Episode 07 เสือก็คือเสือ

3248 คำ
Disuke’s Part : “คุณไดสึเกะจะให้ผมปลุกคุณนามิกี่โมงดีครับ” ยูสึถามระหว่างที่ผมกำลังจะก้าวเท้าขึ้นรถ คำถามของเขาทำให้ผมเหลือบสายตามองกลับไปที่ชั้นสองของตัวบ้านก่อนจะต้องถอนหายใจทิ้งออกมาหนักๆ “ไม่ต้องปลุก แค่คอยจับตาดูเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน โทรรายงานฉันเป็นระยะ” ผมสั่งแค่นั้นก่อนจะก้าวผ่านหน้ายูสึเข้าไปนั่งที่เบาะรถทางด้านหลัง “ไปเซฟเฮ้าส์เสือขาว” เมื่อขึ้นรถมาได้ผมก็ผมสั่งไซโตะที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้ผม ก่อนจะยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เกือบเก้าโมงแล้ว นามิยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง และผมคิดว่าเธอคงยังไม่ตื่นง่ายๆ หรอก ขนาดตัวผมเองยังไม่อยากจะลุกขึ้นจากที่นอนเลย นี่ถ้าไม่ติดว่ามีเรื่องสำคัญให้ต้องรีบจัดการให้เสร็จ ผมก็อาจจะยังนอนอยู่บนที่นอนเหมือนกันกับเธอก็ได้ นับตั้งแต่ที่ผมรู้ตัวว่าต้องแต่งงานกับนามิ อะไรๆ ก็ดูวุ่นวายไปหมด ไม่มีอะไรง่ายเลยถ้าทั้งหมดนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากเสือตัวเมียตัวนี้ “เรื่องคนของเสือขาวเป็นยังไงบ้าง” คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงข่าวคราวของเสือขาวจากไซโตะสักหน่อย “อยู่ในความควบคุมของเราเกือบทั้งหมดแล้วครับ” “แล้วไอ้ชินจิล่ะ ได้เรื่องอะไรจากมันบ้าง” “รายนั้นไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ ปิดปากเงียบสนิท คนของแบล็กทาวน์จะมารับตัวช่วงบ่ายครับ” ก็ไม่ได้ผิดจากที่ผมคิดเอาไว้ ถ้ามันยอมเปิดปากคายความลับง่ายๆ คงไม่ใช่มือหนึ่งของไอ้โยชิดะ คงต้องบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นความโชคดีของผมที่บังเอิญได้ตัวไอ้ชินจิมาจากการที่ผมสะกดรอยตามนามิไป เมื่อวันก่อนผมรู้สึกเฉลียวใจตั้งแต่ตอนที่นามิมีท่าทางแปลกๆ ตอนขอเข้าห้องน้ำ ผมก็เลยสั่งให้คนของผมจับตาดูเธอเอาไว้เป็นพิเศษ เพราะผมรู้ว่ายังไงเธอก็คงไม่ยอมแต่งงานกับผมง่ายๆ แน่ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนเท่านั้น และผมก็คิดไม่ผิดจริงๆ ว่าเธอกำลังจะต้องพยายามทำทุกทางเพื่อที่จะไม่ต้องแต่งงานกับผม เพียงแต่ผมคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอเลือกทำจะเป็นการพยายามหนี นี่ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเธอกล้าหาญที่เลือกหนีออกไปทั้งที่รู้ว่ามีคนของแบล็กสกอร์เปี้ยนเฝ้าอยู่เต็มโรงพยาบาล มิหนำซ้ำยังเป็นการหนีไปแบบไม่มีเป้าหมายด้วยซ้ำ ก็ต้องเป็นเพราะว่าเธอบ้าแน่ๆ นี่ถ้าผมจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แล้วปล่อยให้เธอหนีไปได้ ป่านนี้ผมคงปวดหัวกับปัญหาที่เธอทิ้งเอาไว้ ไหนยังจะต้องมาสู้รบตบมือกับไอ้โอยามะอีกล่ะ “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปที่โกดัง ฉันจะไปง้างปากไอ้ชินจิ” แต่แล้วผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายการเดินทาง นาทีนี้ผมต้องการข้อมูลของเสือขาวจากปากของไอ้ชินจิให้ได้มากที่สุดก่อนที่ไอ้โอยามะจะได้ตัวมันไป ก่อนหน้านี้หลังจากที่คนของผมรายงานมาว่านามิหนีออกจากโรงพยาบาล ไอ้โอยามะเองก็รู้เรื่องนี้จากคนของผมด้วยเหมือนกัน ผมก็เลยจำเป็นต้องตกลงกับมันว่าผมจะเป็นคนตามตัวเธอกลับมาเอง โดยมีเงื่อนไขว่าไม่ว่าจะยังไงนามิจะต้องยังอยู่กับผม ผมจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอง แลกกับการที่มันจะต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ เพราะถ้าหากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูคุณลุงโอซึนซึเกะแล้วละก็ ผมต้องลำบากแน่ๆ มันเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ผมต้องยอมแต่งงานกับนามินั่นแหละ ส่วนไอ้ชินจิที่เพิ่งจะโผล่หัวออกมาไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขตั้งแต่แรก ดังนั้นผมจะต้องส่งตัวให้ไอ้โอยามะเป็นคนจัดการต่อ เพราะฉะนั้นผมถึงได้กล้ารับปากนามิว่าผมจะไม่ฆ่าไอ้ชินจิ เพราะถ้าหากไอ้โอยามะจะฆ่า ผมก็ไม่ได้ผิดอะไร Rrrr~ แล้วระหว่างที่ผมกำลังคิดหาวิธีเค้นเอาข้อมูลของเสือขาวจากปากของไอ้ชินจิ โทรศัพท์มือถือของผมก็สั่นขึ้นมา ซึ่งทันทีที่ผมเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากยูสึ ก็เดาได้ว่าคงมีเรื่องให้ผมต้องปวดหัวอีกแน่ๆ ไม่มากก็น้อยนั่นแหละ เมื่อไหร่ปัญหาบ้าบอนี่มันจะจบลงสักที ผมไม่เคยต้องเหนื่อยกับเรื่องอะไรมากเท่ากับเรื่องของผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลยจริงๆ “ว่าไง” [คุณนามิตื่นแล้วครับคุณไดสึเกะ ตอนนี้เหมือนจะกำลังอาบน้ำ] ตื่นเร็วกว่าที่ผมคิดไว้แฮะ “อืม ฉันฝากด้วยก็แล้วกัน อย่าปล่อยให้อดตายล่ะ ช่วงบ่ายฉันจะกลับ” [ครับคุณไดสึเกะ แล้วนี่…] ตุ้บ! เสียงอะไรบางอย่างดังมาจากปลายสาย ซึ่งสัญชาตญาณของผมบอกว่ามันไม่ใช่เสียงสัญญาณที่ดี “เสียงอะไรยูสึ” ผมรีบถาม แต่ปลายสายกลับเงียบสนิท ไม่มีเสียงของยูสึตอบกลับมา “กลับ!” ผมสั่งออกไปในทันทีที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มือขวากำโทรศัพท์ในมือแน่นมากเมื่อความอดทนของผมมันกำลังดิ่งลงเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คงจะจริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละว่าเราจะอดทนได้มากที่สุดก็ตอนที่ความอดทนเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราต้องทำ ผมอยากจะฆ่าเธอนัก! รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วเมื่อไซโตะรับรู้ได้ถึงความร้อนใจของผมผ่านทางน้ำเสียง เขาเหลือบมองผมเป็นระยะๆ เหมือนกันกับที่ผมเองก็มองเขาสลับกับเส้นทางที่จะพาผมย้อนกลับไปที่บ้าน เอี๊ยดดด ปัง! ผมกระชากประตูรถให้เปิดออกเพราะไม่มีเวลารอให้ไซโตะมาเปิดให้ ก่อนจะเหวี่ยงมันปิดลงในทันที สองเท้าก้าวกลับเข้าไปในบ้านที่ตอนนี้ทุกคนดูเหมือนจะตกใจกับการกลับมาของผมกันหมด เพราะคงยังไม่มีใครรู้ว่าข้างบนกำลังมีปัญหา “นามิ!” ผมตะโกนเรียกชื่อต้นตอของปัญหาเมื่อผลักประตูห้องนอนของผมเข้าไป ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คิดหรอกว่าเธอคงไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว ส่วนคนที่อยู่ก็คือยูสึ เพราะเขานอนหมดสติอยู่ที่ปลายเตียงนี่เอง ที่หัวเหมือนจะมีเลือดออกเพราะคงถูกกระแทกจากของแข็งซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร พยายามจะมองไปรอบๆ แล้วแต่ก็ยังไม่พบอะไรสักอย่างที่คิดว่านามิจะใช้เป็นอาวุธทำให้ยูสึหมดสติได้ “ให้คนมาปฐมพยาบาลยูสึ ส่วนที่เหลือให้ค้นที่นี่ให้ทั่ว” ผมสั่งด้วยความรวดเร็ว สองมือของผมกำแน่น ความรู้สึกในอกมันเดือดปุดๆ จนยากจะทำให้มันสงบลง สมองกำลังพยายามคาดเดาความคิดของนามิ เผื่อว่ามันจะทำให้ผมรู้ว่าเธอหนีไปซ่อนอยู่ที่ไหน เพราะมันแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เธอจะหนีออกไปจากที่นี่ทั้งที่มีเวลาก่อนที่ผมจะกลับมาถึงเพียงแค่ไม่กี่นาที มิหนำซ้ำการจะหนีออกไปจากที่นี่ทั้งที่คนของผมแน่นหนาขนาดนี้ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ “สั่งคนของเราส่วนหนึ่งออกไปตามหาด้านนอกด้วย ถ้าออกไปได้คงยังไปได้ไม่ไกล พบเบาะแสอะไรให้รีบรายงานฉันทันที” “ครับคุณไดสึเกะ” ไซโตะรับคำสั่งก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อสั่งการลงไปถึงคนที่อยู่ที่ชั้นล่าง ส่วนผมก็เดินมาสำรวจในห้องน้ำ รวมไปถึงค้นหาเบาะแสภายในห้องด้วยตัวเอง ผู้หญิงอย่างนามิอันตรายเกินกว่าที่ผมจะปล่อยให้หลุดออกไป เพราะในขณะที่ผมมีความโกรธเธออยู่แน่นคับอก ผมก็รู้ว่าเธอเองก็คงรู้สึกอย่างนั้นกับผมไม่ต่างกัน ปั้ก! “ยัยตัวแสบ!” ผมกัดฟันกรอดเมื่อค้นดูจนทั่วแล้วพบว่ามีปืนที่ผมซ่อนเอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานหายไปหนึ่งกระบอก และเดาว่ามันน่าจะเป็นอาวุธที่นามิใช้ทำให้ยูสึหมดสติ กับอีแค่การทุบท้ายทอยผู้ชายที่ถึงแม้จะตัวใหญ่กว่าเธอสักสองเท่าด้วยด้ามปืน มันไม่ยากเกินความสามารถของรองประธานเสือขาวหรอก “บอกคนของเราว่านามิมีอาวุธ” “ครับ” “เดี๋ยวไซโตะ ห้ามยัยนั่นเป็นอะไรไปก่อนจะถึงมือฉัน” ผมสบตากับไซโตะเพื่อกำชับคำสั่งนั้นกับเขา “ครับ คุณไดสึเกะ ผมจะกำชับทุกคนให้พาตัวคุณนามิกลับมาอย่างปลอดภัย” ไซโตะรับคำสั่งของผมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง ก่อนจะรีบถ่ายทอดคำสั่งของผมกับคนอื่นๆ จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันเพื่อตามหาตัวนามิ ถ้าพูดกันถึงเรื่องความปลอดภัยของชีวิตเธอ ผมรับรองว่าเธอจะต้องปลอดภัยแน่นอน เพราะหน้าที่ผมคือการดูแลเธออย่างดีจนกว่าเราจะได้แต่งงานกัน ซึ่งนั่นหมายถึงการที่เสือขาวจะตกอยู่ในมือของผมเรียบร้อย แต่ที่ผมไม่รับรองก็คือผมจะใจดีปล่อยให้เธอก่อปัญหาให้ผมวุ่นวายซ้ำๆ หรอก บางทีผมก็ควรจะเด็ดขาดกับเธอสักครั้ง ซึ่งถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมจะคิดว่าผมไม่เคยใจดีกับเธอแล้วก็ตาม แต่ก็เหมือนว่ามันจะยังไม่พอ “แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้าย” ผมรำพึงรำพันกับตัวเองก่อนจะกระชากผ้าห่มบนเตียงแรงๆ แล้วเหวี่ยงมันลงกับพื้นด้วยความหงุดหงิด คิดแล้วเสียดายเวลาที่เมื่อเช้าผมอุตส่าห์ตั้งใจห่มผ้าให้เธอเพราะหลงคิดไปว่าเหตุการณ์เมื่อวานน่าจะทำให้เธอกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ได้สักสองสามวัน วินาทีนี้ผมรู้แล้วว่าผมประมาทเสืออย่างเธอมากเกินไป ระหว่างที่ผมกำลังรอความคืบหน้าจากไซโตะ เขาก็กลับขึ้นมาพร้อมกับคนของผมอีกสองคนที่ช่วยกันปฐมพยาบาลยูสึเพราะยูสึเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่อาจทำให้ผมได้เบาะแสของนามิ “พบรอยเท้าของคุณนามิที่สนามหลังบ้านครับ คิดว่าเธอน่าจะพยายามหาทางหนีออกไปจากทางด้านหลัง คนของเราส่วนหนึ่งกำลังแยกย้ายกันตามหาด้านใน กับอีกส่วนออกไปตามหาจากด้านหลังกำแพงครับ” ไซโตะเดินเข้ามารายงานผม ในขณะที่ผมกำลังรอให้ยูสึฟื้น “เป็นไปไม่ได้ที่นามิจะข้ามกำแพงออกไปได้” ผมบอกออกไปอย่างมั่นใจ เพราะกำแพงที่สวนด้านหลังนั่นสูงสี่เมตร มิหนำซ้ำยังไม่มีอะไรที่เธอจะใช้สำหรับปีนขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ปีนข้ามไปเลย แค่ขึ้นไปยืนอยู่เหนือกำแพงก็ลำบากแล้ว เธอไม่มีทางทำได้แน่ๆ “ถ้ายูสึฟื้นแล้วให้ลองเช็กดูว่าเขาโอเครึเปล่า ถ้าไม่โอเคให้รีบพาส่งโรงพยาบาล แต่ถ้าโอเค ให้เขาโทรหาฉันทันที ฉันจะไปรอฟังข่าวที่แบล็กซิโน” ผมสั่งด้วยความร้อนใจเมื่อคิดว่ายูสึคงไม่น่าจะฟื้นขึ้นมาภายในห้านาทีนี้แน่ๆ จากเดิมที่คิดว่าเขาน่าจะแค่หมดสติ ตอนนี้ก็เริ่มกังวลว่าเขาอาจจะอาการแย่กว่าที่คิด ซึ่งผมรอไม่ได้ ผมต้องเจอตัวนามิด่วนที่สุดก่อนที่เธอจะสร้างปัญหาให้ผม “ได้ครับคุณไดสึเกะ” “อ้อ สั่งให้คนของเราพาตัวไอ้ชินจิไปรอฉันที่นั่นด้วย แล้วก็ปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด อย่าให้กลิ่นลอยไปเตะจมูกไอ้โอยามะเด็ดขาด” ผมสั่งทิ้งท้ายพร้อมกับเดินแยกออกมาจากไซโตะทันที บรื้นนน~ เสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์นับสิบคันดังออกไปทางหน้าประตูรั้วดังขึ้นมาถึงชั้นสองของบ้านระหว่างที่ผมเองก็กำลังจะเดินกลับลงไปที่ชั้นล่าง ทุกคนกำลังแยกย้ายกันตามหาผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเจ็บใจในความประมาทของตัวเองจริงๆ “ยูสึฟื้นแล้วครับคุณไดสึเกะ” เสียงของไซโตะที่ตะโกนบอกทำให้ผมต้องหันกลับไปมองที่ยูสึอีกครั้ง เขาฟื้นแล้วจริงๆ และท่าทางจะไม่ได้เป็นอะไรมากแบบที่เมื่อครู่ผมแอบกังวล “คะ คุณไดสึเกะ” ยูสึละล่ำละลักเรียกผมทันทีที่เขาเห็นว่าผมกำลังเดินกลับไปที่เขา สีหน้าของเขาดูไม่ดีเท่าไหร่คงเพราะรู้ว่าตัวเองทำงานพลาด “ฉันฝากให้นายจับตาดูผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่คนเดียว แต่นายดันปล่อยให้เธอหนีไปได้ ไหนนายลองบอกฉันมาทีว่าฉันสมควรเลี้ยงนายไว้รึเปล่ายูสึ” ผมถามเสียงเข้มแล้วจ้องมองยูสึที่ถึงกับตัวสั่นงันงก เขาพยายามลุกขึ้นเพื่อคุกเข่าลงตรงหน้าผมทั้งที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา แต่ทั้งหมดนั่นมันไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกสงสารเขาได้หรอก สำหรับผม...ทำงานพลาดก็คือพลาดอยู่วันยังค่ำ “ผมขอโทษครับ” คำขอโทษของยูสึทำให้ผมพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เพราะต่อให้ผมจะโกรธเขามากแค่ไหน แต่อีกใจก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายเองก็แสบไม่ใช่เล่น ยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงบนเตียงของผม ยูสึเองก็คงวางตัวลำบาก “ฉันจะยกโทษให้นายก็ต่อเมื่อได้ตัวนามิกลับมาเท่านั้น” ผมยื่นคำขาดออกไปอย่างนั้น ก่อนจะจ้องมองยูสึที่รีบทบทวนความจำขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่ เขารู้ดีว่าตอนนี้สิ่งที่ต้องการที่สุดคือเบาะแสที่จะทำให้ผมได้ตัวเธอกลับมา “ผม...ผม...ผมถูกคุณนามิทุบที่ท้ายทอยครับ ครั้งแรกผมยังไม่หมดสติทันที” “ครั้งแรก?” ผมย้อนถามเสียงสูงเมื่อรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน “ครับ คุณนามิทุบผมสองครั้ง อาจเป็นเพราะครั้งแรกน้ำหนักมือของเธอเบาเกินกว่าที่จะทำให้ผมหมดสติ ก็เลยมีครั้งสอง คุณนามิพยายามค้นตัวผมเหมือนจะหาอาวุธ แต่เพราะผมไม่มีอาวุธติดตัวเธอก็เลยหยุด ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของคุณไดสึเกะครับ” ยูสึเล่า เขาขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับจะปวดหัว แต่ก็ยังพยายามจะพูดทุกอย่างที่นึกขึ้นได้ออกมา “แปลว่าตอนนั้นนามิยังไม่รู้ว่านายไม่ได้หมดสติ” ไซโตะช่วยผมถามอีกแรง ซึ่งผมเองก็กำลังสงสัยข้อนั้นอยู่เหมือนกัน “ครับ ผมตั้งใจแกล้งหมดสติ เพราะยังไงซะผมก็มั่นใจว่าถ้าเธอหนีออกไปจากห้อง ผมก็สามารถแจ้งเตือนคนข้างนอกได้ทัน” “นายเสียรู้เธอ” ไซโตะต่อว่ายูสึแทนผมอีกเหมือนเคย แต่ผมรู้ดีว่ายูสึเองก็ทำเต็มที่แล้ว เพราะหากเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ แผนการของยูสึฉลาดมากทีเดียวที่จะหลอกทำให้เธอหลงคิดว่าตัวเองสามารถหนีไปได้ และถ้าทุกอย่างเป็นแบบที่ยูสึพูด ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวถึงชั้นล่าง ก็ต้องถูกคนของผมจับได้แน่นอน แต่เพราะเธอคือนามิ ผู้หญิงที่ได้รับการฝึกมาให้เป็นเสือ การรู้จักเอาตัวรอดเป็นสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้ ยิ่งบวกประสบการณ์ของความล้มเหลวจากการหนีครั้งก่อน เธอยิ่งต้องระวัง “ไม่หรอก นามิฉลาด ต่อให้ยูสึจะหมดสติไปจริงๆ เธอก็จะเดินกลับมาซ้ำเพื่อความมั่นใจว่ายูสึจะไม่ฟื้นขึ้นมาในระหว่างที่เธอต้องการเวลาหนีอยู่ดี” ผมพูดพลางถอนหายใจ “ครับ ผมเห็นว่าเธอเดินย้อนกลับมาหาผม ก่อนจะยกบางอย่างที่ผมไม่แน่ใจทุบที่ต้นคอของผมอีกรอบ” มันคือปืนที่เธอได้มาจากโต๊ะของผมแบบที่ไม่ต้องสงสัยเลย ผมกวาดสายตามองไปรอบห้องที่ทุกคนกำลังมองหน้าผมเพื่อรอให้ผมตัดสินใจ แต่ในเมื่อสิ่งที่ยูสึพูด มันไม่ได้ช่วยให้เบาะแสอะไรกับผมเลย ดังนั้นผมก็ยังต้องตัดสินใจแบบเดิมนั่นแหละ “ไซโตะไปเตรียมรถ ฉันจะไปแบล็กซิโน ส่วนนายพายูสึไปโรงพยาบาล ที่เหลือตรวจทุกตารางนิ้วของที่นี่ให้ดีอีกรอบ” ผมย้ำคำสั่งเดิมออกไปเพราะคิดว่าบางทีเธออาจจะยังซ่อนอยู่ใต้จมูกผมก็ได้ ผมยังมั่นใจอยู่ว่าการที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงแค่คนเดียวจะหนีออกไปจากที่นี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้เธอจะเก่งกาจมาจากไหน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นผู้หญิง ที่สำคัญ เธอจะไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งที่ครั้งสุดท้ายก่อนที่ผมจะปล่อยให้เธอนอนพัก แม้แต่เสียงลมหายใจของเธอยังรวยรินจนผมแอบสงสารอยู่เลย เหอะ! ผมเดินนำไซโตะมาที่รถซึ่งยังคงจอดอยู่ที่หน้าบ้าน เขาวิ่งตามผมมา ก่อนจะเลยผมไปเพื่อเปิดประตูให้ผมตามหน้าที่ “คุณไดสึเกะครับ” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเท้าขึ้นไปบนรถก็เหมือนว่ายูสึจะนึกอะไรดีๆ ออก เขาถึงได้วิ่งกระหืดกระหอบตามผมลงมาทั้งที่มือขวาของเขายังคงกุมต้นคออยู่ตลอดเวลาเหมือนจะปวดคออยู่มาก “มีอะไร” ผมถามแล้วมองเขาเพื่อรอคอยคำตอบที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ “กุญแจรถของผมหายไปครับ” ยูสึบอกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี และคำบอกเล่าของเขาก็ทำให้ผมกำหมัดแน่นอย่างนึกโมโห สายตากวาดมองไปที่รถของยูสึที่ปกติแล้วมันจะจอดอยู่ที่โรงรถฝั่งทิศเหนือของตัวบ้าน แล้วก็พบว่ามันหายไปด้วยเหมือนกัน ผมหันกลับไปมองไซโตะอีกครั้งซึ่งเขาก็กำลังโทรศัพท์เพื่อกระจายคำสั่งให้ออกตามหารถของยูสึทันทีโดยไม่ต้องรอให้ผมออกคำสั่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม