บทที่ 6 สูญเสีย
สามวันต่อมา
ในที่สุดวันที่พระพายไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึง ตลอดสามวันที่ผ่านมาเธอกับยายแทบจะตัวติดกัน พระพายหวังจะใช้เวลาที่เหลือให้ยายของเธอมีความสุขมากที่สุดก่อนที่จะจากไป
“ธารา…ไม่กินข้าวหน่อยเหรอ นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้วนะ”
ความผูกพันที่มีให้แก่ยายจันทราที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่สิบขวบ ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเมื่อผู้มีพระคุณได้ตายจากไป พ่อแม่ของเขาแยกทางกันและเลือกจะทิ้งเขาให้เผชิญอยู่กับความยากลำบากเพียงลำพัง โชคดีที่ยายจันทราช่วยเขาไว้ น้ำตาจึงไหลพรั่งพรูออกมาอาบสองแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
“พี่พายกินแล้วเหรอครับ”
ถึงแม้พระพายจะได้อยู่กับยายเพียงแค่สามวัน เธอก็สัมผัสได้ถึงความใจดีมีเมตตาของคนแก่คนนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เด็กหนุ่มอย่างธาราจะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะการจากไปครั้งนี้
“ยังไม่กินเหมือนกัน ไปกินด้วยกันสิ พี่ไม่ชอบกินข้าวคนเดียว”
“ครับ”
ทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกัน มองดูแขกที่เขามาเคารพศพในงาน ถึงแม้ไม่มากมาย แต่ก็รับรู้ได้ว่ายายจันทราคงเป็นที่รักของทุกคนในหมู่บ้าน
“แล้วนี่จะเอาไงต่อ จะอยู่ที่นี่หรือจะไปอยู่กรุงเทพกับพี่”
“พี่พายจะรับเลี้ยงผมต่อเหรอครับ”
“แค่ลูกหมาตัวเดียวพี่เลี้ยงได้อยู่ ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนใครจะทิ้งให้อยู่คนเดียวกัน”
“ขอบคุณนะครับ”
“แล้วรู้มั้ยว่าพวกเอกสารที่ดินของยายอยู่ไหน”
“ไม่มีหรอกครับ ยายเอาที่ไปจำนองเพื่อมาส่งผมเรียน ผมพยายามห้ามแล้ว แต่ยาย…”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปเอาคืนมาเอง ว่าแต่ยายเอาไปจำนองไว้กับใครเหรอ”
“พ่อเลี้ยงครามเจ้าของไร่ที่อยู่ติดกับที่ของยายนะครับ”
“หมอนั้นคงรวยมากสิท่าดูจากคำเรียกนำหน้า”
“พ่อเลี้ยงรวยมากครับ ใจดีกับคนยากไร้แต่ก็แอบร้ายกับคนไม่ดีนะครับ ผมยังได้ทุนจากพ่อเลี้ยงเลย”
“แล้ววันนี้เขามารึเปล่าล่ะ พี่จะได้คุยเลย”
“มาแล้วกลับไปแล้วครับ เหมือนลูกจะป่วย”
“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังงานยายเสร็จพี่ค่อยไปไถ่ที่คืนแล้วกัน”
เจ็ดวันหลังจากนั้นงานศพจบลง พระพายจัดการทุกอย่างตามที่ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านแนะนำเพราะเธอไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าที่ควร
“หนูพายจะกลับกรุงเทพเลยรึเปล่าลูก”ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามขึ้น
“พายจะจัดการเรื่องที่ของยายก่อนนะคะ”
“ดีแล้วลูก สมบัติเพียงชิ้นเดียวของยายจันไปไถ่คืนมาก็ไม่เสียหาย”
“ผู้ใหญ่รู้จักพ่อเลี้ยงครามอะไรนั่นดีรึเปล่าคะ พายมีโอกาสจะได้ที่คืนมั้ย หรือเป็นพวกเขี้ยวลากดินอะไรพวกนั้น”
“พ่อเลี้ยงไม่ใช่คนใจร้ายหรอก หนูพาย ได้คืนอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยพายกับยายมาตลอด”
“คนกันเองลูก…ยังไงก็ดูแลไอ้ธาราด้วยนะลูก ถึงมันจะกวนตีนแต่ก็เก่งพอตัวมีไว้ข้างตัวไม่เสียแรงแน่”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
*****
เช้าวันรุ่งขึ้น
“ธารา” พระพายตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งด้วยความรีบร้อนลงจากบันไดของบ้าน
“มีอะไรครับพี่พาย”
“พี่จะไปบ้านพ่อเลี้ยงได้ยังไงเหรอ”
“พี่เดินลัดไร่หลังบ้านไปก็ได้ครับ มันใกล้กว่าขับรถไป ผมรีบไปโรงเรียนก่อนนะครับจะสายแล้ว” ไม่รอให้พระพายได้เอ่ยถามต่อ เด็กหนุ่มถ่อจักรยานปั่นออกจากบ้านไปทันที
“ดะ…เดี๋ยวก่อนสิ เดินดุ่มๆ เข้าไปในที่คนอื่นมันไม่ถือเป็นการบุกรุกรึไง” พระพายบ่นอุบ ชะเง้อคอมองตามแผ่นหลังที่ค่อยๆ หายลับตาไป
เธอใช้เวลาแต่ตัวนานนับชั่วโมง เลือกชุดสีมงคลที่สุดในวันนี้ตามแอพดูดวงรายวัน ถึงแม้จะพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมแต่ใครจะรู้ว่าหมู่บ้านนี้อาจจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนก็เป็นได้ โดยเฉพาะพ่อเลี้ยงอะไรนั่นที่ตั้งแต่เธอเหยียบมาที่นี้ก็ไม่เคยได้พบเห็นเลยสักครั้ง
สองเท้าเดินลัดสวนหลังบ้านรกทึบด้วยความทุลักทุเล ใจก็กลัวว่าตัวอะไรจะออกมาทักทายระหว่างทางรึเปล่า แต่พอออกมาจากตรงนั้นได้พระพายก็ได้พบกับทุ่งหญ้าและท้องนาอันกว้างใหญ่ ซึ่งต่างลิบลับกับทางที่เธอเดินผ่านมาเมื่อครู่
“เหอะ! ที่คนรวยกับที่คนจนมันต่างกันอย่างนี้สินะ”
เดินลัดเลาะตามทางเล็กๆ มานับสิบนาที พระพายยังไม่เห็นแม้แต่หลังคาบ้านสักหลัง ใช่ว่าเธอจะโดนธาราหลอกต้มให้เดินมาไกลทั้งที่ขับรถมาอาจจะใกล้กว่าหรอกนะ
“หลอกกันรึไงธารา”
“แล้วไอ้ทุ่งนี้มันจะกว้างอะไรขนาดนี้” เธอหันมองรอบๆ ตัวที่เบื้องหน้าคือทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ริมฝีปากบางก็ยังคงเอ่ยบ่นไม่หยุด เพราะรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่มาไม่อำนวยกับพื้นที่ไต่ระดับเอาซะเลย
“คอยดูนะแม่จะด่าให้ธารา รู้งี้ขับรถมาดีกว่า”
มอ~~มอ~~
เสียงวัวดังเข้าโสตประสาท ทำให้ภาพเหตุการณ์วันนั้นเข้ามาในหัวอีกครั้ง แค่คิดก็ขนลุกหวังว่าชุดสวยๆ สีนำโชควันนี้คงไม่นำความโชคร้ายมาให้เธอแทนหรอกนะ
สองเท้าเดินไปตามเสียง หวังว่าคงจะมีคนอยู่กับฝูงวัวให้เธอพอได้ถามไถ่ทางเพื่อไปต่อได้บ้าง
“นั่นคนหรือวัวกันนะ” หลังไวๆ ที่เดินแทรกผ่านฝูงวัวท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้า ทำให้พระพายมองไม่ชัดว่านั่นคนหรือวัว
“เดินเข้าไปก่อนแล้วกัน มีกระท่อมอยู่ด้วยคงมีคนแหละ” ว่าจบสองเท้ารีบเดินสับเข้าไปหาอย่างไว แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจเมื่อส้นสูงสามนิ้วที่ใส่มาดันติดในหลุมดินแน่นจนดึงไม่ออก
“โอ๊ย!! จะบ้าตาย ทำไมต้องตอนนี้เนี่ย” พระพายย่อตัวลงจับรองเท้าดึงขึ้น แต่ไม่ว่าเธอจะดึงเท่าไรมันก็ไม่ยอมออกมาสักที จึงตัดสินใจถอดออกรองเท้าออก ยืนเท้าเปล่าบนดินโคลนก่อนจะดึงรองเท้าคู่สวยออกมา แต่การกระทำนั้นทำให้เธอหงายหลังล้มลงในปลักโคลน
“อีกแล้วเหรอ แม่อุตส่าห์เลือกสีมงคลแล้วทำไมยังซวยอีก” ชุดเดรสสีชมพูหวานที่เธอเลือกมาเป็นอย่างดี สุดท้ายมันก็เปื้อนโคลนอีกจนได้
“คงไม่มีอะไรซวยไปมากกว่านี้แล้วใช่มั้ย” ใบหน้าสวยบูดบึ้ง
แดดก็ร้อน ชุดก็เปื้อน รองเท้าคู่สวยก็ไม่เหลือ แบบนี้เธอจะใช้ความสวยที่มีไถ่ที่คืนได้ยังไง