พนาก้มมองกล้วยในมือด้วยความคิดสับสน เธอจะมาทำดีกับเขาทำไม รู้ไหมว่าเขารู้สึกกับเธอเกินเพื่อน ยิ่งเธอมาทำดีด้วยแบบนี้เขายิ่งรู้สึกชอบเธอเข้าไปใหญ่ จะว่าไปตั้งแต่ ม.4 จนตอนนี้ ม.6 แล้วเธอก็ยังช่วยเขาทุกครั้งที่ถูกรังแก
ด้วยความพยายามที่ไม่เคยลดละ เขารอจนกระทั่งวันเรียนจบการศึกษา พนาเด็กหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นมาพร้อมดอกไม้ในมือและกล้วยไข่หนึ่งหวี เดินตรงไปที่หญิงสาวที่เขาแอบชอบมานาน
“อุ๋งๆ”
“ห๊ะ!”วนาลีชี้นิ้วเข้าหาตัวด้วยท่าทางสงสัย
“เรียกฉันเหรอ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าให้เธอด้วยใบหน้าที่กำลังเห่อร้อน เขารวบรวมความกล้าตั้งแต่เมื่อคืน ความตื่นเต้นทำให้เขาไม่ได้นอนเต็มอิ่ม
“เอ่อ…อุ๋งๆ”
“เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที ฉันอายเพื่อน”เธอบ่นเขา
“มะ...แมวน้ำ วันนี้เราก็เรียนจบกันแล้ว คือฉันมีอะไรจะให้เธอ”
พนายื่นดอกไม้ช่อโตให้หญิงสาวตรงหน้า เธอรับไว้โดยไม่คิดอะไร ก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นกล้วยไข่ให้เธออีกหวี
“ก็บอกไปแล้วว่าไม่ชอบกินกล้วย”เธอเอ่ยบอกอย่างอารมณ์เสีย คนไม่ชอบกินยังจะเอามาให้อยู่ได้
“แมวน้ำฉันชอบเธอได้โปรดรับกล้วยไข่นี้ไว้ ฉันสัญญาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี”
“ไอ้ไข่อ้วนชอบ แมวน้ำว่ะ พวกมึงมาดูเร็วไอ้อ้วนแม่งไม่เจียมตัว”จากเพื่อนสามสี่คนสู่คนทั้งโรงเรียนที่มายืนมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“พูดอะไรอะกล้วยไข่ เราไม่ได้ชอบนาย”วนาลีอายมากที่เพื่อนทั้งโรงเรียนจับจ้องมาที่เธอ พร้อมกับมองเหมือนเธอเป็นตัวตลกให้พวกเขาหัวเราะเยาะกันอย่างสนุก
“แต่แมวน้ำมาทำดีกับเรา ช่วยเราตลอด”
“อย่าเหมารวมว่าสิ่งที่เราช่วยเป็นการที่เราชอบเธอได้ป่ะ”
“อุ๋งๆ”
“แล้วนี่อะไร”แมวน้ำแย่งหวีกล้วยไข่ในมือมาถือไว้
“เพราะนายกินแต่กล้วยนี่ไงนายถึงได้อ้วนแบบนี้ เราไม่ได้ชอบนายและไม่มีวันชอบด้วยหัดเจียมตัวซะบ้างนะ อ้วนก็อ้วน”
กล้วยไข่ในมือเธอถูกปากลับไปที่เจ้าของอย่างไม่ไยดีก่อนที่จะสาวเท้าแทรกฝูงชนที่ยืนมองกันอยู่ออกไป
เสียงหัวเราะสนั่นของเพื่อนในโรงเรียนที่หัวเราะชอบใจ สุดท้ายก็ไม่มีใครชอบคนอ้วนๆแบบเขา แม้แต่คนที่เขาคิดว่าเธอจะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดไปยังดูถูกรูปร่างของเขา
บทที่2 ไม่เจอกันนานเลยนะ
“หนู...หนู เป็นอะไรรึเปล่า”แม่ค้าเรียกสติหญิงสาวที่ยืนอึ้งกับภาพตรงหน้าให้ได้สติกลับคืนมา
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะป้า”วนาลีบอกปัดถึงแม้เธอกำลังเป็นอยู่ก็ตาม หญิงสาวได้แต่นึกโกรธในใจหากแต่ก็แสดงออกมาไม่ได้
“นายคือไอ้ไข่อ้วนเหรอ”นานเป็นชาติแล้วเธอยังจะจำชื่อนี้ได้อีก พนาได้แต่จ้องหน้ามองคนเรียกเขาด้วยชื่อที่เขาเกลียดนิ่งๆไม่แสดงอาการใดออกมา
“ไม่เจอกันตั้งนานยังน่าเกลียดเหมือนเดิมเลยนะ อุ๋งๆ”นั้นปากเขาเหรอ อย่างเธอเนี่ยนะน่าเกลียด
“หึ! นายก็ดูดีขึ้นเนอะ ไม่เป็นไอ้ไข่อ้วนแล้ว”
“แน่นอน แต่ถึงตัวฉันจะไม่อ้วนแล้ว แต่อย่างอื่นฉันอ้วนเหมือนเดิมนะ”
“อะไร?”วนาลีที่คิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ต้องอ้าปากค้างเมื่อเขาก้มลงมองใจกลางลำตัวที่พองออกมาเหมือนอึดอัดที่ต้องทนอยู่ในกางเกงยีนตัวแน่น
เขายกคิ้วขึ้นให้เธอก่อนจะเดินสวนจากไป ปล่อยให้หญิงสาวเตลิดกับความคิดและภาพที่ติดตาอยู่
“หนู หนูตกลงเอาเท่าไรจ๊ะ”
หญิงสาวเอามือทาบอก หัวใจเต้นดังขึ้นไม่เป็นจังหวะเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไม คงเพราะภาพเมื่อกี้ แค่คิดใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นทันตา เธอสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆนั้นออกไป
“เอาสองโลจ๊ะป้า”เมื่อได้ผลไม้ตามที่เธอต้องการ หญิงสาวมุ่งหน้าไปยังสวนของเธอซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของคุณนายพราวฟ้า
“นั้นใครนะพ่อ”คุณนายพราวฟ้านั่งสามล้อพ่วงข้างกลับมาจากที่ทำการหมู่บ้านเห็นหญิงสาวยืนอยู่
“ไม่รู้สิแม่ แต่คุ้นๆอยู่นะเหมือนลูกสาวไร่ข้างๆเราเมื่อก่อนเลย”
“แมวน้ำเหรอ”คิดได้ดังนั้นคุณนายพราวฟ้าไม่รอช้าส่งเสียงเรียกดังลั่นจนคนฟังถึงกับสะดุ้ง
“แมวน้ำ”สามล้อพ่วงข้างเบรกฝุ่นตลบข้างเธอ
“คุณป้า”แมวน้ำตกใจหันไปตามเสียงเรียก
“ใช่จริงด้วย ไปบ้านป้าไหม”
“ได้ค่ะ หนูมีเรื่องจะคุยกับคุณป้าพอดี”
“ขึ้นเลยจ้ะ”
รองเท้าส้นสูงเจ้ากรรมเหมือนจะเป็นภาระของเธอ เพียงแค่เธอก้าวขาขึ้นก็หน้าคะมำ ดีที่คุณนายพราวฟ้าจับตัวเธอไว้ได้ทันไม่นั้นเธอคงเลือดตกยางออก
คุณนายหัวเราะเสียงเบากลัวเธอจะเสียหน้าจึงได้แต่กลั้นขำเอาไว้ “โอเคไหมลูก”
“ค่ะ”เธอยิ้มหวานตอบกลับ ผิดเองที่เธอเลือกใส่รองเท้าแบบนี้มาชนบททั้งที่เธอน่าจะรู้ดีว่ามันไม่เหมาะ
“คุณนายแม่ ไปไหนมาครับผมหาตั้งนาน”ทันทีที่คุณนายพราวฟ้าก้าวเท้าเข้าบ้านลูกชายตัวดีก็เรียกหาเธอ
“หาฉันทำไม”
“คุณนายไม่ทำกับข้าวเหรอครับผมหิ๊ว...หิว”ชายหนุ่มจะเดินเข้าหาแต่โดนมารดาสั่งหยุดเสียก่อน
“ฉันก็ไปทำสวยอย่างที่แกบอกไง เป็นไงสวยไหม”
เขาถอนหายใจแรง จะบอกว่าไงดีแม่เขาทำทรงผมบังเพื่อนมาทำไมเนี่ย แล้วกะบังลมด้านหน้าทรงสูงนั้นคืออะไรจะไปงานสมาคมแม่บ้านรึไง
“คุณป้า แมวน้ำเอา…”เธอถอนหายใจแรง ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่บ้านด้วย
“มาเดี๋ยวลุงเอาไปใส่จานให้เอง”ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนกเอียงเสนอตัวนำผลไม้ที่หญิงสาวถืออยู่ไปใส่จานให้
“มาบ้านฉันทำไมอุ๋งๆ”