3.เฉิ่มไม่เหมือนใคร

2613 คำ
3.เฉิ่มไม่เหมือนใคร “รับเลี้ยงปะล้า เดี๋ยวเป็นน้องสาวให้ก็ได้” พี่ปายยกคิ้วเข้ม ๆ ขึ้นมองอย่างขำขันทันทีเมื่อฉันพูดจบ มีอะไรให้ขำเล่า พูดจริงนะเนี่ย! “ดูก่อนว่ากินเยอะไหม เดี๋ยวเลี้ยงไม่ไหว” เขาว่าพร้อมกับดูเมนูที่พนักงานเอามาให้เมื่อครู่นี้ ส่วนฉันก็ชะเง้อมองไม่ต่างกัน “หนูกินไม่เยอะหรอก สบายใจได้” ปากพูดแต่ตาก็เหล่มองเมนูไม่พัก “เอาอะไร?” คงเห็นว่าฉันชะเง้อมองจนคอยาวเหมือนยีราฟก็เลยเลื่อนเมนูมาใกล้ฉัน ซึ่งเขาก็หันไปสั่งกับพนักงานภายในร้านแล้วนั่นแหละ ส่วนฉันที่กินอะไรแบบนี้ไม่เป็นก็ได้แต่ทำหน้าเซ็ง “เอาแบบพี่ปายนั่นแหละ” มีแต่เมนูภาษาอังกฤษ ฉันก็ฟุตฟิตฟอไฟไม่ค่อยแข็งด้วย อ่านออกนะ แต่กลัวสะกดชื่อผิด “ทำไมไม่เลือกอย่างอื่น อร่อยทุกเมนูนั่นแหละ” เขาพยักพเยิดหน้าไปที่เมนูอีกครั้ง เห็นแบบนั้นก็เลยส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “กินไม่เป็น” มันก็จริงที่ว่าตักใส่ปาก เคี้ยว ๆ แล้วก็กลืน แต่อาหารพวกนี้ต่อให้รสชาติอร่อยแค่ไหน ถ้ามันไม่ถูกปากก็ไปต่อไม่ได้อยู่ดี ฉันไม่อยากสั่งมาแล้วกินไม่หมด เสียดายของ แพงด้วย อาหารจานละพันอัพ วัตถุดิบมาจากดาวเคราะห์น้อยหรือไงก็ไม่รู้ “เดี๋ยวเลือกอร่อย ๆ ให้ก็ได้” พี่ปายพูดจบก็ไล่ชื่อเมนูอาหารให้พนักงานภายในร้านรับออเดอร์ ส่วนฉันก็มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย เหมือนเด็กกะโปโลเข้าร้านอาหารแพง ๆ เลย แค่การแต่งตัวฉันก็เชยแล้วจริง ๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนขาสั้นตัวโปรด รองเท้าผ้าใบธรรมดา กระเป๋าผ้าก็ร้อยเก้าเก้า แตกต่างจากพี่ปายมาก และแตกต่างจากลูกค้าภายในร้านมาก!! กินต้มอึ่งก็ดีอยู่แล้วตุ๋นเอ้ย T_T “แล้วปกติที่บ้านกินอะไร” เขาพูดขึ้นเมื่อพนักงานเดินออกไปแล้ว “บ้านหนูเหรอ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “บ้านเฉิ่มนั่นแหละ” “ก็กินธรรมดาทั่วไป” ไม่รู้ว่าทั่วไปของฉันกับพี่ปายจะเหมือนกันหรือเปล่า ก็เลยต้องเปลี่ยนใหม่ “ทั่วไปที่เห็นได้ตามท้องตลาด” “แล้วอะไรอร่อย” เหมือนฉันเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับพี่ปายยังไงก็ไม่รู้ เพราะสีหน้าเขาดูเหมือนตื่นเต้นที่ได้ซักถามยังไงยังงั้น “ก็ตำปูปลาร้า แกงอ่อมหอย อ่อมมันปูใส่มะละกอ กุ้งเต้น ต้มอึ่ง หมกหน่อไม้ ประมาณนี้” “ไม่รู้จักสักอย่างเลยกู แต่ส้มตำกูเคยกินนี่หว่า” เขาพึมพำกับตัวเอง “แล้วไอ้ต้มอะไรนะ ต้มอึ้ง?” “ต้มอึ่งเถอะ” “เออนั่นแหละ มันใช่ไอ้ตัวดำ ๆ ที่ลอยอยู่ในถ้วยแล้วเหยียดขาออกสี่ข้างไหม” แล้วฉันก็ต้องหัวเราะออกมาทันทีเมื่อพี่ปายพูดจบ เขาทำหน้าตลกจริง ๆ นะ พยายามอธิบายภาพประกอบ ซึ่งมันไม่ได้เข้ากับหน้าตาและท่าทางดิบเถื่อนของเขาเลย พาคนเถื่อนมาขายขำแท้ ๆ “นั่นแหละต้มอึ่ง อร่อยแบบนี้เลย” ว่าแล้วก็ยกนิ้วโป้งส่งไปให้เขา “จริงเหรอวะ สงสัยต้องชวนไอ้คินไปหาซื้อมากินละ” “ถ้าหนูกลับบ้านเดี๋ยวเอามาฝากก็ได้ ถ้าพี่หากินอยู่แถวนี้หนูกลัวมันจะมาจากคลองน้ำคำมันไม่สะอาด แต่บ้านหนูอยู่ต่างจังหวัดไง สัตว์พวกนี้อยู่ในไร่นา สะอาดเพราะอยู่กับธรรมชาติ” “เออ ๆ เอามาฝากด้วยนะ เดี๋ยวให้เงินค่าหิ้วมา” “โอเค” พยักหน้าหงึกหงักแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเพื่อจบการสนทนา กดเข้าไปในแอพฯ ที่แต่งนิยายทิ้งไว้แล้วไล่อ่านคอมเมนต์ของนักอ่านที่ติดตามนิยายฉันไปเรื่อย ๆ ก็มีไม่เยอะหรอก แต่ก็พอได้อ่านนั่นแหละ “ว่าแต่พี่ปายสั่งอะไรมาบ้างเหรอ” เสียงของฉันทำให้พี่ปายเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองกัน “ก็หลายอย่าง ไม่รู้ว่าเฉิ่มจะกินเป็นหรือเปล่า” “ถ้าไม่เลี่ยนก็กินได้ หนูไม่ชอบกินอะไรเลี่ยน ๆ” “ไม่ค่อยได้เข้าร้านอาหารแบบนี้?” ตาคมมองฉันสลับกับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ สงสัยจะคุยแชทกับแฟน แต่ก็ยังใจดีคุยกับฉัน “หนูจะเอาเงินจากไหนมาเข้า อาหารจานละพัน กินได้ทั้งอาทิตย์เลยนะ” กว่าจะขายนิยายได้ให้ถึงห้าร้อย นั่งแต่งหลังขดหลังแข็ง ฉันไม่กล้าเสี่ยงใช้เงินเกินตัวหรอก “งั้นวันนี้ก็กินให้เยอะ ๆ เลี้ยง” “ป๋ามาก…” ฉันลากเสียงยาว “สนใจมาเป็นเด็กป๋าไหมล่ะ” เขาพูดแค่นั้นก็ก้มหน้าลงมองโทรศัพท์ตามเดิม แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคงไม่ได้จริงจังอะไร “หนูก็สมัครเป็นน้องสาวพี่ปายอยู่ไง สนใจรับหนูเป็นน้องปะล่ะ” “น้องกับเด็กมันต่างกันนะเว้ยไอ้เฉิ่ม” แล้วเขาก็เก็บโทรศัพท์เมื่ออาหารมาเสิร์ฟแล้ว “เข้าใจความหมายไหม” “เข้าใจ” พยักหน้าหงึกหงักให้พี่ปายอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะสมองตอนนี้โฟกัสอยู่แค่ของกินตรงหน้าเท่านั้น ต่อให้พี่ปายหล่อแค่ไหนก็ไม่มีผลกับฉันแล้วตอนนี้ “เอ้า น้ำลายยืดแล้ว” เสียงเข้มเอ่ยแซวขึ้นขำ ๆ ก็เลยเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว “กินเลยได้ไหม” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่อาหาร “ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลยนะ” ถึงจะพูดค่อนขอด แต่ปากดันยิ้มให้ซะงั้น “กินเหอะ เดี๋ยวน้ำลายหยดใส่ร้านเขาอีก” คนนะไม่ใช่หมาที่จะน้ำลายหยด… แต่ก็ไม่เถียงเขาหรอก เพียงแค่นั่งกินเงียบ ๆ เท่านั้น ส่วนพี่ปายก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเหมือนกัน เหมือนเขาจะมีเรื่องเครียดยังไงก็ไม่รู้ เพราะเห็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูไม่พักเลย แถมหัวคิ้วก็ยังขมวดอีกต่างหาก รีบกินดีกว่า เผื่อพี่ปายมีเรื่องสำคัญ ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายอาหารมื้อนี้ เวลาต่อมา… ฉันจ่ายเงินแล้วลงจากรถแท็กซี่เมื่อมาถึงคอนโดฯ แล้ว ที่จริงพี่ปายก็ว่าจะมาส่ง แต่ฉันเกรงใจเพราะเขาก็เลี้ยงข้าว ไหนจะพาไปอีก ก็เลยแยกย้ายทางใครทางมัน แต่แล้วก็ต้องเบรกตัวไว้แล้วรีบหลบเข้ามุมทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เลยเสี่ยงตาน้อยแอบดู พูดง่าย ๆ ก็แอบมองนั่นแหละ และยิ่งมองก็ต้องเบิกตากว้าง ฉันจำได้เลยว่านั่นคือ ‘แฟนพี่ปาย’ ผู้หญิงคนนั้นกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผู้ชายคนนึงอยู่หน้าห้องของเธอ และถ้าจำไม่ผิด ผู้ชายคนนั้นก็คือคนที่เดินสวนออกมาจากลิฟต์ตอนที่พวกฉันกำลังจะไปห้างฯ พี่ปายโดนสวมเขาเหรอ? แต่แล้วฉันก็ต้องเบิกตากว้างรอบสองเพราะจำได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงคุ้นหน้านัก เพราะฉันเคยเห็นเธอเดินควงแขนเข้าลิฟต์กับผู้ชายคนนี้แหละ ตอนนั้นฉันก็อยู่ในลิฟต์เหมือนกัน แต่ด้วยความแออัดก็เลยทำให้เธอมองไม่เห็นฉัน ระหว่างพี่ปายกับผู้ชายคนนี้ ใครโดนสวมเขากันแน่? ด้วยความที่สลัดเรื่องแฟนพี่ปายทิ้งไปไม่ได้ มันก็เลยเป็นเหตุกวนใจทำให้ฉันไม่สามารถพิมพ์นิยายได้เลย เขียนแล้วก็ลบหลายรอบมาก ทำแบบนี้มาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว “เห้อ…” ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่ดีก็ไม่รู้ สงสารพี่ปายอะ และฉันก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพราะไม่สามารถเขียนนิยายต่อได้ กดเข้าไปในไอจีแล้วกดไปที่ไอจีของพี่ปาย ที่รู้จักชื่อไอจีเขาก็เพราะเข้าไปดูคนที่เจนติดตามนั่นแหละ ก็เลยเห็น “เอ้าฉิบหาย มือลั่นไปไลก์ให้เขาอีก” ว่าแล้วก็เลื่อนมือดูรูปพี่ปายไปเรื่อย ๆ ไม่คิดที่จะอันไลก์เพราะยังไงก็กดไปแล้ว เดี๋ยวมันจะมีพิรุธถ้าฉันทำแบบนั้น P.19xx: ส่อง? (P.19xx ส่งคำขอติดตามคุณ) P.19xx: รับด้วยเฉิ่ม แล้วฉันก็ต้องกลอกตามองบนทันทีเมื่ออ่านการแจ้งเตือนประโยคสุดท้ายจบ แต่ก็กดรับคำขอติดตามเขานั่นแหละ และก็กดติดตามกลับก่อนที่จะเข้าไปตอบแชท [ส่องแต่มือลั่น] บอกเขาไปตรง ๆ เพราะไม่ได้รู้สึกตกใจหรือตื่นเต้นอะไรที่พี่ปายรู้ว่าฉันส่องไอจีเขา P.19xx: มีแบบนี้ด้วยเหรอวะ ยอมรับตรง ๆ สมกับเป็นไอ้เฉิ่มจริง ๆ “ไม่ได้เฉิ่มสักหน่อย ถ้าหนูแต่งตัวขึ้นมาอย่ามาตกหลุมรักก็แล้วกัน ชิ” [ไม่คุยด้วยละ หนูจะทำงาน] แต่สิ่งที่พูดกับสิ่งที่พิมพ์ก็ต่างกันอยู่ดี P.19xx: มาคุยกันก่อน ไม่มีเพื่อนคุย [มือไม่ว่างพิมพ์ หนูทำงานอยู่] P.19xx: งั้นโทร รับด้วยไอ้เฉิ่ม เพียงเท่านั้นเสียงการแจ้งเตือนก็ดังต่อเนื่องรัว ๆ ฉันมองหน้าจอสักพักก็กดรับสายพี่ปาย แล้วว้ากเสียงลงใส่โทรศัพท์ทันที “พี่จะโทร.