ขณะที่ทั้งสองกำลังตรงไปยังโต๊ะเครื่องดื่มนั้น คุณากรซึ่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนของภัทรก็หันมาเห็นคนทั้งสอง จึงเอ่ยถามเรื่องหญิงสาวกับเพื่อนด้วยความสนใจ
“เฮ้ยภัทร นายมีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไรวะ ฉันไม่ยักรู้”
คำถามของเพื่อนทำให้ภัทรนึกขึ้นได้ทันทีว่าเขาลืมทักทายยัยตัวยุ่งเสียสนิท
ตายล่ะหว่าป่านนี้งอนตุ๊บป่องไปแล้วมั้ง
ภัทรยังไม่ทันตอบคำถามแรก คำถามต่อมาก็ทำให้เขาหันไปมองเพื่อนตาขวาง
“อายุเท่าไรแล้ววะ ฉันเห็นใกล้ๆ แล้วสวยขนาดส่งประกวดได้เลยนี่หว่า ว่าแต่ขอจีบได้ปะ” คำพูดแบบไม่คิดของคุณากรทำให้คนฟังรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
“ไม่ได้หรอก น้องปัญยังเด็ก อีกอย่างฉันคิดว่าแกไม่เหมาะกับน้องปัญหรอกว่ะ” คำพูดตรงๆ ของภัทรทำให้คุณากรสะอึก แต่ก็ไม่คิดละความพยายาม
“เฮ้ย ฉันก็แค่พูดเล่น ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ทำโมโหไปได้ ว่าแต่ถ้าไม่เหมาะกับฉันแล้วเหมาะกับใครวะ หรือว่าไอ้หนุ่มคนนั้น”
คำพูดพร้อมท่าทีพยักพเยิดให้เขามองไปทางสองหนุ่มสาว ทำให้ดวงตาคมกริบที่มองตามสายตาเพื่อนต้องนิ่วหน้า ท่าทางสนิทสนมของทั้งสองทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาวูบหนึ่ง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าผู้ชายที่ยืนข้างยัยตัวยุ่งนั้นไม่ใช่ใครก็เพื่อนเล่นวัยเด็กของหล่อนนั่นแหละ ที่สำคัญยังเป็นน้องชายของคนรักเขาด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึกไม่ชอบและไม่พอใจเลยสักนิด และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไรก็คือ ทำไมวันนี้ต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้ด้วย...
ใบหน้าหวานๆ รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรของยัยตัวยุ่งมันทำให้หนุ่มๆ ในงานมองตามกันตาปรอย ก็ขนาดเขาเองยังเห็นว่าหล่อนสวย แล้วคนอื่นล่ะจะไม่เห็นเลยเหรอ
เอ๊ะ! ไม่ใช่สิต้องบอกว่างดงามถึงจะถูก เพราะยัยตัวยุ่งดูจะเหมาะกับคำนี้ที่สุด ก็เมื่อปีที่แล้วหล่อนยังเป็นเด็กกะโปโลอยู่เลย ทำไมปีนี้ถึงดูเป็นสาวเต็มตัวขนาดนี้ คำพูดของคุณากรทำให้เขาต้องคิดหนัก แค่ระยะเวลาเพียงไม่นานที่เขาห่างหาย ไม่ได้พบหล่อนเพราะงานที่ติดพัน ปัญชิตาถึงกับทำตัวเป็นสาวแก่แดดขนาดนี้เลยเหรอ เห็นทีจะต้องอบรมกันสักหน่อยแล้ว
ระหว่างที่ฉัตรเพชรและปัญชิตากำลังนำเครื่องดื่มกลับมานั้น ฉัตรตะวัน ฉัตรวิไลและวิชาดาคุยโขมงถึงเรื่องข่าวดีที่จะมีขึ้นในอีกไม่ช้า
“แหมวิเพิ่งรู้นะคะเนี่ย ว่าอีกไม่กี่เดือนพี่ภัทรกับพี่วิวก็จะแต่งงานกันแล้ว งั้นสาวๆ แถวนี้ก็อกหักเป็นแถวแน่ๆ เลยโดยเฉพาะวิ พอกลับมาปุ๊บก็แต่งปั๊บ”
วิชาดาแสดงสีหน้าว่าเสียดายสุดขีด ดวงตาละห้อย แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสตามสไตล์ของหล่อน ท่าทางของวิชาดาไม่ได้สร้างความขุ่นใจให้ฉัตรวิไลแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับเพิ่มรอยยิ้มบนใบหน้าของฉัตรวิไลมากยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวของปัญชิตาชอบพูดเล่นตามประสาคนพูดเก่งก็เท่านั้นเอง
“ความจริงเรา... พี่หมายถึงผู้ใหญ่ของทางภัทรและก็พี่วางแผนกันมานานแล้ว อีกอย่างพี่สองคนก็แก่แล้ว เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้แย่เลย”
คำว่า “แก่” ทำให้สาวน้อยถึงกับทำตาโต แล้วกวาดตามอง ฉัตรวิไลขึ้นลงสองรอบเพื่อมองหาความแก่อย่างที่เจ้าตัวกล่าว
“ไหนคะพี่วิว ตรงไหนคะ ช่วยชี้ให้วิดูหน่อยค่ะ เพื่อว่าวิจะได้กระจ่างถึงความแก่ที่พี่วิวว่ามา” คำพูดและท่าทางของวิชาดาทำให้ ฉัตรตะวันและฉัตรวิไลหัวเราะขัน
“สามสิบสำหรับผู้หญิงก็ถือว่าแก่นะจ๊ะ” ฉัตรวิไลพูดพลางยิ้ม
“ใช่ แก๊.. แก่” ฉัตรตะวันทำท่าล้อเลียนพี่สาวแล้วหัวเราะ ฉัตรวิไลจึงถลึงตาใส่ก่อนหันไปยิ้มให้วิชาดา แต่ฝ่ายนั้นส่ายหน้าหวือ ไม่เห็นด้วยสักนิดเดียว
“ไม่ ไม่เด็ดขาด อย่างนี้ไม่แก่หรอกค่ะ ถ้าอย่างพี่วิวเรียกว่าแก่ งั้นวิก็โคตรแก่เลยสิค่ะ เพราะว่าหน้าวิวิ่งแซงอายุพี่วิวสักสิบรอบได้มั้ง”
คำเปรียบเทียบเกินจริงของวิชาดาทำให้ทั้งสองสาวหัวเราะกันจนท้องแข็ง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ฉัตรเพชรและปัญชิตามาถึงพร้อมเครื่องดื่ม
“คุยอะไรกันเหรอคะ ดูท่าจะสนุกสนาน” คำถามของหญิงสาวส่งผลให้ฉัตรเพชรพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ ไม่อยู่เดี๋ยวเดียวคงจะมีเรื่องคุยเยอะ” ฉัตรเพชรสนับสนุนคำพูดของปัญชิตา
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เพชร แค่เรากำลังคุยเรื่องงานแต่งของพี่วิวกับพี่ภัทรกันอยู่”
คำเฉลยของฉัตรตะวัน ทำให้คนที่กำลังนำน้ำผลไม้เสิร์ฟลงตรงหน้าสามสาวถึงกับชะงัก ใบหน้างามเงยหน้าขึ้นมองฉัตรวิไลด้วยสายตาเป็นคำถาม ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยถาม ร่างสูงของผู้ที่ตกเป็นหัวข้อการสนทนาก็ก้าวเข้ามา และเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉัตรเพชรหันไปเห็นเข้าพอดี
“อ้าว สวัสดีครับพี่ภัทร”
ภัทรรับไหว้ฉัตรเพชร พลางปรายตามองไปทางปัญชิตาซึ่งยืนหันหลังให้เขาอยู่
“สวัสดีครับทุกคน ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้เข้ามาทักทายแต่แรก” ภัทรกล่าวขอโทษที่ทำเหมือนละเลย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ภัทร พวกเราทราบค่ะว่าต้องให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ก่อนเพราะวันนี้มากันเยอะจริงๆ อีกอย่างพวกเราก็คนกันเองทั้งนั้น”
ฉัตรตะวันกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม วิชาดาหันไปสะกิดปัญชิตาให้แนะนำตนได้รู้จักกับภัทร ชายหนุ่มมองอยู่แล้วจึงหันไปทางปัญชิตาที่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ภัทรยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน ท่าทางแบบนี้สรุปได้ว่ายัยตัวยุ่งกำลังโกรธเขาแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“ว่าไงสาวน้อย จะไม่ทักทายพี่ชายสักหน่อยหรือ คนอื่นเขาทักทายกันหมดแล้วนะ”
เขาพูดพร้อมกับเดินอ้อมไปหยุดลงตรงหน้าหญิงสาว ที่แสร้งวุ่นวายกับเครื่องดื่มหลากชนิดตรงหน้า ก่อนจะเงยขึ้นมองคนใจร้ายพร้อมกับยกมือไหว้แล้วยิ้มจืดๆ เป็นการทักทาย เวลาเดียวกันก็เริ่มรำคาญวิชาดาที่สะกิดไม่ยอมหยุด
“นี่เพื่อนน้องปัญเองค่ะ ชื่อวิชาดา แล้วก็นี่พี่ภัทร”
วิชาดาไหว้ภัทร ยิ้มหวานพร้อมแนะนำตัวฉะฉาน
“สวัสดีค่ะพี่ภัทร เรียกวิเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”
แนะนำตัวเองแล้วก็ยิ้มให้ภัทรอย่างเขินๆ พลางนึกในใจว่าตอนเห็นไกลๆ ว่าหล่อแล้วเชียว แต่พอได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ความหล่อทิ่มตาหล่อนอยู่นี่ อย่างนี้เขาเรียกว่าหล่อลากไส้ หล่ออันตราย เป็นภัยต่อหัวใจผู้หญิงทุกคนเลยนะเนี่ย
ท่าทางฝันหวานของเพื่อนสาวทำให้ปัญชิตาอดหมั่นไส้ไม่ได้ เลยแกล้งกระทุ้งเข้าสีข้างเบาๆ เป็นการเตือนให้สำรวมกิริยามารยาทหน่อย อย่าแสดงความหื่นออกนอกหน้ามากจนเกินไป
สำหรับวิชาดา เมื่อได้รับคำเตือนเป็นศอกแข็งๆ จึงหันไปยิ้มแหยกับปัญชิตาเป็นเชิงว่าขอโทษที่เผลอ ภัทรเองก็ได้แต่ยิ้มขันท่าทางของวิชาดา แล้วคิดหาวิธีเริ่มต้นคุยกับยัยตัวยุ่ง แต่ฉัตรวิไลก็เข้ามาขัดเสียก่อน
“ภัทรคะ เราไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ของวิวเถอะค่ะ ท่านอยากคุยกับภัทร” เมื่อคนรักเข้ามากอดแขนและบอกความจำนงชายหนุ่มจึงไม่อาจขัด ทั้งที่ใจจริงเขาอยากจะถามไถสารทุกข์สุขดิบกับยัยตัวยุ่งมากกว่า
“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับทุกคน” เขาบอกสองสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มโดยไม่ลืมหันมาเอ่ยกับปัญชิตาโดยเฉพาะ “เสร็จแล้วพี่จะกลับมาคุยด้วยนะน้องปัญ”
เมื่อทั้งคู่ห่างออกไป วิชาดาก็หันมาเอ่ยกับปัญชิตาด้วยท่าทางตื่นเต้น
“หูย! พี่ภัทรน่ารักสุดๆ แล้วนี่แกต้องทำตัวยังไงมั่งที่มีพี่ชายหล่อขนาดเนี้ย นี่ขนาดมองไกลๆ ว่าหล่อแล้วเชียวพอได้เห็นระยะประชิด โอ้โห! แม่เจ้า! อกอีแป้นจะระเบิด หัวใจสาวโสดจะละลาย หล่อเท่ มาก... กอไก่ล้านตัว”
วิชาดาลากเสียงยาวแสดงให้เห็นว่าเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ปัญชิตารู้สึกหมั่นไส้จนต้องพูดประชดเพื่อนสาวออกมา
“แหม! อยากเป็นน้องสาวพี่ภัทรไหมล่ะ ถ้าอยากเป็นนักจะได้บอกเขาให้ว่ามีคนหลงรูปจนอยากจะมาขอสมัครเป็นน้องสาวอีกคนน่ะ” วิชาดาทำปากจู๋ตาโตทันที
“จริงอ่ะ ดีๆ ไปบอกเลยว่าฉันขอเป็นน้องสาวพี่ภัทรสุดหล่ออีกคน” ปัญชิตาถึงกับส่ายหน้าให้เพื่อนจอมป่วน “แหม แค่พูดเล่นน่ะ ว่าแต่พี่ภัทรกับพี่วิวเหมาะสมกันดีจังเลยนะ”
ปัญชิตามองตามยังสองหนุ่มสาวที่ใครๆ ก็ว่าเหมาะสมกัน รู้สึกหดหู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ซึ่งสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น
“ใช่... ใครเขาก็ว่างั้น” ปัญชิตาเปรยเสียงแผ่ว ไม่ได้สนใจฟังคำสรรเสริญเยินย่อของเพื่อนที่มีต่อภัทรนัก กระทั่งถูกฉัตรเพชรเรียก จึงเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับสองพี่น้อง
“สองสาวเม้าท์อะไรกันอยู่” ฉัตรตะวันเอ่ยถาม เมื่อทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย
“นั่นสิ พี่ว่าดื่มพันซ์ก่อนดีกว่า กำลังเย็นชื่นใจเลย”
ฉัตรเพชรส่งพันซ์ให้ สองสาวจึงขอบคุณเบาๆ แต่ชายหนุ่มตาไวเช่นเคย เขาสังเกตเห็นว่าปัญชิตาดูเงียบลง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ภัทรเข้ามาทักทาย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ตะวัน ยัยวิแค่กำลังหลงรูปพี่ภัทรอยู่น่ะค่ะ” ปัญชิตาถูกวิชาดาหยิกเข้าที่ต้นแขนทันที ก่อนฝ่ายนั้นจะหันไปยิ้มอายๆ กับสองพี่น้อง
“ก็แหมนิดหน่อยเองค่ะ ยัยปัญก็พูดเกินไป” วิชาดาพูดแก้เขิน ฉัตรตะวันยิ้มขันก่อนกล่าวออกมายิ้มๆ
“เป็นธรรมดาของหนุ่มหล่อแหละ ใครเห็นใครก็ชอบ พี่ภัทรน่ะเสน่ห์แรงจะตาย จริงไหมค่ะพี่เพชร” เมื่อน้องสาวถามความเห็น ฉัตรเพชรจึงทำหน้าเหรอหราเพราะกำลังครุ่นคิดถึงท่าทางของปัญชิตา จึงไม่ได้สนใจเรื่องที่น้องสาวเอ่ยถาม
“ก็ คงงั้นมั้ง” เขาตอบส่งเดช เพราะไม่ได้สนใจเรื่องอื่น นอกจากความรู้สึกของสาวน้อย และคิดว่าต้องรู้ให้ได้ว่าปัญชิตาเป็นอะไรไป เพราะแทนที่หล่อนจะสนุกสนานร่าเริงเหมือนคนอื่นๆ ในงาน กลับดูเซื่องซึมผิดปกติ