ธันวา...
หลังจากที่สงครามของเราสองคนสงบลง ผมก็ขับรถกลับคอนโดโดยมีคนขี้เมานอนหลับอยู่บนรถ ครั้งแรกที่เจอเธอในผับผมก็คิดอยู่ตั้งนานว่าใคร ที่ไหนได้น้องสาวไอ้คนที่แย่งน้ำแข็งไปจากผมนี่เอง
"นี่เธอตื่นได้แล้ว"
ผมเขย่าแขนคนที่หลับอยู่เพื่อปลุกให้ตื่น
"หื่อออกไปอย่ามายุ่ง! คนจะนอน รำคาญ!"
อ้าวคนเขาอุตส่าห์ปลุก
"ถึงคอนโดเธอแล้ว"
ผมเขย่าคนที่หลับอยู่อีกครั้งเพราะถึงที่พักของเธอแล้ว ถ้าถามว่าทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ? ก็ยัยนี่เช็คอินไว้ทุกที่ที่ตัวเองไปและที่อยู่ของตัวเองเต็มโซเชียลไปหมดน่ะสิ
"อย่ามามั่ว นายไม่รู้จักคอนโดฉัน"
เสียงเหมือนคนละเมอพูดเอื่อย ๆ ก่อนจะหลับต่ออย่างสบายใจโดยไม่สนใจผมที่กำลังนั่งถอนหายใจอยู่เพราะความหงุดหงิด
"ปลุกแล้วไม่ตื่น พรุ่งนี้ค่อยไปฟื้นที่บ้านพี่นะน้อง"
".........."
เวลาต่อมา...
ตายแล้ว! ตาธันนี่แกไปฉุดลูกใครมาห๊ะ!"
เสียงแม่บังเกิดเกล้าที่นั่งดูซีรีส์เกาหลีเวลาตีสามกว่า ๆ ทำหน้าทำตาตกใจเมื่อผมอุ้มใครบางคนพาดไหล่เข้าไปในบ้าน ซึ่งต้องผ่านห้องนั่งเล่นที่แม่นั่งอยู่
"ไม่ได้ฉุดครับแม่ แต่ผมเห็นเขาหลับอยู่เลยเอากลับมาบ้านด้วย"
ผมยิ้มกวน ๆ วอนถูกตีหัวให้แม่ก่อนจะเดินเลยแม่ตรงไปยังบันไดของบ้าน
"เลิกได้ก็เลิกนะตาธัน ไอ้นิสัยหลอกฟันคนอื่นเนี่ย"
แม่พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็เป็นนิสัยของผมเองแหละ น้อยคนนักที่จะรู้เพราะผมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเอาไว้เยอะ ทุกคนเลยไม่เคยเห็นอะไรแย่ ๆ ของผม
"โธ่แม่ นี่น่ะลูกสะใภ้แม่เลยนะผมเอามาฝากแม่โดยเฉพาะ ถ้าแม่ไม่เชื่อแม่ก็ลองกลับไปคิดทบทวนดูว่าผมเคยพาใครที่ไหนมาบ้านเรามั้ย"
"นี่แกพูดจริงเหรอ!"
"จริงครับแม่ นี่แหละลูกสะใภ้แม่ตัวจริงเสียงจริงเลย"
"ตายแล้วไหน ๆ แม่ขอดูหน้าหน่อย"
แม่พูดพลางลุกจากโซฟาแล้วเดินวนไปมา จับ ๆ ลูบ ๆ คลำ ๆ ใบหน้าและท่อนแขนของคนที่ผมอุ้มพาดไหล่ไว้ด้วยความตื่นเต้น เห็นเป็นหมาหรือไงมาลูบมาคลำอยู่ได้แม่นะแม่
"เป็นไงครับ ถูกใจแม่มั้ย"
ผมถามยิ้ม ๆ เมื่อเห็นแม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้คนที่หลับไม่ได้สติอยู่
"หืม ถูกใจมากเลยล่ะตาธัน เอางี้แกรีบ ๆ เอาไปเก็บในห้องแกเร็ว ๆ เดี๋ยวแม่จะไปหาชุดมาเปลี่ยนให้ ท่าทางคงดื่มกันมาเยอะสิท่ากลิ่นเหล้าจากแกแล้วก็แม่หนูนี่คลุ้งเชียว"
แม่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนจะดันหลังผมให้แบกคนที่หลับอยู่ขึ้นไปชั้นบน แล้วตัวเองก็รีบเดินไปปิดทีวีก่อนจะลุกลี้ลุกลนเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมผม
ฟาเรนท์...
แสงแดดยามเช้าที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านส่องเข้ามาในห้อง ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเวลานี้ก็น่าจะเกือบ ๆ บ่ายโมงได้เพราะดูจากนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง แต่...เดี๋ยวนะนี่มันไม่ใช่ห้องฉัน!
"ไอ้หมอโรคจิต! ไอ้ธันวาไอ้บ้า!"
ฉันโวยวายเสียงดังเพื่อให้คนที่พาฉันมาที่นี่ได้ยิน
"ว่าไงสาวน้อยตื่นสายนะเราอะ"
เสียงของคนที่เปิดประตูห้องพร้อมกับถือถาดอาหารเข้ามาพูดขึ้น
"นี่ ทำไมนายไม่ไปส่งฉันที่คอนโดห๊ะ"
ฉันก้าวสามขุมไปหาคนที่ยืนทำหน้ากวนโอ๊ยอยู่ก่อนจะวางถาดอาหารลง
"ไปแล้ว แต่ไม่ลงเองก็เลยพามาที่นี่"
พูดได้หน้าตาเฉยมาก
"แล้วทำไมนายไม่ปลุกฉัน!"
"ปลุกแล้วแต่เธอไม่ตื่นเองช่วยไม่ได้"
"นี่! "
"แหกปากอีกทีฉันจะเอาลิ้นฉันอุดปากเธอซะ"
ฉันหุบปากแทบไม่ทันก่อนจะกรีดร้องในใจมองแผ่นหลังของไอ้หมอบ้านั่นเดินออกไป นี่ฉันยังไม่ได้สะสางเรื่องที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันเลยนะ เดินหนีไปซะแล้ว แล้วเมื่อคืนเขาทำอะไรฉันบ้าง โอ๊ยให้ตายสิฟาเอ๊ยไม่น่าหลงกลเลย
"ทำไมนายไม่ออกไปจากหัวฉันสักทีนะ"
ฉันสบถกับตัวเองเมื่ออาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ภาพเมื่อคืนของฉันกับนายนั่นยังติดตาฉันอยู่เลย ให้ตายเถอะไม่เสียตัวก็เหมือนเสียตัวนั่นแหละ หมดกัน!
"โธ่โว้ย!"
"อาบน้ำ กินข้าวเสร็จแล้วก็ลงไปข้างล่างได้แล้ว"
เสียงของคนที่ฉันไม่อยากเจอหน้าพูดขึ้นพลางเดินเข้ามาหาฉันที่นั่งอยู่ปลายเตียง
"ฉันจะกลับบ้าน"
ฉันหันไปบอกคนที่นั่งลงข้างฉัน
"เดี๋ยวไปส่ง แต่ต้องอยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อน"
"นี่! นายจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรนายต้องการอะไร"
ฉันชักจะเหลืออดกับเขาแล้วนะ
"ก็บอกไปแล้วว่าชอบ พูดไปแล้วว่าจะจีบ แล้วเมื่อคืนก็เป็นแฟนกันแล้วด้วยอย่าลืมสิ"
".........."
"ลงไปข้างล่างได้แล้ว แม่ทำขนมไว้รอ"
เขาพูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วดึงแขนฉันให้ลุกตาม
"นายว่าไงนะ"
แม่เหรอ?
"บอกว่าแม่ทำขนมไว้รอเธอ"
"แม่?"
ฉันมองหน้าเขาอย่างอึ้ง ๆ นี่ฉันต้องลงไปเจอแม่เขาเหรอ? แล้วก็ต้องกินมื้อเย็นด้วยกันอีก? อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนท่านเห็นสภาพของฉันแล้วน่ะ
"ใช่แม่ฉันเอง ท่านตื่นเต้นมากเลยนะที่ได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้น่ะ"
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นมัน...
"นี่นายบ้าไปแล้วหรอ!"
"หรือว่าเมื่อคืนยังทำให้เธอเป็นสะใภ้แม่ฉันไม่ได้ งั้นฉันทำมากกว่าเมื่อคืนดีมั้ย? เธอจะได้เป็นสะใภ้แม่ฉัรอย่างสมบูรณ์แบบไง"
".........."
"ว่าไงล่ะ ทำเลยมั้ยห้องพร้อมเตียงพร้อม อาบน้ำแล้วด้วย"
"มะไม่!"
"งั้นก็ลงไปหาแม่ฉัน อย่าเรื่องมาก"
".........."
หายไปนานเพราะงานยุ่งมาก ตอนนี้กลับมาแล้วจ้า
ฟาเรนท์...
"อ้าวหนู ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ"
เสียงหญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวยท่าทางใจดี ทักทายฉันขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ขณะที่ฉันกำลังเดินตามใครบางคนลงไปชั้นล่าง
"เอ่อค่ะตื่นแล้ว สวัสดีค่ะ"
ฉันยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าแบบที่คิดว่าสวยงามและเรียบร้อยที่สุดเท่าที่เคยทำมา อาการเกร็งแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก ทำไมตอนนี้รู้สึกเหมือนมาเจอแม่สามีเลยนะ
"พาน้องมานั่งข้าง ๆ แม่สิตาธัน แล้วก็เดินไปหยิบขนมมาให้น้องด้วยล่ะ"
หญิงวัยกลางคนหันไปบอกลูกชาย ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานมาให้ฉันอีกครั้ง
"ถ้าเธอบอกแม่ว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน หรือพูดอะไรไม่ดีกับแม่ฉันรวมถึงพูดเรื่องแย่ ๆ ของฉันให้แม่ฟัง ฉันจะบอกพี่ชายเธอเรื่องของเรา"
มือใหญ่กระตุกมือฉันให้เดินตามเขาไปก่อนจะกระซิบกระซาบข้างหูฉัน ฉันได้แต่กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่และฝืนยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้หมอบ้านี่มันขู่ฉัน!
"ชื่ออะไรจ๊ะหนู"
คนตรงหน้่าถามอย่างเป็นมิตรขณะที่ฉันนั่งลงตรงโซฟาฝั่งตรงข้าม
"หนูชื่อฟาเรนท์ค่ะ"
ฉันตอบยิ้ม ๆ
"เป็นแฟนตาธันเหรอลูก คบกันนานแล้วเหรอทำไมแม่ไม่เห็นรู้เลย"
"เอ่อค่ะ ก็คบกันได้สักพักแล้วค่ะ"
"แล้วหนูเรียนที่ไหนจ๊ะ เรียนคณะอะไร"
"เรียนวิศวะค่ะ"
"หืม จริงเหรอจ๊ะ"
"ค่ะ เอ่อคุณน้าคะพอดีหนูต้องกลับบ้านแล้วค่ะ นี่ก็บ่ายแล้ว วันนี้หนูมีสอบฝึกสัมภาษณ์งานช่วงเย็นด้วยค่ะ คงไม่สะดวกอยู่ที่นี่นาน"
ฉันตอบคำถามเสร็จก็รีบตัดบททันที เพราะคิดว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไปอีกทั้งต้องใช้โอกาสนี้หนีไอ้หมอบ้านั่น แล้ววันนี้ก็เป็นวันแรกที่เริ่มสอบด้วย ดีหน่อยที่อาจารย์ให้สอบหลายวันเลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่
"เดี๋ยวไปส่ง แต่ต้องชิมนี่ก่อน"
ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร เสียงทุ้มของคนที่เดินถือถาดขนมไทยเข้ามาก็ทำให้ฉันแทบสะดุ้ง ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้
"อ้าวตาธันมาพอดีเลย นี่แม่ทำเองเลยนะ หนูฟาเรนท์ลองชิมดูสิลูก"
ถ้าฉันจะบอกว่าไม่ชอบของหวานจะผิดมั้ย
"ชิมสิ อร่อยนะ"
เสียงของคนที่นั่งลงข้างฉันพูดขึ้นเชิงบังคับ ทำให้ฉันที่ไม่กล้าปฏิเสธรีบตักขนมเม็ดกลม ๆ สีเหลืองเข้าปากอย่างรวดเร็ว
"เป็นไงจ๊ะ อร่อยมั้ย"
คุณน้าถาม
"อร่อยค่ะคุณน้า อร่อยมากเลย"
ฉันตอบพลางกลั้นใจกลืนขนมหวานลงคอ
"ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ สิ กินหมดแล้วจะไปส่ง"
ว่าไงนะ? เสียงของคนข้าง ๆ ทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาด้วยท่าทีงุนงง แต่ก็ไม่กล้าเถียงอะไรเมื่อเห็นรอยยิ้มของผู้ใหญ่ตรงหน้ามองมาอย่างมีความหวัง
"ต่อไปนี้หนูฟาเรนท์เรียกแม่ว่าแม่ดีกว่านะ ไหน ๆ ก็เป็นแฟนตาธันแล้วแม่ไม่อยากให้เรียกอะไรที่ดูห่างเหินกันน่ะ"
"ค่ะแม่"
"งั้นเดี๋ยวแม่ไปห่อขนมในครัวให้หนูดีกว่าจะได้เอากลับไปกินที่บ้านด้วย ส่วนในถาดนี้เราสองคนจัดการให้แม่ทีนะ เดี๋ยวแม่มา"
คุณแม่พูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ทิ้งให้ฉันนั่งอยู่กับไอ้คนใจร้ายที่บังคับให้ฉันกินของหวานอยู่ตรงนี้
"รีบ ๆ กินเข้าไปสิ หรืออยากอยู่ต่อก็ได้นะฉันไม่ว่า"
คนข้าง ๆ พูดพลางขยับถาดขนมไทยเข้ามาใกล้ฉัน
"แล้วนายทำไมไม่กินล่ะ แม่ก็บอกอยู่ว่าให้ช่วยกันจัดการ"
ฉันประท้วงเมื่อคนข้าง ๆ ไม่ได้สนใจขนมไทยสีเหลืองในถาดนี้เลยสักนิด เอาแต่บังคับให้ฉันกินคนเดียวอยู่ได้
"ฉันไม่ชอบของหวาน เธอกิน ๆ ไปเหอะ"
"ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันนะ ทำไมต้องให้ฉันกินด้วยล่ะ"
ฉันรีบบอก
"แล้วเมื่อคืนตอนอยู่ในรถ ก็ไม่เห็นว่าเธอจะไม่ชอบนี่ ทำไมยังกินมันได้ล่ะ"
".........."