและกระแอมไออย่างรู้สึกไม่สบาย ใบหน้าของเธอสวย แต่ดูหนักใจ เธอยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่พูดอะไร แค่บรรยากาศระหว่างเราก็ทำให้รู้สึกตึงเครียดและอึดอัด”
“ทันใดนั้น เธอก็ทำลายกำแพงทั้งหมดของฉันด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา และความต้องการที่จะพึ่งพาเธอทำให้ฉันอ่อนแออย่างน่าเจ็บปวด”
““ฉันขอโทษที่กลับบ้านช้า ฉันอยากจะแจ้งให้คุณทราบ แต่โทรศัพท์ของฉันแบตหมด” เธอถอนหายใจ “ฉันอยู่บ้านของลุยส์ รู้ไหม? อาจารย์ประวัติศาสตร์รบกวนเราด้วยการบ้านมากมาย” เธอมองไปทางอื่นหลีกเลี่ยงจากสายตาของฉัน
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษอิซาเบล” ฉันพยายามทำให้เสียงฟังไม่สนใจ “คุณแค่ต้องหาวิธีแจ้งให้รู้ มันเกือบเที่ยงคืนและฉันคิดว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณ” ฉันมองตรงไปที่เธอ วิเคราะห์แต่ละความรู้สึกบนใบหน้าสวยของเธอ สังเกตเห็นความรู้สึกผิดเล็กน้อยในนั้น หรืออาจจะเป็นการหลอกตัวเองว่าฉันคิดแบบนี้ มันง่ายกว่าที่จะยอมรับเมื่อเห็นความผิดในตัวอิซาเบล
“ครั้งหน้า ฉันจะทำการแจ้งให้ทราบ” เธอเข้าใกล้ฉันอย่างช้าๆ จนอยู่ตรงหน้าและเอาเท้าของเธอมาชนกับเท้าฉันอย่างขี้เล่น จากนั้นก็ยิ้ม “ฉันไม่ได้ตั้งใจให้คุณกังวล แต่เวลาผ่านไปเร็วมาก”
“ฉันคิดว่าใช่ ฉันเดาว่าพวกคุณยุ่งอยู่กับการบ้านมากๆ” เสียงของฉันสั่นเศร้าแต่กลับรีบฟื้นตัวได้ในทันที เธอไม่สามารถมองเห็นว่าฉันร้องไห้หรือแม้แต่ค้นพบคำโกหกของเธอ
“จริงๆ นะ ฉันไม่มีเวลาทำอะไรเลยและเวลาไปเร็วกว่าที่เราคิด” รอยยิ้มโง่เขลาขึ้นบนใบหน้าของเธอ แค่เห็นการกระทำเล็กน้อยนี้ก็ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดในใจ นี่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด และเธอไม่ได้ตระหนี่เกี่ยวกับสิ่งนี้ เธอสบายดีอยู่กับคนรักของเธอจนไม่เหลือเวลาให้ฉัน คนที่รักเธออย่างบ้าคลั่ง
“ฉันไม่เคยคิดว่าความรักจะทำให้เจ็บปวดขนาดนี้ หรือแม้แต่คิดว่าตำนานของเราจะจบลงแบบนี้ ฉันรู้เสมอว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ถูกต้อง ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติระหว่างพี่ชายกับน้องสาวไม่ถูกต้อง แต่ความสัมพันธ์นี้กลับเป็นเสมือนที่พึ่งในวันที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทุกข์ ในกลางพายุฉันจับเธอไว้และเธอก็จับฉันไว้ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรักของฉันไม่เพียงพอ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันเริ่มลดน้อยลงและต้องการคนอื่น”