มาทำไมเนี่ย” (เอ้า ก็บอกไปแล้ว) น้ำเสียงยียวนกวนประสาทมาก “แต่หนูก็บอกแล้วไงว่าทำงานอยู่” ว่าจบก็เอาโทรศัพท์เปิดลำโพงวางไว้ ส่วนมือก็พิมพ์แต่งนิยายต่อ แต่ไม่รู้หรอกว่าจะมีสมาธิทำหรือเปล่า ถ้ามีเสียงรบกวนฉันแต่งไม่ได้แน่ ๆ (ก็ทำไปดิ ได้รบกวนที่ไหน) “กล้าพูด” ฉันบ่นขมุบขมิบ “แล้วทำไมไม่โทร.หาแฟนตัวเองอะ มาโทร.หาหนูทำไม” ด้วยความอยากรู้ก็เลยเปิดประเด็นถามแบบเนียน ๆ ที่จริงก็อยากบอกพี่ปายในสิ่งที่ตัวเองเห็น แต่มันเป็นเรื่องของพวกเขาสองคน อีกทั้งก็ยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เป็นแบบที่คิดหรือเปล่า ก็เลยเก็บเงียบไว้ก่อน และมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันด้วย (โทร.หาไม่ได้ ทะเลาะกันอยู่) “อ้าว…” หรือพี่ปายจะรู้แล้ว? (ช่างเหอะ) เขาบอกตัดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดี (ว่าแต่ทำอะไรอยู่ พี่ได้ยินเสียงพิมพ์ต๊อกแต๊ก) “ก็พิมพ์งานไง” (รบกวนปะ) “มากกกกกก” ลากเสียงยาวเพื่อให้รู้ว่ารบกวนจริง ๆ เพียงเท่านั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจกลับมา (งั้นวิดีโอคอล รับสายด้วย) “พี่โคตรเป็นตัวป่วนเลย” ถึงจะบ่นแต่ก็กดรับสายนั่นแหละ และเมื่อภาพพี่ปายโผล่มาให้เห็นก็เลือดแทบพุ่ง “ทำไมไม่ใส่เสื้ออะ” ถามเฉย ๆ ในใจก็อยากให้เขาถอดนาน ๆ นั่นแหละ ดีต่อใจมากเลย >< “ร้อน” เขาเหลือบตามามองฉันครู่นึงก็เบนสายตากลับไปทางเดิม “ไหนว่าทำงาน มานั่งจ้องทำไมไอ้เฉิ่ม วันนั้นก็จับหำพี่ วันนี้มานั่งจ้องอีก เป็นเด็กลามกหรือไง” ย้ำจังเรื่องจับหำเนี่ย “จ้องอะไร สงสัยต่างหากว่าทำอะไรอยู่” ที่จริงก็จ้องนั่นแหละ แต่ใครจะบอกให้โง่ เดี๋ยวหาเสื้อมาใส่อีก เดี๋ยวอดดูของดี “ทำงานเหมือนกัน” แล้วเขาก็ยกกล้องขึ้นพร้อมกับส่องกล้องไปที่งานของเขา “สวยปะเฉิ่ม” “รูปแฟนพี่เหรอ” “อือ วาดส่งอาจารย์ ไม่รู้จะวาดรูปอะไรก็เลยวาดรูปเขา” พี่ปายพูดยิ้ม ๆ พอพูดถึงแฟนตัวเองทีไรกลายเป็นพ่อนักรักทุกทีสินะ สีหน้าและแววตาอ่อนลงอย่างชัดเจน ถ้าเขารู้ความจริงเรื่องแฟนตัวเอง จะเป็นไงนะ เห้อ… “เป็นเด็กเป็นเล็กหัดถอนหายใจ” “เด็กที่ไหน หนูโตแล้วเถอะ” อีกอย่างก็ถอนหายใจเรื่องเขานั่นแหละ “ไหนบอกว่าทำงาน” “ก็ทำงาน” พอพี่ปายทักขึ้นก็เลยกลับมาพิมพ์งานต่อ เลิกสนใจเรื่องของเขาแล้วเข้าสู่ภวังค์ความคิดของตัวเอง ส่วนพี่ปายก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งลงสีภาพวาดเงียบ ๆ เท่านั้น เราสองคนต่างเงียบเพราะต้องใช้สมาธิด้วยกันทั้งคู่ และด้วยความที่มัดผมมาทั้งวันมันทำให้เจ็บหนังหัว ก็เลยต้องดึงยางออกในขณะที่สายตากำลังโฟกัสที่งาน ปล่อยให้ผมยาวสลวยทิ้งตัวลงที่แผ่นหลัง แล้วก็พิมพ์งานต่อ “เห้ย!! ไอ้เฉิ่ม ตกใจหมด” เสียงของพี่ปายโวยวายขึ้นเสียงดัง ได้ยินแบบนั้นก็เลยหันไปขมวดคิ้วใส่เขา “ตกใจอะไร?” “ก็ใครบอกให้ปล่อยผมแบบนี้วะ นึกว่าผีหลอก” ผีหลอก… ทำไมมันไม่เหมือนในนิยายที่ฉันแต่ง ที่จริงเขาต้องสะดุดความสวยฉันไม่ใช่เหรอ แต่นี่บอกว่าเหมือนผีหลอกเนี่ยนะ!! “พูดมาได้ว่าหนูเหมือนผีหลอก” “แล้วมันไม่เหมือนตรงไหน ผมก็ยาวขนาดนั้น แถมเอามาปิดหน้าปิดตาไว้อีก ไฟห้องก็ไม่เปิด ถึงว่าตาเสีย” “ขี้บ่น” ว่าแล้วก็เลยมัดผมไว้แบบลวก ๆ ส่วนตาก็จ้องหน้าจอนิ่ง ตอนนี้ฉันกำลังแต่งบทที่พระเอกกับนางเอกร่วมรักกันอยู่ แต่แต่งยังไงก็ไม่ไหลลื่น เหลือบตามองพี่ปายเล็กน้อยแล้วกดเข้าเว็บประจำในโน๊ตบุ๊ค ไม่นานภาพวิดีโอก็เด้งขึ้นมา “อื้อ…อ๊า” ฉิบหาย!!! ลืมปิดเสียง!!! ฉันตาเหลือกพร้อมกับรีบปิดเสียงด้วยความร้อนรน เงยหน้ามองพี่ปายก็พบว่าเขามองฉันอยู่ในขณะนี้ คิ้วเข้มยกขึ้นเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง “เสียงอะไร” “สะ…เสียงอะไร ไม่มี๊” ส่ายหน้าพัลวัน “เสียงสูงซะด้วย” เขาก็ยังทำหน้าสงสัยเหมือนเดิม “พี่ได้ยินอื้อกับอ้า” แล้วจะตอกย้ำเพื่อ!! “หูฝาดเปล่า” ทำเนียนไขสือส่งให้เขาไป “ไม่ฝาด ได้ยินเต็มสองหูเลย แอบดูวิดีโอโป๊เหรอไอ้เฉิ่ม” ได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้างทันที “ไม่ได้ดูซะหน่อย ใครจะไปดูอะไรแบบนั้นกัน” รีบตอบอย่างลนลาน แต่พี่ปายก็ไม่ยอมอยู่ดี “แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร” ตาคมหรี่ลงอย่างจับผิด “มั่นใจว่ามีเสียงแน่ ๆ” “นะ…หนูตด ใช่ หนูตด” “ตด?” “ใช่ ๆ ตด หรือพี่ไม่เคยตด” พยักหน้าลงหงึกหงัก “ปกติก็ตดฟี้ด แป๊ด ฟอด อะไรแบบนี้ แต่วันนี้ท้องอืดไง มันก็เลยออกมาอื้ออ้า” “กูปวดหัว” พี่ปายคลึงขมับตัวเองไปมาเมื่อพูดจบ สงสัยจะเชื่อจริง ๆ ว่าฉันตด เพราะสีหน้าไม่ได้แสดงออกมาว่าสงสัยแล้ว “ปวดหัวทำไม พี่ไม่เคยตดหรือไง” ก็ทำเนียนไปเลยสิ “เคย แต่ก็ไม่ได้ตดให้ใครฟัง แล้วก็ไม่เอามาเล่าบรรยายเหมือนเธอด้วย” “ก็หนูไม่เหมือนใครไง แปลกตรงไหน” เชิดหน้าขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าไม่เหมือนใครจริง ๆ แล้วพี่ปายก็หัวเราะออกมา ก่อนที่จะตอบกลับมาว่า “ก็เฉิ่มไม่เหมือนใครไง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม