“แต่ผมคิดว่าเรายังไม่ควรเพิ่มธุรกิจใดๆ ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ มันมีความเสี่ยงสูงหากว่าเราจะเอาเงินจำนวนมากไปทุ่มกับสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับคืนหรือเปล่า”
น้ำเสียงเข้มคัดค้าน ใบหน้ายียวนมองไปยังตำแหน่งอันสูงสุดที่นั่งประจำการอยู่ที่หัวโต๊ะ
มาร์ตินมองสบนัยน์ตากับพี่ชายแล้วยิ้มหยัน
“แต่ผมว่าข้อเสนอของคุณณรงค์ศักดิ์น่าสนใจมาก ต่อให้เศรษฐกิจไม่ดียังไงแต่ธุรกิจท่องเที่ยวมันวัดกันที่จำนวนผู้คนที่เดินทางมาพักผ่อน พวกเขาพร้อมที่จะใช้เงินซื้อความสุขส่วนตัวให้กับตนเองอยู่แล้ว” สองพี่น้องที่มีความคิดขัดแย้งทำให้บรรยกาศภายในห้องเข้มข้นขึ้นมากกว่าเก่า ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายต่างสบตาซึ่งกันและกัน พวกเขาเหล่านั้นต่างกังวลใจว่าทั้งคู่จะเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปะปนกัน
“นายควรต้องคิดให้มากกว่านี้นะมาร์ติน อย่าถือว่าได้ตำแหน่งประธานไปครอบครองแล้วจะทำอะไรกับบริษัทฯ ของคุณพ่อก็ได้!” คนพูดกัดฟันกรอด
“ผมไม่เคยคิดอยากจะเอาตำแหน่งมาเสี่ยงเพื่อทำตามใจตัวเอง ทุกโปรเจคผมคิดอย่างรอบคอบและใตร่ตรองอย่างถ้วนถี่” มาร์ตินเถียงทันควัน
“แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับการที่นายจะสร้างศูนย์สปา เงินที่มีควรมุ่งเน้นไปที่ร้านอาหารสาขาใหม่มากกว่า อย่าลืมสิว่าประเทศของเราขึ้นชื่อเรื่องอาหารมากที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาที่นี่ก็เพื่อต้องการลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยแท้ สปามันอยู่ทั่วทุกที่ ไม่จำเป็นต้องสร้างเพิ่มให้วุ่นวาย”
พี่ชายอธิบายตามความคิด มาร์ตินสะอึกไปชั่วครู่ สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดเป็นความจริงทุกประการ ชายหนุ่มมองไปที่ณรงศักดิ์ผู้ออกความคิดเห็นอันเป็นประเด็นขัดแย้ง ท่าทีของเขาดูอ่อนลงและเห็นด้วยกรายๆ
“โอเค… เอาเป็นว่าเราจะขยายกิจการแค่ร้านอาหารเท่านั้น ตกลงตามนี้นะทุกคน” ท่านประธานหนุ่มเอ่ยสรุป คนชนะยิ้มกว้าง รู้สึกได้หน้าเป็นครั้งแรก
“แยกย้ายกันไปทำงานได้” เสียงเข้มปิดทิ้งท้ายก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องประชุมแสนกว้างใหญ่
“เห็นหรือยังว่าความคิดของฉันมันวิเศษแค่ไหน”
มาร์ตินหยุดชะงักพลางหันไปมองผู้ที่เดินตามหลังมาติดๆ ใบหน้าของพี่ชายร่วมสายเลือดมีความเป็นต่ออยู่ในท่าที
“ถ้าไม่ได้ฉันคอยคัดค้าน ป่านนี้นายคงบ้าจี้ตามไอ้ผู้จัดการนั่น เงินคงสูญเป็นร้อยๆ ล้าน” น้ำเสียงเย้ยหยัน
“อะไรที่พี่เสนอแล้วมันดีจริง ในฐานะท่านประธานบริษัทฯ ผมก็ต้องย่อมเห็นด้วยเป็นของธรรมดา การทำงานร่วมกันไม่มีใครวิเศษไปกว่าใครหรอกครับ” มาร์ตินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“แต่ฉันทำให้นายตาสว่างได้ก็แล้วกัน”
“ถึงพี่ไม่คัดค้านในที่ประชุม ผมก็ต้องเก็บเอาหัวข้อนั้นไปพิจารณาต่างหากอยู่ดี พี่คิดหรือว่าผมจะเออออห่อหมกง่ายๆ ไม่นะ… ระดับผู้บริหารชั้นสูงไม่มีใครเขาทำแบบนั้น” ชายหนุ่มยักคิ้วท้าทาย
“นี่แกกำลังกวนประสาทฉันใช่ไหม!”
น้ำเสียงของฝ่ายตรงข้ามเริ่มไม่เป็นมิตร ทว่ามาร์ตินยังคงอมยิ้มราวกับต้องการยั่วยุโทสะ
“ไม่ครับ ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น” สายตาของเขาฉายชัดว่าเหนือกว่าเป็นไหนๆ
“แกอย่าคิดนะว่าเป็นลูกรักของคุณพ่อแล้วจะทำอะไรก็ได้” อารมณ์เดือดดาลปะทุเต็มที่
มาร์ตินจับข้อมือหนาของพี่ชายสะบัดทิ้งออกจากลำคอแกร่ง ชายหนุ่มปัดเสื้อสูทราคาแพงให้เข้าที่เข้าทาง
“พี่ก็อย่าคิดใช้อำนาจของตำแหน่งรองประธานมากดดันผมเช่นกัน ระหว่างเรามันยังห่างชั้นกันพอสมควร”
“ไอ้มาร์ติน!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ไม่เอาสิครับ รักษาภาพพจน์ให้สมกับตำแหน่งที่ลงทุนไปคุกเข่าอ้อนวอนคุณพ่อมาหน่อยสิ เกิดใครมาได้ยินเข้าจะเอาไปนินทาได้ว่าบุตรชายคนโตของตระกูลนิรัตน์ไพศาลเป็นพวกชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ก่อนจะพูดหรือทำอะไรควรคิดให้มันเยอะๆ เข้าใจไหมครับ คุณพิชญะ”
ดวงตาคมเข้มมองพี่ชายเชิงยิ้มเยาะก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้คนพ่ายแพ้ทุกเส้นทางได้แต่กำหมัดกัดฟันเข่นเขี้ยวตามลำพัง
“อย่าให้ทิ้งทีของกูบ้างนะมึง!”
พิชญะมองแผ่นหลังกว้างของคนที่เกลียด มันต้องมีสักวันที่เขาสามารถเอาชนะมาร์ตินได้
และถ้าวันนั้นมาถึงเขาขอสาบานต่อพระเจ้าว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ศัตรูตัวฉกาจกระอักเลือดตายไปข้าง!!!
มาร์ตินเดินกลับเข้าห้องทำงานส่วนตัวด้วยอารมณ์คุกรุ่น ไม่รู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนปัญหาระหว่างเขากับพี่ชายคนโต มันมากขึ้นๆ จนเขาเริ่มหวั่นใจ ชายหนุ่มคิดไม่ตกว่าจะทำเช่นไรเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากความขัดแย้ง ไม่เพียงแต่ในที่ทำงานเท่านั้น แม้แต่ภายในบ้านที่ควรจะอบอุ่นกลับรุ่มร้อนราวกับตกอยู่ในนรกโลกันต์
“บ้าจริงๆ”
เสียงเข้มพึมพำกับตัวเองพลางเอนกายพิงศีรษะกับพนักเก้าอี้ประจำตำแหน่ง มือหนาลูบใบหน้าคมคร้ามเพื่อระบายความเหนื่อยล้า ความเงียบสงบทำให้เขาคิดถึงใบหน้าหวานของใครบางคนเข้าอย่างจัง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังเข้ามาในโสตประสาท เรียวปากหยักกระตุกยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตาสีเขียวมรกตปรือขึ้นมองเพดาน มือหนาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกรอบรูปขนาดพอดีมือมาทอดมอง รูปร่างเพียวระหงส์ในชุดราตรีสีขาวช่างงดงามราวกับเทพธิดาองค์น้อยๆ ผมดำขลับยาวสลวยน่าสัมผัส ดวงตากลมโตสดใสคล้ายกับว่าไม่เคยมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากอวบอิ่มยิ่งนัก เนื้อนวลขาวอมชมพูทำให้เขาคิดถึงเรือนกายหอมละมุนของเจ้าหล่อน ทุกองค์ประกอบกำลังกระตุ้นให้เขาอยากสัมผัสเธออีกครั้ง
“ให้คุณน้ำเพชรเข้ามาพบผมที่ห้องเดี๋ยวนี้” สุรเสียงทรงอำนาจกรอกลงไปตามปลายสาย
( ค่ะท่าน ) เลขาฯ สาวหน้าห้องรับคำมั่น ก่อนจะรีบจัดการทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ( ดิฉันเรียนให้คุณน้ำเพรชทราบแล้วค่ะท่าน อีกสักครู่เธอจะเข้าไปพบท่านค่ะ )
“ดีมาก” มาร์ตินยกยิ้ม ชายหนุ่มเอนกายรอคอยเวลาที่จะได้กอดร่างนุ่มนิ่มของหญิงสาว จู่ๆ เขาก็คิดถึงเธอขึ้นมาอย่างประหลาด