3 ผู้ดูแลโรงหมอ

1459 คำ
ฮัวจิงอวี๋ถูกเชิญไปยังเรือนนอนของฮัวหยาง พ่อบ้านฝูได้บอกกล่าวแก่คุณชายคนใหม่ว่าฮัวหยางออกไปพักอยู่กับภรรยาที่เรือนปรุงยาด้านหลัง เรือนนี้จึงมีไว้สำหรับต้อนรับญาติๆ ที่เดินทางมาจากแดนไกล “ถ้าอย่างนั้น เสี่ยวหยางก็คงจงใจจัดไว้ต้อนรับข้า” “เป็นเช่นนั้นขอรับ ตั้งแต่คุณชายใหญ่เขียนจดหมายไปหาท่านก็ดูจะแน่ใจว่าท่านต้องมาแน่ จึงได้สั่งให้ข้าน้อยจัดเรือนนี้เอาไว้” “ข้ารู้เพียงว่าเสี่ยวหยางแต่งงานแล้ว แต่ว่าน้องสะใภ้เป็นคนเช่นไร ข้ายังไม่รู้เลย พ่อบ้านฝูเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ” “น้องสะใภ้ของท่านเป็นมือปราบในสำนักมือปราบหน่วยที่หกขอรับ ฮูหยินน้อยเป็นคนซื่อตรง ใจดี มีเมตตาเพียงแต่...” “เพียงแต่อันใดหรือ” ฮัวจิงอวี๋แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าญาติผู้น้องจะชอบสตรีห้าวหาญที่เป็นมือปราบ “ครอบครัวของฮูหยินน้อยค่อนข้างยากจนขอรับ แต่ตอนหลังนายท่านรู้ว่านางเป็นบุตรสาวของสหายเก่าจึงยินยอมให้แต่งงานกัน” “ท่านอากับท่านอาสะใภ้กลุ้มใจเรื่องการแต่งงานของเสี่ยวหยางมานานแล้วนี่ ได้ยินว่าเขาไม่เคยสนใจสตรีเลย” “ขอรับ ก่อนหน้านี้นำรูปคุณหนูมาให้เลือกกว่าห้าสิบคนแล้ว แต่คุณชายรองก็ไม่ชอบใจเสียที” “อืม...” ฮัว จิงอวี๋หัวเราะเบาๆ “ดีๆ ข้าชักอยากจะเห็นน้องสะใภ้ผู้นี้เสียแล้ว” ฮัวหยางกลับมาพร้อมกับอู๋จือหลังตะวันตกดิน สองสามีภรรยาเดินจับมือกันเข้ามายังห้องรับประทานอาหาร คนในครอบครัวที่กำลังนั่งรอหันกลับไปมอง ฮัวหยางมองเห็นญาติพี่ผู้ก็ยิ้มกว้างเอ่ยทัก “พี่จิงอวี๋ ท่านมาถึงเสียที ข้ารอมาหลายวันแล้ว” ฮัวจิงอวี๋มองดูญาติผู้น้องแล้วยิ้มกว้าง จริงอย่างที่ทุกคนบอก ใบหน้าของฮัวหยางละม้ายกับเขาหลายส่วน หากมองไกลๆ อาจจะคิดว่าเป็นคนเดียวกัน “ข้ากับเจ้า เหมือนกันมากจริงๆ ด้วย” อู๋จือถึงกับตะลึง นอกจากสามีของตนที่หล่อเหลารูปงามแล้ว ญาติผู้พี่ของสามีนามฮัวจิงอวี๋ก็มีรูปลักษณ์เลอเลิศแพ้กัน “ข้าเร่งเดินทางเพราะห่วงว่าเจ้าจะรอนานน่ะสิ” สายตาของฮัวจิงอวี๋หันไปมองสตรีในชุดเครื่องแบบสีแดงเลือดหมูที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮัวหยาง “นี่ล่ะสินะ น้องสะใภ้ของข้า ดูแล้วเหมาะสมกับเจ้ามาก เจ้าสองคนเป็นคู่สวรรค์สร้างจริงๆ” อู๋จือประสานมือยอบกาย “ขอบคุณญาติผู้พี่” ฮัวหยางหัวเราะร่วน “ในจดหมายที่เขียนไป ข้าลืมเล่าเรื่องจือจือให้ท่านฟังเสียสนิท มัวแต่ห่วงเรื่องการตั้งโรงหมอ” “ไม่เป็นไร ข้าแอบสอบถามจากพ่อบ้านฝูมาแล้ว” ฮัวจิงอวี๋ยิ้มน้อยๆ เรื่องราวของหมอเทวดาฮัวจิงอวี๋ ฮัวหยางนอนเล่าให้ภรรยาฟังบนเตียงมาหลายคืนแล้ว ครั้นได้พบตัวจริง อู๋จือคิดว่าฮัวหยางมิได้พูดเกินเลยไปแต่อย่างใด ญาติผู้พี่ของสามีช่างเป็นผู้ที่สวรรค์โปรดปรานเสียนี่กระไร รูปร่างหน้าตางดงามไร้ที่ติ แต่...แววตากลับดูเศร้าสร้อยอย่างประหลาด “มาๆ พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว รีบมานั่งกันเถอะ ทุกคนหิ้วท้องรอเจ้านานแล้ว” คหบดีฮัวมองเห็นคนทั้งสามเดินเข้าก็รีบเรียก ในโต๊ะนั้นมีคหบดีฮัว ฮัวฮูหยิน ฮัวซุ่นซีน้องชายของฮัวหยาง ภรรยาของฮัวซุ่นซี และเด็กชายตัวน้อยอีกสองคน ฮัวจิ้นกับฮัวปินปินบุตรชายตัวน้อยของฮัวไห่เทาผู้เป็นอาในตระกูลสายรองของฮัวหยางได้รับอนุญาตให้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารโดยมีมารดาคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ พอเห็นพี่สะใภ้อย่างอู๋จือ เด็กน้อยทั้งสองก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาทันทีทันใด ฮัวฮูหยินที่ลอบสังเกตอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ “พวกเจ้าตัวเล็ก เจอมือปราบประจำบ้านเราทีไรก็ทำตัวดีตลอด” “ท่านแม่ อย่าเย้าอย่างนั้นสิเจ้าคะ พวกเขาแค่อยู่ในระเบียบวินัยแค่นั้นเอง” อู๋จือรีบแย้ง นางกลัวเด็กชายสองคนจะไม่สบายใจเพราะนางเคยจับผิดพวกเขาได้ เมื่อครั้งเล่นฝังสมบัติของท่านย่าจนเกิดเรื่องวุ่นวายโกลาหลในคฤหาสน์ ฮัวจิงอวี๋มองตามสายตาของท่านอาสะใภ้ก็เห็นว่าญาติผู้น้องจอมซนทั้งสองเมื่อครู่ยังนั่งกินอาหารอย่างไม่ค่อยสำรวมนัก ทว่าพอเห็นอู๋จือทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เด็กทั้งสองก็มีท่าทีระมัดระวัง “มีมือปราบอยู่ในครอบครัวก็ดีอย่างนี้เอง พวกเด็กซนทั้งหลายกลัวจะถูกจับเข้าคุกจึงต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่” คหบดีฮัว พูดพลางยิ้มเอ็นดูหลานๆ “ที่แท้ เด็กสองคนก็เกรงใจน้องสะใภ้นี่เอง” ฮัวซุ่นซียิ้มกว้าง ในขณะที่ภรรยาของฮัวซุ่นซีสาละวนกับการคีบอาหารเอาใจมารดาของสามี “เขากลัวกันมานานแล้วขอรับพี่จิงอวี๋ ทุกวันนี้หากจะสั่งสอนอันใดก็ต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของพี่จือ” ฮัวจิงอวี๋พยักหน้าหงึกหงัก เขารู้สึกดีใจแทนอู๋จือผู้เป็นน้องสะใภ้ที่ได้รับการยอมรับในครอบครัวของสามี และเข้ากับทุกคนได้ดี โดยทั่วไปในครอบครัวที่ร่ำรวยมหาศาลอย่างสกุลฮัว ยากนักที่ลูกสะใภ้จากสกุลยากจนจะอยู่อย่างมีความสุขได้ อาจจะเป็นเพราะฮัวหยางรักใคร่ภรรยามาก ทำให้คนทั้งเรือนพลอยเอ็นดูน้องสะใภ้คนนี้ด้วย หลังรับประทานอาหาร อู๋จือพาหลานๆ ไปเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าเรือนใหญ่ นางสอนพวกเขาตวัดกระบี่สองสามท่าพอได้ออกกำลังให้อาหารในท้องได้ย่อย มือปราบหญิงหาซื้อกระบี่ไม้ที่มีขนาดเหมาะกับฮัวจิ้นและฮัวปินปินคนละอัน พร้อมทั้งสอนวิชากระบี่ให้ด้วย เด็กสองคนจึงติดพี่สะใภ้อย่างมากและใฝ่ฝันอยากจะเป็นมือปราบเลื่องชื่อ คหบดีฮัวกับลูกหลานไปนั่งอยู่โต๊ะที่ระเบียงกว้างปรึกษาหารือเรื่องการตั้งโรงหมอในเมืองหลวง ฮัวหยางมองญาติผู้พี่ “ที่ข้าเขียนจดหมายไปเชิญท่านพี่มาก็เพราะเห็นว่ายามนี้ร้านยาสมุนไพรของสกุลฮัว มีถึงสิบสาขาแล้ว ข้าเองก็คิดค้นและปรุงยาใหม่ๆ ออกมาหลายสิบขนาน เหลือเพียงการตรวจรักษาโรคที่ข้ายากจะทำด้วยตนเองได้ไหว” คหบดีฮัวรีบสำทับ “อาเองเห็นว่าเจ้ามีความสามารถจนถูกเรียกขานว่า หมอเทวดา ควรจะได้ใช้ความรู้ช่วยเหลือผู้คนอย่างเต็มที่ โรงหมอสกุลฮัวที่เราจะตั้งขึ้นนี้ อาตั้งใจจะช่วยเหลือคนยากไร้ไปด้วยส่วนหนึ่ง ที่ผ่านมาหากคนจนเจ็บป่วยหนักยากนักที่พวกเขาจะมีเงินมารักษา สุดท้ายก็ต้องเสียชีวิตไปอย่างน่าอนาถ” ฮัวจิงอวี๋ยิ้มให้กับท่านอาและญาติผู้น้อง “เป็นเพราะพวกท่านบอกกล่าวเช่นนี้ ข้าจึงได้ยอมลงจากเขามาเพื่อช่วยพวกท่านตั้งโรงหมอ ที่ผ่านมาข้าเองก็ลงไปที่หมู่บ้านเชิงเขาเป็นบางครั้งเพื่อช่วยตรวจรักษาให้คนยากคนจนโดยไม่เก็บค่ารักษา แต่ยาหลายอย่างต้องใช้เงินซื้อ นี่เป็นข้อจำกัดที่สำคัญข้อหนึ่ง” ฮัวซุ่นซียิ้มน้อยๆ “ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้ากับภรรยาดูแลบัญชีรายได้ทั้งหมดของร้านเฉี่ยนซือ พวกเราแบ่งกำไรส่วนหนึ่งเอาไว้เพื่อสนับสนุนค่ายาให้กับโรงหมอเพื่อให้ท่านได้ช่วยเหลือคนยากไร้อย่างเต็มที่” “ขอบใจนะ เสี่ยวซุ่นซี ได้ยินเช่นนี้ข้าก็สบายใจ” “ไม่ได้มีแต่ค่ายาของคนจนนะขอรับ ยังมีเบี้ยหวัดของท่านด้วย โรงหมอสกุลฮัว ของเรามีปณิธานคือจะดูแลรักษาคนรวยเพื่อเอาเงินมาช่วยคนจน” ฮัวจิงอวี๋ยิ้มกว้าง “ดีๆ ถ้าอย่างนั้นข้าก็สบายใจ” ฮัวหยางยื่นมือมาจับแขนญาติผู้พี่ “โรงหมอสกุลฮัว มอบให้ท่านเป็นผู้ดูแล ข้าเชื่อมั่นว่าชื่อเสียงในการรักษาของท่านจะทำให้ยาในร้านเฉี่ยนซือขายดีมากยิ่งขึ้น นั่นหมายถึงเราจะได้ช่วยเหลือคนยากไร้ได้มากขึ้น” “เสี่ยวหยาง เจ้าเองก็ต้องเจียดเวลามาช่วยข้าตรวจโรคให้คนป่วยด้วยเล่า ทิ้งไว้นานจะลืมวิชาเสียเปล่า” ฮัวหยางมองหน้าญาติผู้พี่ “จริง ข้าเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าโรงหมอมีท่านอยู่เป็นหลัก ข้าก็จะแวะเวียนไปช่วยตรวจคนไข้เป็นครั้งคราว” *******************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม