ตอนที่ 1
ฉันชื่อพะพาย
ณ คอนโดแห่งหนึ่ง ใจกลางเมือง
ฉันชื่อ พะพาย อายุ 24 ย่าง 25 ปี เป็นพนักงานบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งค่ะ วันนี้ฉันมีนัดสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนมหาลัยร่วมสาขา และเมื่อสัปดาห์ก่อนก็เพิ่งจะรับปริญญาไป
ฉันรีบอาบน้ำคลายความเหนื่อยก่อนจะยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ากับผ้าขนหนูผืนเดียว ฉันหันไปส่องกระจกมองรูปร่างตัวเองอีกครั้งอย่างที่เคย
“เฮ้อ...” แล้วก็ถอนหายใจทุกครั้งที่มองมัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบนะที่หุ่นของฉันดีขนาดนั้น ไม่ว่าจะหน้าอก สะโพกล้วนมีมากกว่าใคร แต่นั่นแหละยิ่งทำให้เป็นจุดสายตาของใครหลาย ๆ คน จนเกิดเป็นคำซุบซิบนินทา ไม่ก็ถ้อยคำคุกคามจนผวามาทั้งชีวิตหรือแม้กระทั่ง...พ...
“เรื่องแบบนี้จะพูดออกมาให้ใครฟังได้อย่างไรกัน ฉันคงต้องเก็บไว้ในส่วนลึกตลอดกาล”
‘ติ้ง..’.
เสียงมือถือแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น ฉันหยิบมันขึ้นมาอ่าน
FON : พายอย่าลืมนัดนะ ช่วยแต่งตัวสวย ๆ ด้วย ฉันไม่อยากให้แกโดนล้อจากไอ้พวกปากหมาพวกนั้นอีก รักนะ…
ขอความจากยัยฝน เพื่อนรักของฉัน
“นั่นสินะ หากแต่งตัวอย่างที่เป็นคงทำให้ฝนปวดหัวคอยไล่ห้ามปรามพวกเพื่อนคนอื่น ๆ อีกแหง ๆ ก็ได้ยอมเป็นยัยพะพายที่อยากเป็นสักวันแล้วกัน”
ฉันเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้ามองดูชุดที่เรียงราย แต่ไม่ว่าตัวไหนก็มีแต่ชุดคุณป้าที่ใส่ไปทำงานเท่านั้น
“อ่ะ...จริงสิชุดที่คุณหญิงพิมลเคยซื้อให้ตอนวันรับปริญญายังไม่เคยแกะกล่องมันขึ้นมาเลยนี่นา” ฉันหยิบกล่องสีชมพูใบใหญ่ขึ้นมาเปิด พบว่าเป็นชุดเดรสสีขาวเปิดไหล่นิด เปิดหลังหน่อย ลูกไม้ประดับพอน่ารัก และเมื่อหยิบมามันสวมใส่แล้วนั้น...
“สวยจัง...” นั่นคือคำที่ฉันอุทานออกมาเมื่อมองเห็นตัวเองใส่ชุดที่คุณหญิงเลือกไว้ให้ “ใส่ชุดนี้แหละ”
หลังแต่งตัวเสร็จ ฉันก็ขับรถไปรับเพื่อนที่สนิทที่สุดเพียงคนเดียวอย่างฝน ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจที่มีเพื่อนสนิทน้อยเลยนะ เพราะแม้จะมีเพียงคนเดียวแต่เพื่อนคนนี้ก็ดีจนแทบแยกร่างเป็นเพื่อนสิบคนให้ได้ ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ ก็มักจะคอยโทรมาถามไถ่กันเสมอ แม้เธอจะวุ่นกับงาน วิ่งงานไม่พักแทบไม่ได้อยู่กับที่ ดังนั้นฉันจึงรักเพื่อนคนนี้มาก ๆ เลยล่ะ (เพื่อนจริง ๆ นะ ไม่มีลับลมคมนัยให้ใครมาจิ้นหรอก สาบานฮ่า...)
และเมื่อฉันกับฝนเดินเข้ามาในคลับ CB ตามเวลานัดหมายฉันแทบสะดุ้งกับเสียงเพลงที่มันดังมาก แถมแสงสีเสียงก็จัดเต็มชนิดที่ทำเอาแสบตาสุด ๆ เคืองตาจนแทบน้ำตาปริ่ม คงเพราะฉันห่างหายจากสถานที่แบบนี้มานานหลายปีมาก ๆ นั่นแหละ
“ฉันขอดูแปบนะ...เออเหมือนเราจะจองกลุ่มโต๊ะวีไอพีด้านหน้าสุดมุมซ้าย...อะ ตรงนั้นพะพาย” ฝนชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่เห็นไม่ไกลนัก พร้อมกับกลุ่มเพื่อนที่มาก่อนหน้าราว ๆ สิบกว่าคนแต่เพราะจำนวนคนที่มากทำให้ต้องแยกโต๊ะเป็นกลุ่ม ๆ และโต๊ะที่ฉันกับฝนจะไปร่วมนั่งดูเหมือนจะมีสามคนรอแล้วแฮะ
ฝนรีบดึงมือฉันให้เดินตามฝ่ากลุ่มนักท่องเที่ยวราตรีที่จ้องมองมาแทบจะกลืนฉันไปทั้งตัว เล่นเอาฉันหวั่น ๆ ในใจนิด ๆ และเมื่อไปถึง สิ่งแรกที่ถูกทักจากกลุ่มเพื่อนในโต๊ะไม่ใช่คำล้ออย่างยัยเฉิ่ม เชย ยัยแว่นเหมือนเคย
“ฝนมาแล้วเหรอ แล้วพะพายไม่มาล่ะ” เพื่อนชายคนหนึ่งมองมาที่ฝน ก่อนจะเหลือบมองมาที่ฉันซึ่งยืนหลบหลังฝนที่พยายามเอียงหน้าหลบ และเพราะคลับมันมืดมากจึงเห็นใบหน้ากันไม่ชัดเท่าไหร่ เขายิ้มให้ฉันอย่างเขินอายเล็กน้อย แต่กลับเอ่ยถามหาฉัน ทำเอาฉันเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย
“มาดิ” ฝนตอบไป
“ไหนล่ะยัยแว่นคนดีคนเดิมของบิ๊ก” เสียงผู้ชายอีกคนที่ฉันไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ เพราะตอนเรียนมหาลัย เขาเอาแต่ล้อฉันหนักมากกว่าใคร ๆ แต่ถามว่าฉันฝังใจเจ็บปวดมากไหม ก็ไม่นะเพราะพวกเขาแค่ล้อรูปลักษณ์ ไม่ได้แดกดันกลั่นแกล้งใด ๆ หรอก (และฉันก็ตั้งใจให้พวกเขามองฉันแบบนั้นเหมือนกัน)
“พวกนายแกล้งโง่กันรึไง พะพายก็อยู่หลังฉันเนี่ย” ฝนเท้าสะเอวยกยิ้มทำเอาพวกผู้ชายเบิกตาโพลงเมื่อมองฉันที่หลบอยู่ด้านหลังฝน
“สวัสดีทุกคน ฉันพะพายเอง”
“ห๊ะ!” เพื่อนทุกคนทั้งชายหญิง หันมามองที่ฉันอย่างพร้อมเพรียงแม้แต่เพื่อนโต๊ะข้าง ๆ ฉันเดินออกจากการหลบหลังฝน ก่อนจะโบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างที่เป็น
“หึ ยัยพะพายสวยล่ะสิ เงียบกันแบบนี้ มันสวยมานานแล้วเว้ย” ฝนตบบ่าฉันก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อน ๆ อย่างภาคภูมิใจ ให้ตายเถอะพวกเขาจะหมั่นไส้ฉันรึเปล่านะ
“...” ทุกคนก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น ฉันกลัวว่าจะทำให้งานกร่อยจึงต้องเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาก่อน
“มาสนุกต่อกันเถอะ อย่าเงียบกันแบบนี้เลย”
ฉันเดินจูงมือฝนไปนั่งโซฟาว่างข้าง ๆ กลุ่มเพื่อนอีกกลุ่มที่ค่อนข้างสนิทกัน ทำงานกลุ่มด้วยกันบ่อย ๆ เอาจริงนะฉันถือว่าโชคดีที่ไม่เคยโดนเพื่อนผู้หญิงด้วยกันเขม่นเท่าไหร่อาจเป็นเพราะฉันอยู่เป็นด้วยล่ะมั้ง
“นี่แกไปทำอะไรมา สวยขึ้นมากแถมยังซ่อนรูปสุด ๆ” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ มิ้นท์ เอ่ยทักแถมยังส่งสายตาประกายมาให้ ฉันทำได้เพียงยิ้มเล็ก ๆ ให้ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่เปลี่ยนลุคเฉย ๆ น่ะ”
“ไม่อยากจะเชื่อแค่เปลี่ยนลุคก็สวยมากขนาดนี้ นี่ถ้าแกหัดแต่งตัวตั้งแต่เรียนป่านนี้ก็ไม่โดนคนอย่างพวกไอ้พี ไอ้บิ๊ก ล้อตลอดหรอก” มิ้นท์พูดพลางกอดอกหันไปมองพวกผู้ชายที่ยังคงยืนซุบซิบสับสนบางอย่างอยู่
“มันก็...” บิ๊กนิ่งไปก่อนหันสายตาอ่อนลงมาทางฉัน พีที่ยืนข้าง ๆ บิ๊กก็คอตกไม่แพ้กันก่อนที่ทั้งสองจะเดินมาตรงหน้าฉัน
“เฮ้อ...ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าบิ๊กไม่รู้สึกผิด ปากบิ๊กอาจจะไม่ดี แต่ในใจไม่ได้คิดอะไรแย่ ๆ เลยนะ” บิ๊กพูดจากใจจริง
“พีก็ด้วย ตอนนั้นคิดว่าการพูดแบบนั้นหมายถึงคนกันเอง แล้วพายดูเป็นคนจิตใจดีไม่เคยต่อว่า พวกเราเลยคิดว่าเล่นด้วยได้”
“โอ๊ยตรรกะที่ทำให้คนอื่นต้องจมทุกข์มาสี่ปีให้ตายเถอะ”
“ฝนใจเย็น ๆ พายไม่เป็นไรหรอก” ฉันหันไปยิ้มให้กับพีและบิ๊ก “ที่ผ่านมาพายไม่ได้ติดใจอะไร และก็มองทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา พายไม่อยากให้การเลี้ยงสังสรรค์ต้องกร่อย เอาเป็นว่าทุกคนมาดื่มมาเต้นให้สนุกกันเถอะ”
พวกเราดื่มกันอย่างหนัก ยิ่งดึกไฟในคลับก็เริ่มหรี่ลง เสียงเพลงโหมกระหน่ำแสงสียิ่งมาก พานให้อาการที่เมานั้นทำให้รู้สึกเมามายไปอีก ราวกับร่างกายได้รับความเพลิดเพลินหลังจากแบกความรู้สึกหนักอึ้งมากมายมานาน ยัยฝน มิ้นท์ และเพื่อนทุกคนลากกันไปลานฟลอร์ เพื่อออกไปเต้น แน่นอนว่ามีผู้ชายหลายคนพยายามจะเข้าหาฉัน และฉันก็ทำได้เพียงยิ้มเพราะเพื่อนอย่างฝนจัดการให้หมดทั้งที่ฝนเมากว่าฉันตั้งเยอะ สมเป็นเพื่อนแท้ที่พร้อมปกป้องฉันจริง ๆ ให้ตายเถอะ
หลังเต้นกันอย่างสนุกสนานสุดเหวี่ยงแล้วนั้น พวกเรากลับมากินเหล้ากันต่อที่โต๊ะแบบไม่หยุดพัก ทุกคนเริ่มเมาหนัก พูดไปหัวเราะไป ฉันเองไม่ต่างกัน เริ่มจะมึนหัวแต่ยังพอคุมสติได้บ้างแม้จะเลือนรางเต็มทน ทว่า...ยัยฝนที่ปากบอกคอแข็งกว่าใครตอนนี้กลับหัวฟุบลงไหล่เพ้ออะไรที่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง ประจวบเหมาะที่แฟนของฝนโทรมาฉันจึงรีบรับสายและให้เขามารับเธอทันที
“เฮ้อ...ก็เป็นซะแบบนี้พอปล่อยให้มาเที่ยวก็เมาเหมือนหมาตามเคย” เสียงพ่นลมหายใจอย่างระอาแฟนของฝน หลังจากที่รีบมารับฝนสภาพเมาจนแทบไม่ได้สติ ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับฉัน
“น้องพะพายใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ได้ยินฝนพูดถึงมานานว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สวยมาก โม้ให้ฟังทั้งวัน วันนี้ได้เจอตัวจริงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ ดูเหมือนฝนจะไม่ได้โม้แหะ” คำพูดนั้นดูเหมือนชื่นชมจากใจไม่ใช่คุกคามเพราะสายตาแฟนของฝนมองฉันแวบเดียวแล้วก็หันไปมองฝนที่เมาแอ๋ในอ้อมแขน พอเห็นแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อยที่เพื่อนได้แฟนดีขนาดนั้น รู้สึกอิจฉามานิด ๆ แหะ
“แล้วนี่น้องพายกลับยังไงดูเมาไม่น้อยไปกว่าฝนเลยนะ ติดรถพี่กับฝนไปด้วยกันไหม” แฟนของฝนเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ พายกลับเข้าไปหาเพื่อน ๆ ที่เหลือก่อนยังไม่ได้ลากันเลยค่ะ เดี๋ยวพายเรียกเลดี้คาร์ได้”
“งั้นเหรอ ดูแลตัวเองด้วยนะ เพราะขืนฝนตื่นขึ้นมาเขาต้องโวยวายถามว่าพี่ปล่อยให้น้องกลับเองได้ยังไง”
“พูดแล้วเห็นภาพเลยค่ะ ฮ่า... เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วง พายดูแลตัวเองได้ พี่พาฝนกลับไปก่อนเถอะค่ะ ปล่อยไว้ตรงนี้นานได้เห็นฉากอ้วกแน่”
“นั่นสินะ งั้นพี่พาคนดื้อของพี่กลับก่อนนะ”
จากนั้นแฟนของฝนก็พาฝนกลับไป ฉันยืนเมาค้างอยู่หน้าคลับสักครู่ แหงนมองฟ้าเห็นเครื่องบินลอยผ่านนัยน์ตา
คุณหญิงพิมลบอกว่าพี่เขาใกล้กลับมาแล้วนี่นา อยากเจออีกจัง...ห้าปีกว่าแล้วสินะที่ไม่ได้ติดต่อกันเลย พี่ชายที่แสนดีของฉัน หวังว่าตอนเขากลับมาเขาจะจำฉันได้นะ
ฉันยืนนิ่งเพียงครู่ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในคลับเพื่อดื่มต่อกับทุกคน พอได้เปิดใจกับเพื่อน ๆ ก็ทำให้พวกเราคุยกันอย่างจริงใจมากกว่าเดิมแถมยัง...
“จริง ๆ แล้วบิ๊กชอบพะพายมาตลอด” จู่ ๆ บิ๊กที่เมาได้ที่ก็พูดออกมาทำเอาฉันที่เมาเหมือนกันสะดุ้ง พีตบไหล่เพื่อนก่อนจะพยักหน้า
“อืม...เป็นเรื่องจริง พียืนยันได้ว่ามันชอบพะพาย”
“ชอบแบบไหนวะถึงเอาแต่ล้อพะพาย ดูจากคนนอกอย่างฉันเหมือนพวกนิสัยเหี้ยปากหมามากกว่าชอบอ่ะ” มิ้นท์ยกแก้วดื่ม ก่อนพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ก็คนมันแสดงออกไม่เก่งนี่วะ พอได้ใกล้มันก็เขิน” แววตาของบิ๊กมองมาที่ฉัน ซึ่งฉันก็รับรู้ได้แหละว่าเขาพูดจริง นั่นจึงทำให้ฉันได้แต่ยิ้ม
“แล้วตอนนี้พายยัง...โสดมั้ย” บิ๊กถามด้วยสายตาเยิ้มเพราะเมาหนักมาก
“โสด...แต่มีคนที่ชอบแล้วล่ะ ขอโทษนะ” ฉันเองก็ชัดเจนกับความรู้สึกเหมือนกัน
“งั้นเหรอ...แต่ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันจะขอมากไปไหม ถ้าจะขอเบอร์ติดต่อไว้ในฐานะเพื่อน”
“ได้สิ...เอามือถือมาเดี๋ยวเมมเบอร์ให้” ฉันยิ้มก่อนจะรับมือถือที่บิ๊กยื่นให้มาแล้วเมมเบอร์ของตัวเองไป แน่นอนว่าฉันแจกเบอร์ให้ทุกคนในนี้หมดนั่นแหละ มือถือมีสองซิม แยกระหว่างงานกับส่วนตัวชัดเจนอยู่แล้วล่ะ
เราดื่มกันจนเมามายรอบวง คนอื่น ๆ ก็เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง แม้แต่ฉันเองก็เริ่มจะไม่ต่างจากพวกเขา สายตาเริ่มเลือนราง ดีว่ายังมีสติกว่าใครอยู่
“พายหวายมาย” บิ๊กหันมาถามฉันทั้งที่ตัวเองสภาพแย่ยิ่งกว่าเสียอีก แถมยังพูดฟังไม่ได้ความอีก
“ไหวสบายมาก” ฉันที่กุมหัวอยู่ตอบไปแบบนั้น
“ให้บิ๊กปายส่งหมาย...” คำพูดเริ่มยานคางตามประสาคนเมาหนัก
“โธ่...ไอ้บิ๊กสภาพมึงเหมือนหมาขนาดนี้ยังอยากจะไปส่งพะพายอีก จะพาพะพายไปตายกับมึงรึไง กูนี่แหละจะลากมึงกับมิ้นท์ไปส่งคอนโด” พีเดือดจัด แต่ตัวเองก็หน้าแดงก่ำไม่แพ้กัน ก่อนจะหันมาทางฉัน “พะพายล่ะ นั่งรถไปด้วยกันเลยไหม พีจะได้เรียกรถเจ็ดที่นั่งไปเลย”
“ไม่ดีกว่าพี คนละทางพายเรียกรถเองได้ แต่เดี๋ยวพายช่วยแบกมิ้นท์ไปให้แล้วกัน พีคนเดียวคงไม่ไหว”
“ขอบใจมาก มาเลี้ยงฉลองกันทั้งทีสภาพเหมือนหมาพาเราเหนื่อยกันหมด”
“เอานา... ถือว่ามาปลดปล่อยไง”
จากนั้นฉันกับพีก็ช่วยกันลากบิ๊กและมิ้นท์ไปนอกคลับยืนพยุงพวกเขาไม่นานรถที่พีเรียกมาก็จอดตรงหน้า
“พีพาพวกเขาไปส่งก่อนนะ ส่วนพาย...ยังไงพวกเราทุกคนก็แลกเบอร์มีกลุ่มไลน์กันแล้ว พิมพ์บอกในกลุ่มด้วยล่ะว่ากลับแล้ว”
“ได้...รีบไปเถอะพีต้องส่งอีกหลายคน”
จากนั้นรถของพวกเขาก็เคลื่อนลับสายตาฉันไป
“ฉันเองก็ต้องกลับสักที ปวดหัวจะแย่ เอ๊ะเดี๋ยวนะกุญแจรถฉันละ ไม่สิทั้งกระเป๋าเลยนี่หว่า ให้ตายเถอะต้องกลับเข้าไปเอาจริง ๆ เหรอเนี่ย เวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว”