“น่าจะโดนแมลงตัวใหญ่กัดน่ะ ก็เลยเป็นรอยเต็มคอเลย”
แสนกล้าขมวดคิ้วมากกว่าเดิม แต่ครู่หนึ่งก็คลายออก พอเข้าใจแล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไร
พอกลับมาถึงบ้าน แสนรักก็เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่ที่ชานเรือน ก่อนจะเดินขึ้นบ้าน เธอจึงหันไปมองสามีที่เดินตามหลังมาจนถึงหัวบันได
“พี่หมอไปขึ้นบันไดหลังบ้านโน่น”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็รักไม่อยากให้พ่อกับแม่เห็น”
“เห็นอะไรเหรอครับ”
“พี่หมอ” เธอรู้ว่าเขาเข้าใจ แต่เขาแกล้งทำเป็นไขสือ
“อ้อ... ไม่อยากให้พ่อกับแม่เห็นรอยบนตัวพี่เหรอครับ”
“ค่ะ” น้ำเสียงออกประชดประชัน
“แล้วพี่จะได้อะไรตอบแทนเหรอครับ”
“แค่เดินไปขึ้นบันไดหลังบ้าน พี่หมอไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย จะมาเอาอะไรตอบแทนล่ะคะ”
“ก็ต้องเดินอ้อมไปตั้งหลายก้าว พี่เหนื่อย”
“แล้วพี่หมอจะให้รักตอบแทนยังไงล่ะคะ”
“ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยครับ ติดไว้ก่อนได้ไหม”
“ก็ได้ค่ะ ทีนี้ก็ไปได้แล้วค่ะ ไปเร็ว ๆ สิคะ”
แสนรักรุนหลังคนตัวโต ให้เขาเดินไปทางหลังบ้าน เธอมองตามจนเห็นเขาขึ้นบันไดหลังบ้านไปแล้ว เธอจึงเดินขึ้นบันไดหน้าบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอรัก แล้วหมอวินล่ะ”
เมื่อเห็นลูกสาวเดินขึ้นบ้านมาคนเดียว แม่ก้านก็ถามหาลูกเขย
“พี่หมอเดินไปคุยโทรศัพท์ทางหลังบ้านจ้ะ พอดีมีคนโทรมาปรึกษาเคสจ้ะแม่”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ”
“จ้ะ เอ่อ... รักขอตัวเอากาแฟไปให้พี่หมอนะแม่”
“อือ ๆ ไปเถอะ”
แสนรักกำลังจะเดินกลับเข้าห้อง แต่เธอคิดอะไรบางอย่างได้ เธอจึงชะงักเท้า แล้วหันกลับไปถามแม่ว่า
“แม่จ๋า แม่มียาหรือขี้ผึ้งที่เอาไว้ทาตอนถูกมดหรือแมลงกัดไหมจ๊ะ”
“มี ๆ เอ... เก็บไว้ตรงไหนนะ พี่กำนันเห็นตลับขี้ผึ้งของฉันไหม”
แม่ก้านหันไปถามกำนันไสวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวตัวเดียวกัน
“อยู่ในถุง ห้อยอยู่บนเสาโน่น”
พ่อกำนันบอกพลางพยักพเยิดไปที่เสาบ้านใกล้ ๆ เก้าอี้
แม่ก้านลุกไปดึงเอาถุงผ้าลงมา ควานมือลงไปหาของครู่หนึ่ง ก็หยิบตลับสีผึ้งมายื่นให้ลูกสาว
“เอ้านี่! ขี้ผึ้งตำรับผีบอก ทาตุ่ม ทารอย ทาผื่น หายวับในพริบตา”
แสนรักทำหน้าแหย เพราะพอได้ยินสรรพคุณยาจากปากแม่แล้ว เธอก็รู้สึกไม่แน่ใจแล้วว่า ควรเอาไปใช้ดีไหม
“มันใช้ได้จริง ๆ เหรอจ๊ะแม่”
“บ๊ะ! ใช้ได้สิ วันก่อนแม่ยังทาให้พ่ออยู่เลย”
“งั้น รักขอเอาไปทาให้พี่หมอนะจ๊ะ”
“หมอวินโดนอะไรกัดเหรอ”
“เอ่อ... โดนแมลงกัดจ้ะ รักเอายาไปทาให้พี่หมอก่อนนะจ๊ะ”
แสนรักกลัวว่าแม่จะถามมากกว่านี้ เธอจึงรีบเดินกลับเข้าไปในห้อง
พอปิดประตูและล็อกเรียบร้อยแล้ว แสนรักก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
คนที่เข้ามาในห้องก่อนเมียยิ้มพราว เขามองคนที่เพิ่งตามเข้ามาในห้อง แล้วก็ยังปิดล็อกห้องเสียแน่นหนาเสียด้วย
“ยิ้มอะไรคะ”
“ยิ้มไม่ได้เหรอครับ”
แสนรักมองหน้าคนตัวโตที่นั่งอยู่ปลายเตียง เธอถอนหายใจแรงใส่เขา แต่ก็ก้าวไปหยุดยืนตรงหน้าเขา
“แกะกระดุมเสื้อออกค่ะ”
หมอวินยิ้มกรุ้มกริ่ม ตาคมเป็นประกายวิบวับ
“รักจะทายาให้ค่ะ ไม่ได้จะขึ้นขย่ม”
“เฮ้อ! ดีใจเก้อเลย” หมอวินว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะแกะกระดุมเสื้อออกตามที่เมียสั่ง
พอเห็นรอยบนตัวเขาแบบชัด ๆ เต็มสองตาอีกครั้ง แสนรักถึงกับเข่าอ่อน ยิ่งนานก็ยิ่งช้ำ แล้วผิวเขาน่ะ จะขาวไปไหน มันเลยยิ่งทำให้เห็นรอยสีแดงช้ำเด่นมาก ๆ
แสนรักเปิดฝาตลับยา แล้วใช้นิ้วชี้ป้ายเนื้อยาออกมา แต่พอเธอจะทายาบนลำคอแกร่ง หมอวินก็จับข้อมือบางเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวครับ”
“คะ?”
“ยาอะไรครับ”
“แม่บอกว่าเป็นขี้ผึ้งตำรับผีบอกค่ะ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่น
“แม่บอกว่า ทาวันนี้ รอยก็จะหายวันนี้ค่ะ”
“ยาดีขนาดนั้นเชียว” หมอวินว่าเสียงกลั้วหัวเราะ
แสนรักรู้ว่าเขาไม่เชื่อถือ ขนาดเธอเองยังไม่เชื่อถือเลย แต่จะให้ทำยังไงเล่า ที่บ้านไม่มียาทารอยกัดรอยแดงเลย ถ้าไม่ใช้ขี้ผึ้งตำรับผีบอกของแม่ เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้รอยบนเนื้อตัวของหมอวินจางหรือหายโดยเร็วที่สุด
“ไม่ต้องทาก็ได้ครับ อีกไม่กี่วัน เดี๋ยวมันก็หายไปเอง พี่จะพยายามใส่เสื้อปิดถึงคอก็แล้วกัน จะได้ไม่มีใครเห็นรอยเมียกัด”
“ไม่ต้องบอกคนอื่นว่ารอยเมียกัดได้ไหมคะ”
“รอยแบบนี้น่าภูมิใจจะตาย”
“พี่หมอ” แสนรักปั้นหน้าบึ้งตึงใส่สามี
หมอวินหัวเราะในลำคอ “ไม่บอกว่าเมียกัดก็ได้ แต่ขออะไรตอบแทนสักอย่าง เป็นค่าปิดปากได้ไหมครับ”
“เมื่อกี้ก็ขอไปแล้ว แล้วยังจะมาขออีก แบบนี้รักก็ติดค้างพี่หมอสองข้อเลยสิคะ”
“ยอมไหมล่ะครับ”
แสนรักถอนหายใจยาว แล้วเธอเลือกอะไรได้ไหมเล่า ในเมื่อไม่อยากให้คนอื่นเห็น ไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ ว่าเธอจูบและดูดเขาจนลายพร้อยไปทั้งตัว เธอก็ต้องยอมเขา
“ยอมก็ได้ค่ะ แล้วพี่หมอจะให้รักทำอะไรคะ”