บทที่ 5 น้องแบร์ใจป๋า
“หม่ามี้เหรอครับ” เสียงเรียกใสแจ๋วของเด็กน้อยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยของพระพายเบิกกว้างขึ้น เธอย่อตัวมองหน้าเด็กน้อยอย่างใกล้ชิด
“รู้จักพี่เขาเหรอน้องแบร์” เด็กสาวหน้าตาน่ารักที่เดินมาพร้อมกับเจ้าเด็กน้อยเอ่ยถามขึ้น
“ครับอาเดียร์ นี่หม่ามี้น้องแบร์เอง” เด็กน้อยกอดหมับเข้าที่รอบคอของพระพายทันที ไม่พอยังแอบหอมแก้มเธออีก ก่อนจะผละออกจ้องมองใบหน้าสวยตาปริบๆ ด้วยความคิดถึง
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาเรียกฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ไม่เป็นแม่ให้นายหรอกเด็กน้อย” พระพายยกมือขึ้นคาดโทษ เจ้าเด็กขี้อ้อนคิดว่าฉันจะหลงกลง่ายๆ เหรอ อย่าได้หวัง
“อย่าไปกวนพี่เขาสิครับ ไปซื้อขนมดีกว่า เดี๋ยวปะป๊าก็ดุเอาอีกหรอก”
“หม่ามี้ครับไปเที่ยวบ้านน้องแบร์มั้ย”
“ไม่ย่ะ!” พระพายส่งเสียงบอกเชิงดุเมื่อเห็นใบหน้าของเด็กน้อยยิ้มร่าเสนอเหมือนครั้งแรกที่เจอกันไม่มีผิด
“พี่สาวคนนี้เหรอที่น้องแบร์เคยเล่าให้อาฟัง”
“ใช่ครับอาเดียร์”
“สวัสดีค่ะพี่สะใภ้ เดียร์นะคะเป็นอาของน้องแบร์”
“สวัสดีค่ะ แต่ขอรบกวนไม่เรียกแบบนั้นนะคะ พอดีไม่อยากเกี่ยวดองกับเด็กนี่” พระพายเอ่ยปฏิเสธ พร้อมส่งรอยยิ้มบางให้เด็กสาวที่อยู่ในชุดนักเรียนมัดผมหางม้า ดูท่าครอบครัวนี้จะร่าเริงกันทั้งบ้าน เธอดุไปขนาดนั้นสองอาหลานก็ไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาเลยด้วยซ้ำยังคงส่งยิ้มให้เธอเหมือนเดิม
“พี่เขาดุอย่างที่น้องแบร์พูดเลย แบบนี้ก็เหมาะกับปะป๊าเราเลยสิ” นาเดียร์เอ่ยกระซิบกระซาบกับหลานชาย พลางหัวเราะคิกคักกันยกใหญ่
“หน้าพี่มีอะไรติดเหรอธารา” ด้วยความสงสัยพระพายจึงหันไปถามธาราที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ไม่มีนะครับ”
“แล้วสองคนนั้นหัวเราะคิกคักอะไรกัน”
“ไม่รู้ครับ”
หลังเด็กน้อยเดินหายลับตาเข้าไปในร้านขายของชำ พระพายหันกลับมาทะเลาะกับป้าเจ้าของร้านขายของชำต่อ เพราะเธอมีเงินสดติดกระเป๋ามาแค่ไม่ถึงหนึ่งพันบาท ด้วยความที่ใช้บัตรเครดิตจนติดเป็นนิสัย เงินสดติดตัวจึงแทบจะไม่มี
“พี่พายเราเอาแค่เงินซื้อพอก็ได้ครับ วันหลังค่อยมาซื้อใหม่”
“เอาไปแค่นั้นมันจะอิ่มได้ยังไงกัน กินวันเดียวก็หมดแล้วมั้ง”
“แค่นี้ก็อยู่ได้สามสี่วันแล้วครับ”
*****
“ป้าดาครับ”
“ว่าไงครับน้องแบร์สุดหล่อ”
“นี่ค่าขนมน้องแบร์ครับ” เด็กน้อยส่งเงินสดให้เจ้าของร้านขายของชำ สายตายังคงจ้องมองใบหน้าสวยของพระพายนิ่ง เด็กชายตัวน้อยรู้สึกถูกชะตากับพี่สาวคนสวยตรงหน้าจนอยากได้มาเป็นหม่ามี้มากจริงๆ
“วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะครับ”
“ป้าดาครับ ให้หม่ามี้ซื้อของที่อยากได้เถอะครับเดี๋ยวน้องแบร์ให้ปะป๊ามาจ่ายให้”
“น้องแบร์ใจดีจังเลยครับ แต่ปะป๊าจะยอมเหรอ”
“เดี๋ยวน้องแบร์บอกเองครับ”
“ไม่ต้องมาทำตัวป๋าแถวนี้ ไม่ซึ้งสักนิด”
“พี่พาย…น้องแบร์ยังเด็กนะครับ”
“…..”
“กลับเถอะน้องแบร์ อาว่าเรากวนพี่เขาเยอะไปแล้วนะ” เด็กน้อยไม่ใช่คนจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถึงยังไงเขาก็อยากได้ผู้หญิงตรงหน้าไปเป็นแม่อยู่ดี
“พรุ่งนี้น้องแบร์จะมาหาใหม่นะครับ”
“ใครอยากเจอนายไม่ทราบ”
“ไปก่อนนะคะพี่สะใภ้ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ” สองอาหลานเดินออกจากร้านขายของชำขึ้นควบหลังม้าที่ผูกไว้ไม่ไกลมากนัก พระพายได้แต่มองตามยานพาหนะที่ทั้งคู่ใช้ นี่มันยิ่งกว่าจักรยานคันเก่าที่เธอนั่งคร่อมมาเสียอีก
หลังจากเลือกของอยู่ครู่หนึ่งพระพายทุ่มหมดตัวด้วยเงินสดในกระเป๋าซื้อข้าวสาร ไข่ไก่และเนื้อสัตว์มาจำนวนหนึ่งก่อนจะขึ้นคร่อมจักรยานของธารากลับไปยังบ้าน
"พี่พายรู้จักน้องแบร์ด้วยเหรอ"
“แค่เด็กกะโปโลไม่ได้อยากรู้จัก เลิกพูดถึงเด็กนั่นสักทีแค่คิดถึงก็หงุดหงิด”
“พี่นี่ทะเลาะกับคนอื่นเขาไปทั่วเลยเหรอครับ”
“แล้วอยากให้พี่งับหัวเราอีกคนมั้ยละ คนยิ่งหิวๆ อยู่”
“ผมไม่อยากให้พี่งับหัวแต่อยากให้พี่อมหัวมากกว่า” ธาราบ่นออกมาเสียงเบาปะทะกับลมทำให้เสียงขาดหาย พระพายที่นั่งอยู่ด้านหลังจึงได้ยินไม่ชัด
“ว่าไงนะ”
“เปล่าครับ ผมบอกว่าจะรีบปั่นไปทำกับข้าวให้พี่พายคนสวยเลย”
“เยี่ยมมากไอ้น้องชาย”
เมื่อมาถึงบ้านพระพายเดินเข้าไปในครัวพร้อมธาราที่เดินตามมาด้านหลังในมือถือข้าวของพะรุงพะรัง
“ให้พี่ช่วยอะไรมั้ย”
“พี่ทำอาหารเป็นมั้ยครับ เดี๋ยวผมก่อไฟให้”
“ไม่เป็นอะ ปกติซื้อกินทั้งผู้ชายและอาหาร”
“…..”
“ให้ช่วยเตรียมของมั้ยละ”
“ไปนั่งรอดีมั้ยครับ ผมทำเองน่าจะง่ายกว่า”
“พี่อยากช่วย เกิดมาเพิ่งเคยใช้ชีวิตแบบนี้ครั้งแรกขอลองใช้ให้สุดหน่อยแล้วกัน”
“พี่เป็นคนตลกเหมือนกันนะครับเนี่ย ใครๆ ก็อยากหนีจากชีวิตจนๆ แบบนี้กันทั้งนั้น”
“อันนั้นพี่ก็รู้ แต่ว่านะพี่จะอยู่นี่แค่ถึงตอนยายจากไปเท่านั้น”
“พี่พายอยู่ต่อก็ได้นะครับ”
“ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อน ตกพี่ไม่ได้หรอก”
“ว๊า…แย่จังเลยครับอุตส่าห์ปั้นหน้าหล่ออ้อนสุดฤทธิ์พี่พายไม่ตกหลุมเอาซะเลย”