2.เฉิ่มอยู่ดี

2662 คำ
2.เฉิ่มอยู่ดี “ไข่ตุ๋นน่ะอร่อยไหม?” ไม่รู้ว่าระหว่างคำพูดที่กำกวม กับใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนที่ยื่นเข้ามาใกล้กัน อันไหนที่ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอกให้ได้ “พี่ปายไม่เคยกินไข่ตุ๋นเหรอคะ” ด้วยความปากไวก็เลยถามไปแบบนั้น “ไม่เคย” เขาส่ายหน้ายิ้ม ๆ เหมือนกำลังกลั้นขำ “เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยกินไข่ตุ๋นเลยว่ะ” “ไม่เคยกินเลยเหรอ?” “อือ” ใบหน้าหล่อเหลาพยักขึ้นลง “แล้วอร่อยไหม?” “โคตรอร่อย” ด้วยความที่ไม่คิดอะไรก็ตอบออกไปแบบนั้น แต่ก็มีผสมอ่อย ๆ นิดหน่อย แน่นอนว่ามันเรียกเสียงหัวเราะของพี่ปายได้เป็นอย่างดี ส่วนฉันก็ได้แต่ทำหน้างง “พี่หัวเราะอะไรอะ” “เปล่า” เขาส่ายหน้ายิ้ม ๆ แกล้งกันชัด ๆ ก็เลยโวยวายต่อ “เปล่าอะไรก็เห็นอยู่ว่าหัวเราะ” “หัวเราะเด็กเฉิ่ม” “ก็บอกว่าไม่เฉิ่ม” ด้วยความที่เมานิด ๆ ก็เลยกล้าเอ่ยปากเถียงอีกคน “ถ้าหนูถอดแว่น หนูสวยแซ่บมากเลยนะขอบอก” “งั้นก็ลองถอดดู” พูดจบแว่นก็หลุดออกจากตาทันที จากภาพที่ชัดเจนก็กลายเป็นพร่าเบลอฉับพลัน มองเห็นแค่ความมืดรางๆ นอกนั้นก็ไม่เห็นอะไรแล้ว “พี่ปายเอาแว่นมา หนูมองไม่เห็น” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นปัดป่ายไปมาเหมือนคนตาบอด แต่แล้วมือก็แปะเข้ากับอะไรสักอย่าง และคิดว่าน่าจะเป็นร่างกายของพี่ปายนั่นแหละ “มองไม่เห็นอะไรเลยเหรอ” เขาถามแต่ก็ไม่ยอมคืนแว่น และไม่ยอมขยับหนี ให้ฉันจับอยู่แบบนั้น “ไม่เห็น” “สั้นขนาดนั้นเลยเหรอวะ” “ใส่ให้หนูคืนเร็ว ๆ เสียงอื้ออ้าหายไปแล้ว เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ฉันรีบพูดขึ้นเมื่อเสียงร้องของเจนหายไปแล้ว แต่เขาก็ยังนิ่งอยู่ “พี่ปาย…” “งั้นก็หลบ หลบแล้วก็ไม่มีคนเห็น” แล้วมือหนาก็คว้ามือฉันไปจับพร้อมกับพาเดินไปอีกทางของบ้านทันที ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามันไปทางไหนอะไรยังไง ไม่กล้าพูดด้วยเพราะกลัวว่าเจนกับเฮียจะได้ยินเสียงของฉัน คนทำไม่อาย แต่คนแอบดูดันอายซะนี่ “พี่ปาย” ฉันเรียกขึ้นอีกครั้งเมื่ออีกคนหายไป หายไปในที่นี้คือเขาเงียบไป ซึ่งฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน “อย่าเงียบสิหนูกลัว” “แป๊บนึง” เขาพูดขึ้นไม่ไกล เหมือนจะเห็นอะไรสว่าง ๆ ขึ้นมาก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ก็เลยคว้ามือไปทางนั้นทันที แต่ไม่ได้คว้าโดนโทรศัพท์เขานะ คว้าโดนอะไรก็ไม่รู้ที่มันนุ่มนิ่มอยู่ในมือ เพราะอยากรู้ว่าคืออะไรก็เลยออกแรงบีบเบา ๆ “เห้ย!!!” เขาสะดุ้งโหยงพร้อมกับร้องออกมาเสียงดัง “ระ…ร้องทำไม” “แล้วใครให้มาจับหำกันวะ” “หะ…หำ” กรี๊ดดดดดดดด!! หำใหญ่มาก!! ขนาดยังไม่พองตัวก็ยังใหญ่ขนาดนี้ ถ้าพองตัวจะขนาดไหน O_O “ก็เออน่ะสิ เธอเห็นเป็นพวงเงาะหรือไง” พี่ปายพูดขึ้นเสียงเข้มแล้วใส่แว่นคืนให้ฉัน “ขอจับดี ๆ ก็ได้ ไม่ต้องเนียน” “ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ใครอยากให้พี่ปายเอาแว่นหนูไปล่ะ” ใครจะไปรู้ว่าจะคว้าโดนส่วนลับของเขา ถ้ารู้ก็คงจับให้มันเต็มมือกว่านี้แล้ว อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง น่าเสียดายที่จับโดนตอนยังไม่แข็ง หรือฉันจะแกล้งจับใหม่ให้มันแข็งดี… “ไป เพื่อนถามหาแล้ว ถ้าไอ้พวกนั้นถามก็บอกนะว่าทำแว่นตก หาไม่เจออะไรก็ว่าไป” ในขณะที่กำลังวางแผนจับส่วนลับ พี่ปายเปลี่ยนเรื่องกะทันหันแล้วเดินนำออกมาจากซอกหลืบของบ้าน เมื่อมาถึงประตูหลังบ้าน เขาก็พยักพเยิดให้ฉันเข้าไป ส่วนเขาก็แยกไปอีกทางเหมือนกลัวคนรู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน คงไม่ได้โกรธที่ฉันจับหำเขาหรอกนะ ให้ตาย… มาสังสรรค์วันแรกก็จับหำผู้ชายแล้ว เธอมันแน่ไข่ตุ๋น!! หลายวันต่อมา… ฉันหยิบไอแพดกับของใช้อีกนิดหน่อยใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเพราะเย็นนี้ว่าจะไปดูหนังสือที่ห้างฯ สักหน่อย อยู่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร นิยายก็ปิดต้นฉบับไปแล้ว ส่งขายแล้วด้วย ตอนนี้ต้องออกไปหาพล็อตใหม่มาแต่งเรื่องต่อไป การออกไปข้างนอกนี่แหละจะทำให้ฉันปิ๊งไอเดีย “ไอ้ตุ๋นไปไหน” เจนที่นั่งกินขนมอยู่หน้าโทรทัศน์ร้องทักขึ้นเมื่อเห็นฉันโผล่หัวออกมาจากห้อง “ว่าจะไปห้างฯ ไปด้วยกันไหม” “ไม่อะ ขี้เกียจ” พูดแค่นั้นก็หันหน้าไปดูโทรทัศน์ต่อทันที เห็นแบบนั้นก็เลยก้าวออกมาจากห้อง หัวสมองก็คิดถึงเรื่องวันนั้นที่เจนกับเฮียปรากมีอะไรกัน ภาพร่วมรักของเพื่อนยังติดตาฉันอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้ถามเจนหรอก กลัวเจนรู้ว่าฉันเห็นฉากติดเรต กลัวเจนอาย ก็เลยเก็บเงียบต่อไป ส่วนพี่ปาย หลังจากที่ฉันจับส่วนลับของเขาตอนนั้น เขาก็ไม่ได้ด่าหรือว่าฉันอีก เพียงแค่นั่งคุยเรื่องปกติทั่วไป หรือไม่ก็หาว่าฉันเฉิ่มนั่นนี่บ้าง ตามประสาคนขี้แกล้งนั่นแหละ เพราะเห็นเขาไม่พูดเอาเรื่อง ก็เลยต้องพับเรื่องนั้นทิ้งไป แม้จะสนใจมาก ๆ ก็ตาม >< แต่แล้วก็ต้องกลับมาโฟกัสปัจจุบันเมื่อเห็นผู้ชายหน้าคุ้นเดินออกมาจากห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของฉัน เห็นแบบนั้นก็เลยชะลอความเร็วลง เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นกัน “เฉิ่ม…” แต่ก็เห็นอยู่ดี =_= “ใครเหรอคะ” ผู้หญิงข้างกายพี่ปายพูดขึ้นเมื่อเห็นเขาทักฉัน “น้องเหรอ” “รุ่นน้องที่รู้จักน่ะ” พี่ปายพูดขึ้นแล้วหันมามองฉันอีกรอบ “อยู่คอนโดฯ นี้เหรอเฉิ่ม” “ใช่ ห้องหนูอยู่นู้น” ฉันลากเสียงยาวแล้วชี้ไปมั่ว ๆ “แล้วพี่มาทำไรอะ” “มาบวชชีมั้งไอ้นี่ ถามได้” “งั้นหนูไปก่อนนะ รีบ” พูดแค่นั้นก็ก้าวแซงพี่ปายทันที แต่ก็ต้องเบรกหน้าแทบทิ่มเมื่อเขาเดินมาดักกันไว้กะทันหัน “รีบอะไรขนาดนั้น” คิ้วเข้มยกขึ้นอย่างสงสัย “รีบสิ เดี๋ยวของที่อยากได้จะหมดก่อน” ฉันใช้สี่ตามองพี่ปายให้เขาถอยไป แต่อีกฝ่ายก็ยังทำหน้ามึนไม่ยอมหลบอยู่ดี “ปายกวนน้อง น้องรีบไป” ผู้หญิงข้างกายเขาพูดขึ้นก่อนที่จะหันมามองฉันยิ้ม ๆ “ปายชอบแกล้งเด็กน่ะ เป็นเรื่องธรรมดา” “ไปยังไง ติดรถไปกับพี่ไหม” พี่ปายพูดขึ้นอีกครั้ง ส่วนฉันก็ส่ายหน้าจนผมที่มัดหางม้าส่ายไปส่ายมา “ไม่ไปหรอก ไปเองดีกว่า” “ติดรถไปกับปายก็ได้นะน้อง เดี๋ยวปายจะออกไปข้างนอกพอดี” เธอเอ่ยอย่างใจดี ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟน กิ๊ก หรือคู่ขา ก็คงจะเป็นคนที่ใจกว้างมาก ๆ “พี่จะไปไหนเหรอ” ฉันถามพี่ปายบ้าง ไม่คิดจะเล่นตัวให้เสียเวลา “กลับบ้าน” “หนูจะไปห้างฯ งั้นแยกกันตรงนี้นะ ลาค่า” ไม่ลืมที่จะไหว้ลาอย่างสวยงาม “เดี๋ยวไปส่ง จะรีบไปไหนวะ” แต่ก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี พี่ปายเดินมาดักหน้าฉันไว้เหมือนเดิม ส่วนพี่ผู้หญิงก็มองฉันสลับกับเขายิ้ม ๆ “ไปเถอะ เดี๋ยวมันจะค่ำก่อน เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” ว่าจบก็หอมแก้มพี่ปายฟอดใหญ่ท่ามกลางสี่ตาของฉันที่กำลังมองเขาสองคน และเมื่อหอมเสร็จร่างอรชรก็หายเข้าไปในห้องของเธอทันที “พี่ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนพี่ปายเหรอ” ฉันถามขึ้นเมื่อเราเดินออกมาไกลแล้ว จะว่าไปเธอก็หน้าคุ้น ๆ เหมือนกันนะ เหมือนฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน คลับคล้ายคลับคลาแต่ก็จำไม่ได้ “ไม่เหมือนก็เหมือนนั่นแหละ” “แล้วทำไมแฟนพี่ปายใจกว้างจัง ยอมให้พี่ปายไปส่งผู้หญิงด้วย” ถือว่าใจกว้างมากเลยนะ เพราะถ้าเป็นฉันก็คงไม่ยอมให้ทำอะไรแบบนี้หรอก “ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้ถามเหมือนกัน” พี่ปายพูดขึ้นเป็นจังหวะที่ผู้ชายอีกคนเดินสวนออกมาจากลิฟต์พอดี “แล้วจะไปห้างฯ ไหน จะได้ไปส่งถูก” “จะไปส่งจริง ๆ เหรอ หนูเกรงใจอะ” เงยหน้ามองพี่ปายตาแป๋ว เพียงเท่านั้นเขาก็เคาะนิ้วลงบนแว่นตาของฉันจนได้ยินเสียงนิ้วกระทบกับเลนส์เสียงดัง “จะไปห้างฯ ไหน” เขาถามอีกครั้ง “ห้างฯ ใกล้ ๆ นี่แหละ ขี้เกียจไปไกล” “ไปทำอะไร” เขาถามในขณะที่พาฉันเดินไปที่รถซูเปอร์คาร์คันหรูที่จอดอยู่ในโซนวีไอพี ใบหน้าหล่อเหลาที่ออกแนวดิบ ๆ พยักพเยิดมาที่ประตูรถฝั่งฉันเมื่อมาถึงรถเขาแล้ว “เปิดเป็นไหม” “ไม่เป็น” ฉันส่ายหน้าประกอบคำตอบ เจ้าของรถก็เลยเดินอ้อมมาเปิดให้ แต่ก็ไม่ลืมดีดหน้าผากฉันด้วยนะ “นี่ไงเฉิ่ม” “ก็บ้านหนูไม่เคยมีรถแบบนี้นี่ เปิดเป็นก็แปลกแล้ว” บ่นแล้วก็สอดตัวเข้าไปนั่งในรถ โดยที่มีพี่ปายเป็นคนปิดประตูให้เหมือนเดิม ไม่นานก็สอดตัวเข้ามานั่งในรถข้างกัน “เถียงคำไม่ตกฟาก” เจ้าของรถบ่นแค่นั้นก็เลี้ยวรถออกจากคอนโดฯ ที่ฉันอยู่ทันที ไม่คิดที่จะต่อปากต่อคำกับเขา ใช้สี่ตามองออกไปนอกรถเมื่อค้างคาใจว่าเคยเห็นแฟนพี่ปายที่ไหนมาก่อน แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก “หนาวไหม ให้พี่ปรับแอร์หรือเปล่า” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบของเราสองคน “ไม่หนาว” จากตอนแรกที่จ้องวิวทิวทัศน์ ตอนนี้ต้องย้ายตามาที่หน้าของพี่ปายแทน คืนนั้นว่าหล่อมาก ๆ แล้ว เจอวันนี้เข้าไปก็อยากจะกรี๊ดออกมา เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากเลย หล่อแบบเถื่อน ๆ โดยเฉพาะตาเข้มคมที่ทำให้หน้าเขาดุขึ้นอีกเท่าตัว แต่ก็มีเสน่ห์มากเหมือนกัน “หน้าพี่มีอะไรติด?” “เปล่า แค่สงสัยว่าทำไมผู้ชายที่หล่อก็หล่อไปเลย” “อะไรวะ” หัวคิ้วเข้มย่นเข้าหากันเหมือนไม่เข้าใจคำพูดฉัน “พูดอะไรที่ฟังแล้วมันเข้าใจง่าย ๆ ได้ไหมเฉิ่ม” “ไม่ได้ชื่อเฉิ่ม” แย้งเขาขึ้นทันควัน “ก็จะเรียก มีไรไหมเฉิ่ม” เขาหันมาทำหน้าอารมณ์ดีใส่ฉัน ยกคิ้วขึ้นอย่างกวน ๆ อีกต่างหาก “ไม่ต้องอยากเป็นหรอกไข่ตุ๋น เป็นไอ้เฉิ่มดีกว่า” “ไม่เป็น จะเป็นไข่ตุ๋น” ว่าจบก็เอาสี่ตาหันไปมองเขาเขม็ง “เรียกหนูว่าไข่ตุ๋นด้วย” “ไม่” “เว่ายาก เป็นตาซัง” ด้วยความที่เถียงไม่สู้ และหมั่นไส้ก็พูดภาษาอีสานใส่เขา แน่นอนว่ามันทำให้พี่ปายหันมามองฉันด้วยสีหน้าสงสัยทันที “เห้ยเฉิ่ม หลอกด่าเป็นภาษาบ้านเกิดเหรอวะ” “ใช่” ไม่คิดจะปฏิเสธเพราะพูดจริง ๆ “เลิกเรียกเฉิ่มเมื่อไหร่ถึงจะเลิกพูด” “แล้วแต่เลย พูดได้ก็ไม่เจ็บหรอก เพราะฟังไม่รู้เรื่อง” พี่ปายลอยหน้าลอยตาพูดเหมือนเดิม ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด แถมยังทำท่าทางเหมือนถูกใจด้วยนะ “หน้าตาผู้ดีผู้หล่อซางมาหน้ามึนคักเนาะ” “รัวอีสานมาเลยเว้ย แสดงว่าไม่ชอบคำว่าเฉิ่มจริงว่ะ” เขาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ คงจะเป็นเพราะฟังไม่ออกนั่นแหละ ก็เลยหัวเราะออกมาได้ “ก็หนูไม่ได้เฉิ่ม หนูแค่ใส่แว่นตาหนาเฉย ๆ” “แล้วไปทำอะไรมา ทำไมสายตาสั้นขนาดนั้น” “ก็ดูโทรศัพท์ทั่วไป” ใครจะบอกว่าสั้นเพราะเรื่องติดเรต โดยเฉพาะดูคลิปโป๊ ใครจะกล้าพูด “ดูโทรศัพท์มันทำให้สายตาสั้นได้ขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาหันมาทำหน้างงใส่ฉัน “ก็ชอบเล่นตอนปิดไฟ” “ถ้าแว่นหายทำไง มีสำรองไว้ปะ” “ไม่มีอะ หนูตัดอันนี้มาตั้งแพง ไม่มีเงินตัดแล้ว” เพราะสายตาฉันสั้นมาก แถมยังเอียงอีกต่างหาก ก็เลยเลือกตัดแว่นชนิดดีไปเลย จะได้ปลอดภัยต่อดวงตา ถ้าสั้นกว่านี้ก็คงจะไม่ไหวแล้ว แค่นี้ก็มองอะไรแทบไม่เห็น “ถ้าหายก็แย่เลยดิ ไอ้เฉิ่มมองไม่เห็นทางแน่” พี่ปายพูดขึ้นเป็นจังหวะที่รถเลี้ยวเข้ามาในห้างฯ พอดี เพราะขี้เกียจแย้งคำว่า ‘เฉิ่ม’ ก็เลยเลือกที่จะปล่อยผ่าน อยากเรียกอะไรก็เรียกเหอะ เดี๋ยวสักวันก็รู้ว่าฉันไม่เฉิ่ม “พี่ส่งหนูหน้าห้างฯ ก็ได้ ไม่เห็นต้องเข้ามาถึงในห้างฯ เลย” “หิวข้าว กินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย เดี๋ยวพี่เลี้ยง” เขาพูดแค่นั้นก็ดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถแบบไม่รอกันเลยสักนิด เห็นแบบนั้นก็เลยรีบเปิดประตูลงตามบ้าง “พี่อยากกินอะไร” ฉันถามขึ้นเมื่อเราเข้ามาถึงในห้างฯ แล้ว ไม่คิดจะปฏิเสธคำขอของเขาเพราะหิวข้าวเหมือนกัน ทั้งวันยังไม่มีข้าวตกถึงท้องเลย “อยากกินไข่ตุ๋น” “ห้ะ!!” หันไปมองเขาตาโต “หมายถึงไข่ตุ๋นที่เป็นอาหาร ไม่ได้หมายถึงไข่ตุ๋นที่เป็นคน ไอ้เฉิ่มเอ้ย” มือหนาโยกหัวฉันจนคลอนไปตามแรงของเขา ส่วนสีหน้าของพี่ปายก็แสดงออกมาว่ากำลังขำขันกัน “ใครจะไปรู้เล่า” เกือบแล้ว เกือบเอาตัวเองใส่จานถวายให้พี่ปายกินแล้ว ดีนะที่เบรกทัน ไม่งั้นได้กิน ‘ไข่ตุ๋น’ แน่นอน แต่เดี๋ยวนะ พี่ปายมีแฟนแล้ว ท่องไว้!!! “เป็นเด็กทะลึ่งเหรอเราอะ” พี่ปายก็ยังอารมณ์ดีไม่พัก เขาไม่ได้แกล้งฉันหรอก เพราะสายตาที่มองมามันเหมือนเอ็นดูกันมากกว่า “ทะลึ่งที่ไหน ไม่ได้ทะลึ่งสักหน่อย” ที่จริงก็เป็นเด็กทะลึ่งอย่างที่พี่ปายว่านั่นแหละ แต่ฉันไม่ยอมรับหรอก และไม่บอกด้วย ให้เขาเรียกไอ้เฉิ่มแบบนี้ต่อไปดีแล้ว “ไม่ได้ทะลึ่งแต่ก็คิดลึก คิดได้ไงวะว่าพี่จะกินไข่ตุ๋นที่เป็นคน มันเฉิ่มจริงปะวะ” แล้วเขาก็ก้มหน้าลงมาใกล้เหมือนต้องการพิจารณาใบหน้ากัน “ดูยังไงก็เฉิ่มอยู่ดี” “พี่ไม่มีน้องสาวหรือไง” เพราะเขาดูเหมือนคนอยากมีน้องสาวก็เลยถามแบบนั้น “ไม่มี มีแต่พี่ชาย” “แล้วอยากมีน้องสาวเหรอถึงกวนกันแบบนี้” “ก็อยากมี ทำไมถึงรู้?” เขาเหลือบมองฉันนิดหน่อยก็พาเดินเข้าร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ในโซนอาหารภายในห้างฯ “ก็พี่ชอบแกล้งหนู หนูก็เลยรู้ว่าพี่อยากมีน้องสาว” “ไอ้เฉิ่มฉลาดเว้ย” รอยยิ้มพิมพ์ใจที่ยิ้มออกมาเหมือนเอ็นดูทำให้ฉันพูดแหย่ขึ้น “รับเลี้ยงปะล้า เดี๋ยวเป็นน้องสาวให้ก็ได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม