ตอนที่ 1 คนทรยศ (1)

912 คำ
เมษาเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดภูเก็ตตั้งแต่เช้า ใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินหนึ่งชั่วโมงกว่า ต่อรถแท็กซีออกจากสนามบินอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีรถก็ขับมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ครอบครัวของเธอทำธุรกิจผลิตสื่อโฆษณา เป็นบริษัทขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่มาก สามารถรับงานโฆษณาได้ทุกรูปแบบ ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง หากมีเวลาว่างเธอมักจะติดตามพ่อกับแม่เข้าไปช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบริษัท หญิงสาวสูดหายใจก้าวลงจากรถ ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก “แม่คะ หนูกลับมาแล้วค่ะ” เสียงใสว่าพลางวิ่งเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการรดน้ำต้นไม้และดอกไม้ที่สวนหลังบ้าน แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก พ่อของเธอก็หล่อเหลามากเช่นเดียวกัน แม้อายุจะนำหน้าด้วยเลขสี่กันทั้งคู่ แต่ทว่าพวกท่านก็ยังดูดีไม่ต่างจากตอนเป็นหนุ่มสาว “กลับมาทำไมไม่บอกแม่ก่อน” น้ำเสียงของผู้เป็นแม่เต็มไปด้วยความประหลาดใจที่จู่ ๆ ลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านก็โผล่เข้ามาหาที่สวนหลังบ้าน ปกติพ่อกับแม่จะเป็นคนไปรอรับที่สนามบิน ทว่ากลับมาบ้านครั้งนี้เธอไม่ได้บอกกับใครล่วงหน้า อีกทั้งมารีนที่มีบ้านอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ทว่าเพื่อนรักจะรอกลับมาพร้อมกับแฟนหนุ่มในอีกสามวันข้างหน้า เธอจึงไม่อยากรอเลยนั่งเครื่องมาก่อน “หนูกะจะมาเซอร์ไพรส์พ่อกับแม่ไงคะ นี่กินข้าวกันรึยังคะ เช้านี้มีอะไรให้กินบ้าง หนูหิวมากเลยค่ะ” เมษากอดเกี่ยวแขนของผู้เป็นแม่ด้วยท่าทางออดอ้อน จนท่านต้องวางสายยางในมือลง แล้วเดินไปปิดก๊อกน้ำ “ยังไม่มีใครได้กินเลย เช้านี้แม่ทำแกงปูใบชะพลูกับไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กะว่าจะรอรดน้ำต้นไม้ให้เสร็จก่อนค่อยเรียกพ่อมากินข้าว” “หืม… นี่ขนาดไม่รู้นะคะเนี่ยว่าหนูจะกลับมา แต่ก็ยังทำของโปรดของหนูทั้งนั้นเลย” ใบหน้าของคนเป็นลูกเผยรอยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายวาววับ สองเมนูนี้เธอชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะรสมือของแม่นั้นอร่อยไม่เป็นสองรองใคร เมษาเดินควงแขนผู้เป็นแม่เข้าไปในห้องอาหารของบ้าน ป้าแม่บ้านก็เข้าไปเรียกพ่อของเธอที่นั่งดูข่าวอยู่ในห้องนั่งเล่น มากินข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าในรอบหลายเดือน แม้ว่าจะกลับบ้านทุกช่วงปิดภาคเรียนอยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าครั้งนี้จะเหมือนกับทุกครั้ง เพราะเธอต้องการหลบมาพักใจอยู่กับคนในครอบครัว “หิวก็กินเยอะ ๆ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยพลางตักอาหารวางลงในจานให้ลูกสาว “ขอบคุณค่ะ หนูตักให้พ่อกับแม่บ้างดีกว่า” ***** ทางด้าน K.T. Demon Pub ในวันเดียวกัน ห้องลับของชั้นใต้ดินก็มีเสียงโอดครวญของชายคนหนึ่ง ซึ่งได้ถูกนำตัวมาขังไว้ตั้งแต่ผับปิดบริการจนกระทั่งมาถึงช่วงสายของวันนี้ ผัวะ! ตุบ! ตุบ! “อย่า อึก อย่าทำผมเลยครับ อัก ผะ ผมผิดไปแล้ว” น้ำเสียงอ้อนวอนขาดช่วงของคนที่โดนกระหน่ำทั้งหมัดและถูกกระทืบด้วยฝ่าเท้า ร่างกายเจ็บระบมไปทั้งตัว ใบหน้าปูดบวมเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ มีเลือดซึมออกตามโหนกแก้ม หางคิ้วและมุมปาก นอนขดตัวอยู่บนพื้น ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ดันตัวนั่งคุกเข่า พนมมือไหว้แผ่นหลังของเจ้านายผู้มีอิทธิพลอยู่ในมือ เพื่อขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต คิงส์ตันก้าวเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าของคนทรยศ ถือมีดพกปลายแหลมคมสะท้อนกับไฟสีเหลืองอ่อนที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะ สะท้อนเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ก่อนมาทำงานที่นี่ มึงไม่รู้เหรอว่าหักหลังกูแล้วมันจะเป็นยังไง” น้ำเสียงเย็นยะเยือก แววตาทอประกายความโหดร้ายทอดมองไปยังลูกน้องที่เป็นถึงผู้จัดการผับ ทำงานให้เขามาตั้งแต่เปิดให้บริการวันแรก ไม่คิดว่าจะกล้าหักหลังเขาแบบนี้ ซึ่งผู้จัดการคนนี้รู้ดีว่าหากผู้ใดถูกนำตัวมาที่ชั้นใต้ดิน จะออกไปได้เพียงแค่ร่างไร้วิญญาณ ไม่ก็ร่างกายที่ไม่ครบสามสิบสอง มาเฟียหนุ่มกัดกรามแน่น ย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ใช้มีดด้านแบนเชยปลายคางของผู้จัดการผับให้เงยหน้าขึ้น “น้องของไอ้ตุลย์มันเป็นแขกวีไอพีของผับกูได้ยังไง” น้ำเสียงเข้มเค้นถามผู้จัดการผับอีกครั้ง เสียงกัดกรามแน่นดังกรอดข่มขวัญอีกฝ่ายจนตัวสั่น หลังจากที่เพลิงสืบทราบข้อมูลมาได้ว่าผู้หญิงที่เข้าหาเขาเมื่อคืนเป็นแฟนของน้องชายคู่อริ ความรู้สึกของคิงส์ตันก็ยิ่งย้ำชัดว่าเธอไม่น่าไว้วางใจ อีกทั้งลูกน้องที่รับเงินเดือนจากเขา แต่กลับปล่อยให้น้องชายของศัตรูเข้ามาลอยหน้าลอยตาในถิ่นของตนได้ก็ยิ่งขุ่นเคืองใจเข้าไปใหญ่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม