1.เฉิ่ม
คอนโดฯ ไข่ตุ๋น&เจน
“ไอ้ตุ๋น แกคิดจะออกจากห้องบ้างไหมฮะ หมกตัวอยู่ในนี้สามวันแล้วนะเว้ย แล้วน้ำได้อาบบ้างหรือเปล่า” เสียงของ ‘เพื่อนสนิท’ ทำให้เสียงพิมพ์ต๊อกแต๊กอยู่นั้นเงียบลง ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วหันไปมองคนที่ทำให้ฉันหลุดออกจากจินตนาการ
“มีอะไร”
“ก็เข้ามาดูไง นึกว่าตายไปแล้ว เห็นหมกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน” เจนเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ ชะเง้อหน้าเข้ามามองที่โน๊ตบุ๊คของฉันอย่างวิสาสะ “ใกล้จบยัง”
“วันนี้น่าจะเสร็จ กำลังรีไรต์ต้นฉบับ”
“งั้นคืนนี้ออกไปหาอะไรกินกัน”
“ที่ไหน” ฉันถามในขณะที่หันกลับมามองหน้าจอโน๊ตบุ๊คเหมือนเดิม “ถ้าร้านเหล้าไม่ไปนะ ขี้เกียจแต่งตัว”
“ไม่ใช่ร้านเหล้าหรอก ว่าจะพาเข้าไปที่บ้านรุ่นพี่ที่รู้จัก เขาจัดวันเกิดกัน”
“ถ้างานเสร็จน่ะนะ” งานที่ว่าก็คือ ‘แต่งนิยาย’ ตอนนี้ฉันเรียนอยู่คณะมนุษยศาสตร์ปีที่สอง เพราะอยากหารายได้เสริมช่วยพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดก็เลยดึงความถนัดที่ทำได้ออกมาแปลงเป็นเงิน มันก็ไม่ได้เยอะมากเพราะเรื่องที่ฉันแต่งมันก็ไม่ได้สนุกอะไรมากมาย พอไปวัดไปวาได้ รายได้ก็พอได้อยู่ได้กินนั่นแหละ
“งั้นก็รีบเลยจะได้รีบเสร็จ แล้วก็แต่งตัวด้วยนะเว้ย” เจนพูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไป ฉันก็เลยกลับมาโฟกัสงานต่อ ดันแว่นตาหนาเตอะให้กลับเข้าที่ ส่วนจมูกก็มียาดมยัดอยู่ในนั้น สองตาก็นั่งอ่านรายละเอียดของนิยายต่อไป เพราะวันนี้วางเป้าไว้แล้วว่าจะต้องปิดต้นฉบับให้ได้เพราะนักอ่านที่รักรออยู่ ฉะนั้นลุย!!
เวลาต่อมา…
“โอ้ยไอ้ตุ๋น แกแต่งตัวอะไรเนี่ย!!” เสียงเจนแหวขึ้นเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้ว ดวงตากลมโตของเพื่อนมองฉันอย่างประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหัวทันที “ไม่ได้ ๆ เข้าไปเปลี่ยนใหม่ แต่งหน้าด้วย แกจะไปหน้าสดแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย”
“ไม่เอา ไปแบบนี้แหละ” ว่าแล้วก็ก้มลงมองตัวเอง “มันก็ไม่ได้แย่นะเจน”
“ไม่แย่แต่มันดูไม่โต ยิ่งแกใส่แว่นตาหนาเตอะขนาดนี้ ก็ยิ่งดูเด็ก ไปเปลี่ยนใหม่!!” เพื่อนย้ำเสียงดังอีกครั้ง
“ไปแบบนี้แหละ ปะ หิวแล้ว” ที่จริงก็ไม่ได้แต่งตัวแย่อะไร (หรือเปล่า) ก็เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนขาสั้น ส่วนรองเท้าก็อีแตะดี ๆ นี่แหละ ผมที่ยาวย้วยก็ถูกมัดลวก ๆ ไว้กลางหัว ใบหน้าก็ไม่ได้แต่งแต้มอะไร เพราะคิดว่ามีแว่นตาอำพรางอยู่ ก็เลยไม่อยากแต่งอะไรให้มันมากมาย
“ถ้าโดนแซวขึ้นมาอย่ามาบ่นให้ฟังอีกนะ”
“ไม่บ่นหรอก ชินแล้ว” ที่ว่าโดนแซวก็คือ ‘เฉิ่ม’ เพราะฉันใส่แว่นตาหนาเตอะ อีกทั้งยังไม่ค่อยแต่งตัว ทุกคนก็เลยคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไปนี่แหละ และที่ใส่แว่นก็ไม่ใช่เพราะเป็นเด็กเรียนอะไร พอดีสายตาสั้นเพราะเล่นโทรศัพท์ และดู ‘คลิปวิดีโอ’ มากเกินไป อีกทั้งแต่งนิยายอีก สายตาก็เลยเสียไปเลย ก็เลยต้องใส่แว่นนี่แหละ
“เพราะแบบนี้ไงแกก็เลยไม่มีแฟนสักที” เสียงบ่นขึ้นเมื่อเราเข้ามาอยู่ในรถแล้ว และรถคันนี้ก็คือรถของเจน เธอเป็นเด็กในเมืองและบ้านรวย แตกต่างจากฉันที่เป็นเด็กต่างจังหวัดที่สอบติดมหา’ลัยที่นี่ ก็เลยต้องย้ายตัวเองมาปักหลักที่กรุงเทพฯ หนีบ้านหนีเมืองมาอยู่ในที่แสนไกล
“ผู้ชายพวกนั้นตาถั่วไง พลาดของดี”
“ไม่อยากให้เขาพลาดของดีก็แต่งตัวซะสิ”
“เอาเวลาไหนไปแต่ง แค่แต่งนิยายก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว” ไหนจะเรียน งานที่อาจารย์สั่ง ไหนจะปั่นนิยาย เวลาว่างแทบไม่มี
“ทำไมแกไม่ลงโปรโมทให้เพื่อนในคณะเข้าไปอ่าน ฉันว่าคณะเราก็มีคนสนใจอะไรแบบนี้อยู่นะ”
“นิยายนะไม่ใช่นิทาน แกก็รู้ว่าฉันแต่งเรต 25+ ถ้ามีคนรู้ว่านามปากกา ‘กระต่ายน้อย’ คือฉัน เขาจะไม่มองฉันแปลก ๆ เหรอ” ใช่แล้ว นิยายที่ฉันแต่งมันจะเป็นเรต 25+ ซึ่งมีน้อยมากที่จะแต่ง 18+ อีกทั้งยังติดแต่ง nc หนัก ๆ มาแต่ไหนแต่ไร ก็เลยชินมาตั้งแต่นั้นเลย
“แต่แกก็เก่งนะ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่บรรยายเนื้อหาแบบนี้ได้ลื่นไหล ขนาดตอนที่ฉันอ่านยังร้อนวูบวาบในท้องน้อยเลย”
“ร้อนวูบวาบในท้องน้อย หรือร้อนตรงไหน?” หันไปมองเพื่อนอย่างจับผิด เพียงเท่านั้นใบหน้าสวยหวานก็เหลือบมามองฉัน ก่อนที่จะตีคิ้วขึ้นยั่ว ๆ
“ก็รู้อยู่ แกคนแต่งก็น่าจะรู้ดี ยังจะมาถาม”
“กางเกงในเปียกเลยแหละ”
“โคตรหื่น” แล้วเราสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อพูดอะไรที่มันกำกวมจบ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันกับเจนจะชอบพูดอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเราหื่นหรือมันเป็นความชอบไปแล้วกันแน่ ถ้าไม่พูดก็เปิดดู ‘คลิปวิดีโอ’ เมื่อก่อนฉันก็ไม่ได้ดูหรอกเยอะหรอก แต่เพิ่งดูจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนแต่งนิยายนี่แหละ อยากเห็นกระบวนท่าทางว่าเขาทำอะไรยังไง ก็เพราะไม่เคยนั่นแหละ ถึงได้เปิดดูอะไรแบบนี้
พอดูไปดูมาก็เพลิน เพลินแล้วก็ติด แย่จัง…
ไข่ตุ๋นติดหนังโป๊ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
เจนใช้เวลาขับรถสักพักก็พามาถึงจุดหมาย ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของใครเพราะเพิ่งเคยมาครั้งแรก มองเข้าไปในบ้านก็เห็นวงเหล้ากลุ่มเล็ก ๆ กำลังนั่งจุ้มหัวกันอยู่ในตอนนี้
“มาพอดีเลย ไอ้พวกนั้นกำลังบ่นหา” ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาทักเจนที่เดินนำหน้าฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเหลือบตามามองฉันบ้าง
“วันนี้เจนพาเพื่อนมาด้วยนะเฮีย ชื่อไข่ตุ๋น เรียกสั้น ๆ ว่าไอ้ตุ๋นก็ได้” เจนพยักพเยิดหน้ามาทางฉันเมื่อเห็นหลายสายตามองมาอย่างสงสัย “เพื่อนสนิทเจนเอง แต่มันไม่ค่อยออกจากห้อง ก็เลยไม่ได้พามาให้รู้จัก”
“ตามสบายนะไข่ตุ๋น นี่บ้านเฮียเอง จะเกลือกกลิ้งที่ไหนก็เอาเลย”
เหมือนหมา…
“นี่เฮียปราก” เจนชี้นิ้วเล็ก ๆ ใส่เฮียเจ้าของบ้าน แล้วไล่สายตาไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดที่ผู้ชายหน้าหล่อที่มีรอยสักที่แขน “นั่นพี่คิน”
“น้องเขาทำหน้าเหมือนกลัวกูเลยว่ะ” พี่คินพึมพำขึ้น ส่วนฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงก็เลยหันไปหาเจนให้พูดอะไรออกมาอีก
“นั่นพี่ภีม” เพื่อนพยักพเยิดไปที่ผู้ชายมีรอยสักที่แขนไม่ต่างกัน แต่เป็นคนละรูป ใบหน้าดุ ๆ มองฉันนิดหน่อยก็ตีคิ้วให้เมื่อเห็นฉันพยักหน้าทักทายเขา
“นั่นพี่เดย์”
“วันนี้จะแนะนำตัวเสร็จไหมวะ” เฮียปรากที่เป็นเจ้าของบ้านเกาหัวแกรก ๆ เพียงเท่านั้นเจนก็หัวเราะออกมาทันที
“ใจเย็นดิเฮีย ให้เพื่อนเจนซึมซับความหล่อของน้องชายเฮียบ้าง” แล้วเจนก็ชี้ไปที่ผู้ชายคนสุดท้ายของบ้าน “นั่นพี่ปาย”
“สวัสดีค่ะ” เพราะไม่รู้จะทักทายยังไงก็เลยยกมือขึ้นกราดไหว้พวกพี่เขาทีเดียวจบ ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว สตงสติก็แทบไม่มีเหลือ ความขาว ความหล่อกระแทกตาอย่างแรง โดยเฉพาะพี่ภีมกับพี่ปายที่ถอดเสื้อนั่งกินเหล้า เป็นอะไรที่ดีต่อใจมาก หุ่นปังสุดอะไรสุด ซิกแพคเรียงสวยเป็นลอนขาวจั๊วะ เห็นแล้วน่าลูบไล้…
อึ๋ย…ไอ้เจนพามาอ่านกินผู้ชายชัด ๆ
“ส่วนนั่นพี่ได๋” เหมือนเจนจะลืมแนะนำตัวพี่ผู้หญิงคนหนึ่งก็เลยพูดขึ้นอีกครั้ง ฉันก็เลยยกมือไหว้เธอ แค่นั้นก็ได้เห็นมือเล็ก ๆ กวักมือเรียกให้ไปนั่งร่วมวง
“เอาเหล้าหรือเบียร์” พี่ได๋เปิดปากถามเมื่อพวกเรานั่งลงข้างเธอแล้ว ซึ่งลหน้าของพี่เขาก็แดงไปแล้วด้วย “หรือกินเปปซี่?”
“เปปซี่บ้าบออะไร มาวันเกิดเฮียทั้งที ต้องกินเหล้าเท่านั้น” เฮียปรากพูดขึ้น
“เอาเหล้าก็ได้ค่ะ” ฉันเอ่ยปากแล้วหันไปหาเจน “กลับดึกไหม”
“ปกติแล้วไม่ได้กลับนะ นอนเมาเหมือนหมาข้างพี่ได๋ทุกครั้ง” เจนพูดยิ้ม ๆ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงนั่นแหละ เพราะเจนชอบหายออกไปจากห้องตอนกลางคืนบ่อย ๆ กลับมาอีกทีก็ตอนเช้า ซึ่งเธอก็บอกว่าไปเมามานี่แหละ
“เพื่อนกินได้จริง ๆ เหรอวะเจน” คนที่หน้าดูเหมือนเป็นมิตรที่สุดเอ่ยขึ้น ‘พี่ปาย’ พยักพเยิดหน้ามาทางฉันสลับกับแก้วเหล้าที่อยู่ในมือของพี่ได๋
“ทำไมจะกินไม่ได้อะ” เจนถามกลับ
“เพื่อนเหมือนเด็กเรียน” พี่ปายมองฉันยิ้ม ๆ ตาคมจ้องหน้ากันนิ่ง ซึ่งฉันก็จ้องหน้าเขากลับเหมือนกัน จ้องสี่ตาเลยด้วย
“เด็กเรียนอะไร พี่ปายยังไม่เห็นไอ้ตุ๋นแต่งตัว อยากจะบอกว่ายังงี้เลย” ว่าแล้วก็ยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อตอกย้ำคำว่า ‘ยังงี้เลย’
“อะไรคือคำว่ายังงี้เลย” เขาก็ยังถามกลับ ปากพูดกับเจน แต่ตาดันมองหน้าฉัน
“แซ่บยังงี้เลย”
“แซ่บหรือเฉิ่ม แว่นตาหนาเตอะขนาดนั้น” ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วใส่พี่ปายทันที นี่ยังรู้จักกันไม่ถึงสิบนาทีเลยนะ กล้าเอ่ยปากว่าฉันเฉิ่มแล้ว
“ไอ้ปายมึงเลิกแกล้งน้องเขาได้แล้ว เดี๋ยวน้องร้องไห้” พี่เดย์ที่นั่งอยู่ข้างพี่ปายพูดขึ้น “มันชอบแกล้งแบบนี้แหละ ไม่ได้คิดอะไรหรอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้โกรธเขาหรอก เพราะใคร ๆ ก็หาว่าฉัน ‘เฉิ่ม’ ตั้งนานแล้ว อีกทั้งพี่ปายก็อุตส่าห์นั่งเปลือยท่อนบนให้ฉันอ่านกิน ของแบบนี้มันทดแทนกันได้ นาน ๆ จะได้เห็นของดีพรีเมียม
“ว่าแต่ทำไมพวกพี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย” พี่คินพูดขึ้นบ้าง “หรือเจนซ่อนเพื่อน?”
“ซ่อนอะไร ไอ้ตุ๋นมันซ่อนตัวเอง”
“แล้วนี่เหรอที่บอกว่าเพื่อนร่วมคอนโดฯ”
“ใช่” เจนพยักหน้ารับกับคำถามของเฮียปราก “โสดนะ เผื่อมีใครอยากจีบ”
“ไปหาผู้ชายดี ๆ เถอะน้อง อย่าเอาอนาคตมาทิ้งไว้กับไอ้พวกนี้เลย” พี่ได๋ที่นั่งหน้าแดงพูดขึ้นเสียงยืดยาน แต่ก็พอจับใจความได้ “เหี้ย ๆ ทั้งนั้น”
“ได๋มึงไม่เคยอ่อนโยนกับเพื่อนเลยว่ะ”
“ไม่ต้องพูดมากไอ้คิน โดยเฉพาะมึงเลยที่เหี้ย” ชี้หน้าพี่คินเท่านั้นก็หันมาหาฉัน “น้องอย่าไปยุ่งกับมัน”
“กูไปเอาน้ำแข็งก่อน เดี๋ยวไอ้ได๋ลามมาหากูอีก” พี่ปายที่กินเหล้าดูเหตุการณ์เงียบ ๆ ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินหายเข้าไปในห้องครัว ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังคงถกเถียงกันอยู่เหมือนเดิม มีเพียงพี่ภีมเท่านั้นที่เงียบไม่พูดไม่จา
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก เจ้าของบ้านก็พูดขึ้น
“ไอ้ปายมันไปเอาน้ำแข็งที่บ้านแม่มันหรือไงวะ” เฮียปรากบ่นพึมพำ น่าจะครึ่งชั่วโมงได้แล้วมั้งที่พี่ปายหายไป
“ไม่ใช่ว่ามันไปชักหรือไงเฮีย แดกเหล้าแล้วชอบเ****น”
“มึงเกรงใจน้องเขาบ้าง” เจ้าของบ้านมองพี่คินอย่างอ่อนใจ “เดี๋ยวกูไปตามมันก่อน มึงพวกแดกไป”
“เจนไปด้วยเฮีย อยากเข้าห้องน้ำ” พูดแค่นั้นทั้งสองก็หายเข้าไปในห้องครัวของบ้าน ส่วนฉันที่ไม่รู้จักใครก็ทำได้แต่นั่งฟังพี่ได๋เถียงกันกับพี่คินนิ่ง ๆ ก็มียกแก้วบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยกหนักเพราะยังไม่คุ้นชินกับคนกลุ่มนี้
“พี่ได๋ห้องน้ำไปทางไหนเหรอ หนูปวดฉี่” ฉันหันไปถามคนเมาหน้าแดงที่นั่งข้าง ๆ ซึ่งเธอก็หันมายิ้มตาหวานให้กันแล้วชี้ไปที่ทิศทางนึงของบ้าน เห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วพาตัวเองไปทิศทางที่พี่ได๋ชี้ไปทันที
“อื้อ…” เสียงอะไรบางอย่างทำให้ฉันหยุดชะงักขา ส่วนหน้าก็ค่อย ๆ ส่องดูไปตามทางที่เสียงวิ่งมา แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองกำลังฟัดเหวี่ยงกับเจ้าของบ้านอย่างเมามัน ร่างเล็ก ๆ ของเจนถูกอุ้มขึ้นสูงให้พิงเข้ากับผนังของบ้าน ชุดเดรสก็กองอยู่บนเอว ส่วนเฮียก็ถอดแค่เสื้อเท่านั้น แต่กางเกงก็หลุดลุ่ยพอ ๆ กัน
“ฮะ…เฮีย…อ๊ะ”
“แอบดูคนอื่นไม่ดีนะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นใกล้หูพร้อมกับแผ่นหลังสัมผัสได้ว่าปะทะเข้ากับอะไรแข็ง ๆ และสิ่งนั้นน่าจะเป็นแผงอกของอีกคน ดวงตาฉันเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ แต่ก็ยังไม่ได้ร้องออกมา มือหนาก็ยกขึ้นมาปิดปากฉันไว้ซะก่อน
“ทำลายความสุขของคนอื่นมันบาปนะเฉิ่ม”
“อื้อ…” ฉันร้องประท้วงในลำคอให้เขาปล่อยมือ กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าเฉิ่ม!!
“ปล่อยแล้วห้ามร้อง ตกลงไหม?”
“อือ…” ฉันพยักหน้ารับ เพียงเท่านั้นเขาก็ปล่อยมือ ก็เลยรีบพาตัวเองออกห่างจากคนที่กำลังยืนทำหน้าอารมณ์ดี
“ไม่ได้ชื่อเฉิ่ม หนูชื่อไข่ตุ๋น เรียกใหม่ด้วย” ฉันพูดแข่งกับเสียงร้องอื้ออ้าของเพื่อนกับเฮียปรากที่กำลังฟัดเหวี่ยงกันในขณะนี้
“ไม่เรียก จะเรียกเฉิ่ม” พี่ปายแสดงสีหน้าออกมาว่าสนุกสนานชัดเจน แต่มันไม่ได้สนุกสนานแบบเจ้าเล่ห์อะไร มันเหมือนเขาเอ็นดูฉันมากกว่า
“ชื่อไข่ตุ๋น”
“อร่อยไหม?”
“อะไรอร่อย” ว่าแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่ขาก็ต้องถอยหลังเมื่ออยู่ดี ๆ พี่ปายก็สาวเท้าเข้ามาใกล้กัน
“ไข่ตุ๋นน่ะอร่อยไหม?”