ฟาเรนท์...
ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่เบาะหลังของรถคันหนึ่ง ที่จอดอยู่หน้าห้องน้ำในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งและภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ก็ทำให้ฉันแทบอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ตั้งสติได้จึงสำรวจตัวเองก็พบว่าสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
"ก็ดี อย่างน้อยก็ไม่ได้ปล่อยให้ฉันนอนแก้ผ้าในรถ"
ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะก้าวขาลงจากรถพลางมองไปรอบ ๆ ที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ขับรถมา หรือว่าเขาจะไปเข้าห้องน้ำนะ
"นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย ถ้าไอ้พี่รู้นะฉันหัวแตกแน่"
ฉันบ่นให้ตัวเองก่อนจะยีหัวตัวเองไปมาหลังจากที่ล้างหน้าล้างตาและบ้วนปากเรียบร้อยแล้ว
"จะไปไหน?"
เสียงทุ้มทำให้ฉันตกใจจนสะดุ้งโหยงเมื่อก้าวขาพ้นจากห้องน้ำหญิง สร่างเมาจริง ๆ ก็คราวนี้แหละอีฟาเอ๊ย!
"อย่ามายุ่งกับฉัน"
ฉันเดินหนีไปอีกทางกะว่าจะไปโบกแท็กซี่กลับคอนโดแต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าข้อมือเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"ปล่อยนะ ฉันเจ็บ!"
ฉันโวยวายเสียงดังก่อนจะสะบัดมือออกแต่ก็ไม่หลุดจากมือใหญ่สักที นายนี่เป็นหมึกหรือไงทำไมเกาะแน่นแบบนี้เนี่ย
"จะไปส่ง"
"ไม่ต้อง!"
"พูดดี ๆ เพราะ ๆ เป็นมั้ย"
เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติหากแต่แววตาดุดันจนฉันต้องชะงัก แรงบีบที่ข้อมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันต้องเบ้ปากเพราะความเจ็บหากแต่เจ้าของมือใหญ่ก็ยังคงทำหน้านิ่งไม่สนใจ
"เจ็บนะ ฮึก"
ฉันพูดเสียงสั่นเมื่อความรู้สึกเหมือนข้อมือกำลังจะแตก และปวดร้าวไล่ไปตามท่อนแขนก่อนจะพยายามบิดแขนไปมา
"ขอโทษ... อย่าร้องไม่ชอบ"
คนตรงหน้าคลายมือออกก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ และเอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่แก้มออกให้ฉันอย่างอ่อนโยนราวกับว่ากำลังปลอบอยู่
"ฉันเจ็บ"
ฉันพูดก่อนจะลูบแขนและข้อมือตัวเองที่ปวดหนึบไปมา อยู่ ๆ ก็รู้สึกสงสารตัวเองซะงั้น วันนี้ฉันเป็นอะไรเนี่ย
"ทีหลังก็พูดดี ๆ สิ จะขึ้นเสียงทำไมเป็นผู้หญิงทำตัวให้เป็นผู้หญิงซะบ้างเข้าใจมั้ย"
เสียงทุ้มนุ่มหูพูดใกล้ ๆ ใบหน้าจนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดใบหน้าของฉันอยู่ มือใหญ่ที่เอื้อมมาวางบนศรีษะของฉันโยกไปมาเบา ๆ ราวกับเห็นฉันเป็นเด็ก
"ถามน่ะ ตอบสิว่าเข้าใจมั้ย"
เสียงนุ่มละมุนยังคงดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมือใหญ่ที่เชยคางฉันขึ้นให้สบตากับเขา แล้วเราก็มองหน้ากันเงียบ ๆ อยู่แบบนั้นเพราะฉันเองก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะโกรธเรื่องที่เขาทำกับฉันหรือจะเกลียดที่เขาทำลายชีวิตรักของพี่ชายฉันดี หรือจะกลับไปปลื้มเขาเหมือนครั้งที่แอบไปเชียร์กีฬาสีที่มหาลัยดีนะ...
"ว่าไง เข้าใจมั้ย"
คนตรงหน้ายังคงถามต่อ
"อื้อเข้าใจแล้ว"
ฉันตอบพลางสบตากับเขาก่อนจะ...
ปั่ก!!
"โอ๊ย! ยัยตัวแสบ! อย่าหนีนะ!"
เรี่ยวแรงทั้งหมดที่ฉันเก็บไว้ถูกส่งต่อไปยังหัวเข่าก่อนจะพุ่งตรงไปยังหว่างขาของคนที่ยืนตรงหน้าอย่างสุดแรง เป็นหมันไปซะไอ้หมอบ้า!
"ตาย ๆ ไปซะ ไอ้หมอโรคจิต!"
ฉันตะโกนกลับหลังไปมองคนที่นอนงอตัวกับพื้นก่อนจะวิ่งเต็มเหนี่ยวราวกับเป็นตัวแทนไปแข่งขันโอลิมปิก ฉันจะไม่มีวันหวั่นไหวกับคนที่ทำอะไรบ้า ๆ กับฉันและทำลายชีวิตรักของพี่ชายฉันหรอก!
"แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ทำไมเหนื่อยแบบนี้เนี่ย โอ๊ยไม่ไหวแล้ว"
ฉันพูดกับตัวเองที่กำลังเหนื่อยหอบเพราะวิ่งหนีคนบางคน ก่อนจะนั่งลงตรงป้ายรถเมล์มองถนนตอนตีสองกว่า ๆ ที่เตียนโล่งไร้รถวิ่งผ่านอย่างหมดแรง
"ให้มันได้แบบนี้สิอีฟาเอ๊ย รองเท้าก็ไม่เอามา"
ฉันบ่นกับตัวเองเมื่อก้มลงมองที่เท้าก็พบว่าฉันไม่ได้สวมรองเท้า แล้วที่เดินเข้าห้องน้ำกับวิ่งมาเมื่อกี้ก็...เฮ้อ
"แบบนี้แหละพวกขี้เมาชอบลืมรองเท้า"
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นรองเท้าส้นสูงสีดำมาให้จากด้านหลัง
"ขอบใจ"
ฉันรับรองเท้ามาสวมด้วยอาการเซ็ง ๆ
"เออนั่นไง กระเป๋าตังค์ก็ลืมอีกเวรล่ะสิ"
ฉันตบหน้าผากตัวเองไปทีนึงก่อนจะนั่งคอพับต่อ เมื่อไม่รู้ว่าจะทำยังไง โทรศัพท์ก็อยู่ในนั้น
"อะเอามาให้"
กระเป๋าหนังสีดำยาวใบสวยถูกยื่นมาให้ฉันอีกครั้งจากคนคนเดิม กระเป๋าของฉัน?
"พอดีเลย ก็คิดอยู่ว่าไปลืมไว้ไหน"
ฉันเอื้อมมือไปรับกระเป๋ามาไว้ก่อนจะตั้งสติได้และหันกลับไปมองคนข้าง ๆ ก็พบว่าคนที่ยืนอยู่เป็นนายธันวา ไอ้หมอโรคจิตที่ฉันวิ่งหนีมันมา!
"นาย!"
"มานี่เลยยัยตัวแสบ"
"นี่นาย ว๊าย!"
ธันวากดเสียงต่ำก่อนจะกระชากฉันเข้าไปหาเขาแล้วแบกฉันไว้บนไหล่ ก่อนจะเดินตรงไปหารถยนต์สีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์ที่ฉันนั่งอยู่นัก
"นี่ ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้หมอโรคจิต! ปล่อยนะ"
"เงียบ!"
ตุบ!
ทันทีที่โยนฉันเข้าไปในรถแล้วล็อคประตู คนที่เดินวนมานั่งฝั่งคนขับก็หันมาขึ้นเสียงใส่ฉัน
"ไม่!"
เอาสิให้มันรู้ไปว่าฉันสามารถนั่งกรี๊ดได้ทั้งวันโดยที่ไม่เจ็บคอ
"จะเงียบไม่เงียบ!"
"ฉัน-ไม่-เงียบ กรี๊ดดดดด!"
พูดจบฉันก็กรี๊ดลั่นรถอย่างสุดพลังราวกับว่ากินนกหวีดแทนข้าวมาตั้งแต่เกิด บอกแล้วไงว่าฉันนะกรีดร้องได้ทั้งวัน ให้มันรู้ไปว่าพลังเสียงของฉันก็ทำให้แก้วหูไอ้หมอบ้านี่แตกได้
"ฟาเรนท์ฉันบอกให้เงียบ!"
"มะ อื้อ อ่อย อั๊น อ๊ะ"
สิ้นเสียงดุ ๆ ใบหน้าแดงก่ำของคนข้าง ๆ ก็กระชากฉันไปบดขยี้ริมฝีปากจนรู้สึกระบมไปหมด มือของฉันที่ทั้งดันทั้งผลักอกเขาออกเหมือนจะสู้แรงไม่ไหว เพราะเขาไม่สะทกสะท้านกับพลังทุบตีของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
"แฮ่ก ๆ "
หลังจากที่ถอนริมฝีปากร้อน ๆ ออกฉันก็ได้แต่สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วจ้องหน้าไอ้หมอบ้าที่ตอนนี้ส่งสายตาดุ ๆ มาให้ฉัน
"เสียงดีแบบนี้ เก็บเสียงน้องไว้ร้องที่ห้องพี่ดีกว่านะ"
รอยยิ้มมุมปากกับแววตาดุดันของคนข้าง ๆ ทำให้ฉันอดขนลุกไม่ได้ เขาน่ากลัว...
"ไม่!"
"ถ้าไม่งั้นฉันจะทำมากกว่าจูบเธอแน่"
".........."