บทที่ 1 เกิดใหม่อีกครั้ง ก็ทำให้เลวร้ายกว่าเดิมไปเลยสิ (2)

2197 คำ
“ราชินีเพคะ? องค์ราชินีทรงตื่นจากบรรทมได้แล้วนะเพคะ” “อึก..อืม..” “องค์ราชินีเพคะ” ร่างเล็กบางพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มขนาดใหญ่ราวกับได้หลับนอนอยู่บนปุยเมฆ ความเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง รวมทั้งเสียงเรียกอย่างอ่อนหวานของหญิงสาว เมื่อนั้นเจ้าของเตียงนอนจึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับให้ความรู้สึกที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย “อะไร..ที่นี่มัน..” ภาพที่อยู่ในสายตาคือเพดานมุมสูงสลักด้วยภาพวาดเหมือนเทพนิยาย ปรายตามองไปรอบ ๆ เตียงก็พบว่าเตียงนั้นช่างใหญ่โอ่อ่าจนชวนให้รู้สึกประหลาด “..ทำชั่วมาขนาดนี้..ยังขึ้นสวรรค์ได้ด้วยเหรอ พระเจ้าประสาทกลับหรือไง?” “มีเรื่องไม่สบายพระทัยหรือไม่เพคะองค์ราชินี?” ใบหน้าของหญิงสาวสวมใส่ชุดสาวใช้ยื่นหน้าเข้ามา แต่แล้วเมื่อได้เห็นเธอเข้า ชายหนุ่มกลับสะดุ้งเฮือกรีบลุกขึ้นนั่งบนเตียงและถอยห่างจากหล่อนก่อนส่งเสียงกรีดร้อง “อ๊ากกกกกกกก!! ด..เดี๋ยวสิ อ..อะไร? อึก!” ความรู้สึกที่จู่ ๆ ก็มีความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนกับน้ำที่เทใส่ลงไปในเหยือกให้เต็ม แต่มันช่างเจ็บปวดราวกับถูกบางอย่างกระแทกเข้ามากลางศีรษะจนสมองแทบไหล “อ..อะไร ความทรงจำนี่มันบ้าอะไรวะ?!” “องค์..ราชินี? อ้ะ!” “เธอ!!!” “พ..เพคะ?! อ...องค์ราชินี..เอ๊ะ พ..พระเนตร พระเนตรของพระองค์...” ถึงจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่จู่ ๆ ก็มีความทรงจำแปลก ๆ เข้ามาว่าตัวเองนั้นเป็นใคร ทับซ้อนกับความทรงจำที่เคยเป็นอาชญากรแล้วจบชีวิตตัวเองลงไปเมื่อไม่นาน เขารีบลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยท่าทางทุลักทุเลเดินตรงไปยังกระจกห้องน้ำที่ตั้งตระหง่าน สีหน้าก็ยิ่งประหลาดเกินกว่าจะคาดคิด ดวงตาสองสี..ด้านซ้ายเป็นสีฟ้าสว่างแต่ด้านขวากลับเป็นสีแดงเหมือนสีตาดั้งเดิมของเขาราวกับเลือดนก ใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามที่ผิวกายขาวผ่องตัวเล็กบาง เรือนผมสีดำเหมือนกับสีของขนอีกาทั้งพลิ้วไหวราวกับหลุดมาจากต่างมิติ “นี่มัน..เชี่ยอะไรวะ!!!!” เขาตะโกนลั่นเมื่อได้เห็นสิ่งที่ไม่อาจคิดว่ามันเป็นไปได้ กระทั่งกลับมานั่งบนเตียงเพื่อตั้งสติแต่ก็ยังหาสาเหตุที่แน่ชัดว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะอะไรก็ยังหาคำตอบที่เป็นไปได้ไม่ได้เลยสักอย่าง สิ่งแรกที่เขานั้นรับรู้คือเขาได้มาอยู่ในร่างของ “เมอลิเซน” จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิ “เฮเลสสเตเฟอร์” แล้วก็ดันเป็นโอเมก้าชนชั้นสูงชีวิตอาภัพรันทด ได้มาแต่งงานกับจักรพรรดิ “ควอนซีเรียส” สุดเฮงซวยผู้นอกใจไปมีภรรยาน้อยถึงห้าคนและเมินเฉยอย่างไม่ไยดี ทั้งที่มีทั้งภรรยาและลูกชายหน้าตาสุดจะเพอร์เฟคขนาดนี้อยู่ตรงหน้า “บัดซบ.. ตายแล้วก็ให้มันตายไปเลยสิวะ ให้มาอยู่ร่างใครวะเนี่ย?!” ท่าทางเคร่งเครียดจ้องมองไปยังสาวใช้ผู้มีท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อจู่ ๆ องค์ราชินีจากเดิมที่เป็นคนอ่อนโยนเมื่อตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นคนขี้โวยวายจนนึกว่าวิปลาสเสียสติไปแล้ว “นี่! เธอ นาร์ซิสซาใช่ไหม?” “คะ? พ..เพคะองค์ราชินี” “เรียกองค์ราชินีขนลุกชะมัด” ‘ถึงจะยังไงก็เถอะตอนนี้..คงต้องใช้ชีวิตคำ ๆ ทางระหว่างนี้ไปก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ทีหลังว่าจะเอายังไงต่อ พึ่งจะจบปัญหาตัวเองไปแท้ ๆ ทำไมฉันต้องมาตามล้างตามเช็ดปัญหาครอบครัวผัวเมียแตกหักด้วยเนี่ย?’ “หยิบชุดทั้งหมดที่มีเอามาให้ดูหน่อยได้ไหม?” “เพคะ!” เธอวิ่งหน้าตั้งออกจากห้องไปกับเหล่าสาวใช้คนอื่น ๆ จนหายตัวไปสักพักไม่นานก็เข้ามาพร้อมกับราวเก็บเสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดล้อเข้ามาข้างในห้องนอน สีเสื้อผ้ามีแต่โทนสีอ่อน สีขาวสีฟ้าชมพูเหลือง ที่ดูยังไงสไตล์การแต่งตัวก็พอรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างนั้นโคตรเป็นควีนผู้อ่อนหวานและผู้แพ้หัวอ่อนดี ๆ นี่เอง “สีเสื้อห่วยแตกชะมัด เอาไปเผาทิ้งให้หมดแล้วเรียกช่างตัดชุดที่ดีที่สุดมา” “พ..เพคะ?!?!” “เดี๋ยวนี้” สายตาเย็นชาจ้องไปยังสาวใช้ทั้งหลาย พวกเธอต่างตัวสั่นหงึกหงักราวกับลูกหนูที่กำลังถูกแมวตัวใหญ่ยักษ์ต้อนจนมุม “เพคะ! ม..หม่อมฉันจะจัดการเดี๋ยวนี้!” “แล้วก็วันนี้ใส่ชุดนั้นแล้วกัน” เขาชี้นิ้วไปยังชุดสีขาวอมเทาที่พอจะไปวัดไปวามากที่สุด เมื่อนั้นเหล่าสาวใช้ก็รีบกรูกันเข้ามาถอดชุดเสื้อผ้าอาภรณ์และเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ แต่งเนื้อแต่งตัวให้กลายเป็นองค์จักรพรรดินีผู้อ่อนหวานที่ทุกคนมักเคยเห็นเป็นประจำจนชินตา แต่มันก็คงแค่วันนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อชายหนุ่มผู้อ่อนหวาน... แต่ชีวิตช่างอาภัพกำลังจะหายไป “องค์ราชินี... เช้านี้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พระองค์ท่านมาร่วมเสวยพระกระยาหารเช้าด้วยกันกับเหล่า...” “รู้แล้ว เดี๋ยวไป” ‘ตื่นเช้ามาก็ต้องมาปะทะกับคนที่เป็นหัวหอกความซวยของครอบครัวเลยไม่ใช่หรือไง?’ ชายหนุ่มร่างเล็กบางลุกขึ้นจากเก้าอี้และออกเดินทางจากวังของตัวเอง ตรงมายังห้องอาหารดังกล่าวที่อยู่ไกลถึงพระราชวังหลัก ทั้งต้องจำใจเดินผ่านสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ระหว่างทางจนใช้เวลาสิบห้านาทีกว่าจะเดินทางมาถึง “พระเจ้าช่วย ใครแม่งสร้างสวนขั้นกลางทางระหว่างวังหลักกับวังราชินีวะเนี่ย ยังกะเดินข้ามซีกโลก” “อดทนไว้เพคะองค์ราชินี..” แค่พอเดินเฉียดกายใกล้ประตูทางเข้าห้องทานอาหาร ก็ได้ยินเสียงพูดคุยวุ่นวายของเหล่าภรรยาน้อยทั้งชายหญิงดังจากด้านใน ‘เฮ่อ..ก็เข้าใจหรอกนะว่าจักรพรรดิแทบทุกสมัยที่เคยเจอในประวัติศาสตร์ชอบมีอีหนูอีน้อยอยู่เยอะจนชินตากับการอ่านประวัติพวกนั้นตอนเรียน แต่ก็เอาเถอะ ก็ในเมื่อไอ้เมียคนนี้ไม่อยากให้มีเพิ่มถ้าทำอะไรไม่ได้ ก็ทำให้แม่งหัวเสียไปเลยสิ’ “ฝ่าบาท องค์จักรพรรดินีเสด็จมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ประตูบานใหญ่เปิดกว้าง เมื่อนั้นก็เห็นได้ชัดเจนว่าภายในเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งสามีผู้นั่งอยู่หัวโต๊ะขณะด้านข้างทั้งสองฝั่งก็รายล้อมไปด้วยเหล่าภรรยาน้อยที่ส่งเสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวกันสนั่น เมื่อร่างเพรียวบางเดินเข้าไปด้านใน..เสียงพูดคุยนั่นถึงได้สงบลง เมอลิเซนเดินอย่างสง่างาม ค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงกับอากัปกิริยาที่เพียบพร้อมเหมือนอย่างเคย “ราชินี..เหตุใดตาของเจ้าถึงได้..” จักรพรรดิหนุ่มสังเกตเห็นถึงสีของดวงตาอันเปลี่ยนไปของราชินี เมื่อนั้นจึงเอ่ยทัก “ตาเรามันจะเป็นอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน?” “เมอลิเซน!” แค่พอถูกพูดขัดหูด้วยประโยคไม่น่าฟัง จักรพรรดิควอนซีเรียสก็เริ่มขึ้นเสียง “...ฝ่าบาท ท่านมั่นใจแล้วหรือ ถึงได้ทำเช่นนี้? เราจะขอถามท่านอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายควอนซีเรียส ท่านแน่ใจแล้วหรือที่จะมีภรรยาน้อยโดยไม่เห็นหัวราชินีอย่างเรา?” เมอลิเซนเริ่มประเด็นถามในทันทีที่พึ่งทานอาหารไปได้เพียงไม่กี่คำ ท่าทางไม่ได้รู้สึกรู้สาในคำถามนั้น ควอนซีเรียสเพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าซับลงเบา ๆ ณ ริมฝีปาก นัยน์ตาสีแดงเข้มจ้องมองราชินีหนุ่มรูปงามของตนเองครู่หนึ่ง “เราคุยเรื่องนี้กันแล้วราชินี ยังจำเป็นต้องคุยเรื่องนี้กันบนโต๊ะอาหารนี่อีกรึไง? เรา “คิดดี” กับเรื่องนี้มาอย่างถี่ถ้วนแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบตอบคำถามขององค์ราชินีอย่างไร้เยื่อใย แต่นั่นก็กลายเป็นคำขาดของฟางเส้นสุดท้ายที่ถูกตรึงเอาไว้อย่างสุดกำลัง นัยน์ตาสองสีของจักรพรรดินีสั่นไหวระรัวเพียงชั่วครู่ราวกับเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่จนกระทั่งริมฝีปากบางอวบอิ่มเริ่มฉีกยิ้มเพื่อเป็นการยอมรับในคำตอบ “ท่านพูดแบบนั้นกับเราเองนะควอนซีเรียส ถ้าเช่นนั้นก็จงจำคำพูดของเราไว้ด้วย” ปลายนิ้วเรียวเล็กจับมีดที่ทำจากเงินแท้ขึ้นมาจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองครู่หนึ่ง “หากเราคิดจะทำอะไรที่เป็นการกระทำอันน่ารังเกียจแก่ราชวงศ์ ก็จงอย่าได้ปริปากกล่าวตำหนิหรือลงโทษเราเด็ดขาด” “เมอลิเซน!” องค์จักรพรรดิตะโกนลั่นด้วยท่าทางไม่พอใจในคำพูดและฝีปากของเมอลิเซนที่จู่ ๆ ก็ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมา ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง มันยิ่งสร้างความขุ่นเคืองเป็นอย่างมากต่อหน้าจักรพรรดิ “เพล้ง!” “อ๊ะ! ขออภัยครับองค์ราชินี!” ภรรยาน้อยผู้เป็นโอเมก้าหนุ่มลักษณะไว้ผมสั้นสีทองนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนรูปร่างสันทัด สะเพร่าจนถึงกับทำไวน์ชั้นดีหกใส่ลงไปบนชุดที่เมอลิเซนได้สวมใส่ ท่าทางว้าวุ่นใจเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คน แต่นัยน์ตานั้นกลับบ่งบอกว่าชอบใจต่อการกระทำของตัวเองด้วยความเสแสร้ง จักรพรรดินีจ้องมองอีกฝ่ายเพื่อดูท่าทีอันเสแสร้งกลอกตาด้วยความกลัวอยู่นั้น แต่แล้วก็ขยับมีดสั้นบนมือของเขาปักลงไปบนโต๊ะทานอาหารเสียงดังลั่น “ปัก!” ผู้คนเป็นพยานสายตาจ้องไปยังองค์ราชินีของพวกเขา นัยน์ตาทั้งสองสีจ้องมองภรรยาน้อยผู้แสร้งทำเป็นเนื้อตัวสั่นกลัวด้วยความตกใจ เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เจ้าตัวและรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังหวั่นใจเมื่อเขาจ้องมองมาในดวงตาคู่นั้น “จำคำพูดของฉันไว้ซะ “นังกะหรี่ตัวน้อย” เมื่อวันใดที่ฉันมาร่วมโต๊ะอาหารกับพวกแกอีกครั้งแล้วยังทำตัวต่ำทรามต่อฉันอีก ฉันจะเอามีดนี่กรีดปากแกต่อหน้าองค์จักรพรรดิของพวกแกซะ!” “ผ..ผมขอโทษ!” “เมอลิเซนพอได้แล้ว!” สายตาจ้องตอบไปยังจักรพรรดิผู้ตะโกนเอ่ยพระนามดังขึ้นอีกครั้ง “ท่านเคยบอกว่ารักเรา! ปรารถนาเพียงแค่เรา คำพวกนั้นมันก็หลอกลวงโกหกตอแหลเหมือนกันนั่นแหละ! จงจำไว้ซะควอนซีเรียส! เราจะไม่มีวันอยู่ใต้เท้าของท่านอีก!” ชายหนุ่มตะโกนกล่าวคำขาดเป็นครั้งสุดท้าย กระทั่งลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทานอาหารโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง สาวใช้รายล้อมทันทีหลังจากเมอลิเซนก้าวออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิดแทบบ้า การเดินที่วางท่าผู้ดีก็เริ่มออกท่าทีเหมือนกับนักเลงสามัญชน “ไอ้ผัวเฮงซวยแบบนี้อยู่กินกันไปได้ไงนะ? ถ้ารู้แบบนี้จับล่อขึ้นเตียงแล้วตอนแหนมแม่งซะจะได้จบ ๆ” “อ..องค์ราชินีเพคะ เรื่องที่ว่าให้ตามหาช่างตัดชุดมือดีที่สุด มีอยู่ท่านหนึ่งที่มาพักอาศัยอยู่ในเมือง พอรับทราบก็เดินทางมาทันที ตอนนี้อยู่ ณ ห้องพระบรรทมของพระองค์แล้วเพคะ” “ดีเลย กำลังอยากได้ชุดใหม่เดี๋ยวนี้ซะด้วย” ก้าวเท้ายาว ๆ รีบเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง เมื่อประตูบานใหญ่ของห้องนอนสุดหรูหราเปิดออกกว้าง นัยน์ตาทั้งสองก็ยิ่งทอประกายเมื่อพบกับช่างตัดชุดหนุ่มร่างสูงรูปงามผู้นั่งรออยู่ด้านใน “อ..องค์ราชินี เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่ในการตัดชุดฉลองพระองค์ในครั้งนี้” ชายหนุ่มร่างสูงเดินตรงเข้ามาด้วยกิริยาสำรวมเมื่อพบกับองค์จักรพรรดินี มือหนาค่อย ๆ เคลื่อนเข้าสัมผัสลงยังฝ่ามือเล็กเรียว คอยจุมพิตอย่างแผ่วเบาด้วยท่าทางนอบน้อมเขินอายประหม่าอยู่เล็กน้อย เมอลิเซนยืนนิ่งจ้องมองเจ้าสุนัขตัวน้อยผู้กำลังออดอ้อนอยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา แต่แล้วก็เริ่มนึกถึงบางอย่างที่ทำให้เขานั้นรู้สึกสนุกขึ้นมาในทันทีกับความคิดสุดบรรเจิดของตน “ช่างตัดชุดที่มีรูปโฉมสง่างามเช่นท่านหาได้ยากนะ.. ท่านมีนามว่าอะไรงั้นหรือ?” “ก..กระหม่อม อลัว..อลัว เมอเซสพ่ะย่ะค่ะ” ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจพลางปรายสายตาไปยังสาวใช้ที่อยู่ภายในห้อง “พวกเธอช่วยออกไปกันก่อนได้ไหม เราต้องการความเป็นส่วนตัวในการตัดชุดเพราะเป็นความลับ.. แล้วก็ห้ามให้ใครเข้ามาจนกว่าท่านอลัวจะออกไป” “เพคะ” พวกเธอทยอยกันออกจากห้องตามคำสั่งพร้อมกับประตูที่ปิดสนิท เมื่อนั้นองค์จักรพรรดินีจึงเริ่มบรรจงหันใบหน้าอันเลอโฉมของตนจ้องมองมายังชายหนุ่มช่างตัดชุดตรงหน้าของเขา “ท่านอลัวเมอเซส เราอยากให้ท่านวัดตัวเรา ตั้งแต่บน...จนถึงล่างให้ลงลึกทุกส่วนจะได้ไหม?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม