1 คดีอัปยศ
จางเจิ้งจีหัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามถึงกับขมวดคิ้วขณะมองดูศพของบุรุษสองคนที่นอนหงายอยู่คนละฟากของห้องพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้
ดูแล้ว....ช่างชวนให้ตกใจ คนทั้งสองเสื้อผ้าหลุดรุ่ย บนเตียงยับยู่ยี่ บุรุษคนแรกมีเสื้อผ้าหรูหรางดงาม เครื่องประดับในตัวล้วนเป็นของราคาแพง ส่วนอีกคนเครื่องแต่งกายธรรมดาดูละม้ายบัณฑิตตกยาก
‘ดูจากท่าทางของพวกเขาสองคน คล้ายจะมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาเสียด้วย’
“เหล่าเฉิน เจ้าสืบดูชัดเจนแล้วหรือ”
“ขอรับ เป็นสามีของใต้เท้าหลัว ขุนนางขั้นห้า[1]กรมคลังจริงๆ บ่าวรับใช้ที่กำลังตามหาเขา มายืนยันตัวแล้ว”
“เอ๋ ใช่สกุลหลัวเจ้าของร้านยาสมุนไพรหวนเจี่ยหรือไม่ ”
เฉินหรงรีบพยักหน้ารับ “ขอรับ”
จางเจิ้งจีถึงกับขมวดคิ้ว “คนสกุลหลัวยังไม่ทราบใช่หรือไม่”
“ขอรับ ข้ากักตัวบ่าวรับใช้สองคนเอาไว้ก่อน สอบสวนเสร็จค่อยปล่อยตัว”
“เช่นนั้น ส่งคนไปแจ้งใต้เท้าหลัวที”
หวังหวั่นมือปราบหญิงมองสภาพศพแล้วเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าหน่วยของตน “หัวหน้าจาง ถ้าเช่นนั้นให้ข้าเป็นคนสืบหาบุรุษอีกคนก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
จางเจิ้งจีเป็นสามีของหวังหวั่น ทั้งสองทำงานอยู่ในหน่วยเดียวกัน ในยามออกปฏิบัติหน้าที่ หวังหวั่นต้องเรียกสามีว่า ‘หัวหน้าจาง’
ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้ารีบพยักหน้า “เจ้ารีบไปเถิด หากนี่คือสามีใต้เท้าหลัวจริง มาเสียชีวิตสภาพน่าอนาถ คดีนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เสียแล้วล่ะ”
ร้านยาสมุนไพร “หวนเจี่ย” เป็นร้านยาขนาดใหญ่มีอยู่สี่สาขาในเมืองหลวง เป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่ที่ตั้งมานาน
สกุลหลัวนับว่ามีฐานะดีในระดับหนึ่งในห้าสิบของคหบดีใหญ่ในเมืองหลวง หลัวเผิงเผิงเป็นบุตรสาวคนโต นางเป็นขุนนางหญิงที่เก่งกาจผู้หนึ่งของแคว้น
หลัวเผิงเผิงนางสอบแข่งขันติดอันดับหนึ่งในสามของการสอบคัดเลือกบัณฑิตใหญ่ นางจึงได้เป็นขุนนางขั้นห้ากรมคลัง นับว่าเป็นขุนนางหญิงอายุน้อยที่สุดในแคว้นที่ดำรงตำแหน่งขุนนางในระดับนี้
หวังหวั่นมือปราบหญิงอดีตนักฆ่าสำนักคุณธรรมควบม้าไปยังบ้านเดิมของเตียวซืออินสามีของใต้เท้าหลัวหรือหลัวเผิงเผิงที่อยู่ย่านตะวันตกของเมือง
พอได้รับการแจ้งข่าวการตายของบุตรชาย มารดาของเตียวซืออินก็ล้มทั้งยืน
“ไม่นะ เยียนเอ๋อร์ ไม่ตาย! ไม่ใช่ลูกชายข้าแน่”
บิดากับพี่ชายของผู้ตายพากันแตกตื่นตกใจรีบไปดูศพยังสำนักมือปราบ
หวังหวั่นบอกให้สหายมือปราบพาคนของสกุลเตียวไปดูศพโดยที่ตัวนางขอเรียกคนในบ้านที่เหลือออกมาสอบสวน
“พวกเจ้ามาช่วยกันดูสิว่า ผู้ใดรู้จักคนผู้นี้บ้าง”
บ่าวรับใช้ของสกุลเตียวเมื่อได้เห็นศพบุรุษที่นอนอยู่ในห้องเดียวกันกับคุณชายของตนต่างพากันบอกเล่าสิ่งที่ตนรู้เห็นออกมาจนหมด
หวังหวั่นก็สรุปได้ว่า...บุรุษทั้งสองสนิทสนมกันอย่างมากและนัดพบกันหลายครั้ง
คดีอัปยศของสามีใต้เท้าหลัวทำให้มือปราบระดับสูงสองคนหนักใจยิ่งนัก
หลัวเผิงเผิงเพิ่งจะแต่งงานกับเตียวซืออินได้เพียงหกเดือน สามีรูปงามกลับนัดแนะชู้รักที่เป็นบุรุษแอบพบกันที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นข้างในห้องนั้น
“ข้าว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนแทงคุณชายเตียวจนตายแล้วค่อยฆ่าตัวตายตาม” หัวหน้าโหยวอีรองผู้บัญชาการสำนักมือปราบหันไปพูดกับหัวหน้าจาง
“ท่านแน่ใจหรือขอรับ ไม่มีการฆ่าอำพรางแน่นะ”
“หัวหน้าจาง เรื่องนี้ข้ามั่นใจ เจ้าก็ดูสิ ไม่มีรอยงัดแงะแม้เท่ารอยแมวข่วน พยานก็ยืนยันว่าพวกเขามาเข้าห้องพักด้วยกัน ซ้ำยังพักอยู่ด้วยกันตั้งสองวัน” โหยวอียืนยัน
รองผู้บัญชาการสำนักมือปราบเมืองหลวงแซ่โหยวนามอี[2]ผู้นี้ เคยถูกภรรยาที่เพิ่งแต่งงานหนีไป จนต้องออกตามหาตัวโกลาหลอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นคดีเช่นนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจ
จางเจิ้งจีจึงเรียกให้คนในหน่วยงานตนเองมาลงบันทึกพร้อมทั้งวาดภาพขณะเกิดเหตุเอาไว้ ก่อนจะทำการเก็บศพไปชันสูตร
คนสกุลเตียวมาถึงก็ร้องไห้ฟูมฟาย ส่วนคนสกุลหลัวรู้ข่าวแล้วก็รีบไปแจ้งหลัวเผิงเผิงที่กรมคลัง ใต้เท้าหญิงคนงามรู้ข่าวก็ตามมาดูศพของสามีตนที่สำนักมือปราบ
“หากเป็นข้ามาเจอศพสามีกับชู้รักเช่นนี้ อย่าว่าแต่จะเสียใจเลย อยากจะเงื้อดาบมาแทงซ้ำมากกว่า” โหยวอีกัดฟันกรอด แม้เขาจะไม่ได้รู้จักกับหลัวเผิงเผิง เป็นการส่วนตัวแต่เห็นใจอีกฝ่ายมาก
นางเป็นขุนนางหญิงผู้โด่งดัง กลับต้องมาถูกสามีทำลายชื่อเสียงด้วยการลอบคบหากับบุรุษ เป็นเรื่องน่าอัปยศอดสูมากเลยทีเดียว
“หัวหน้าจาง บุรุษผู้นั้นแท้จริงคือคนรักเก่าของเตียวซืออิน ขอรับชื่อซุยจี้เซิง สาวใช้สองคนเคยเห็นคนผู้นี้บ่อยๆ พวกเขามักจะนัดพบกันที่โรงน้ำชา แต่ภายหลังเตียวซืออิน ต้องการจะแต่งงานกับหลัวเผิงเผิง จึงได้บอกเลิกกับคนผู้นี้” หวังหวั่นเอ่ยบอกหัวหน้าหน่วยของตน
“เลิก แต่กลับนัดพบกันอีกเช่นนี้ จะเรียกว่าเลิกได้อย่างไร” จางเจิ้งจีส่ายศีรษะ
“หลังแต่งงานกับหลัวเผิงเผิง พวกเขายังนัดพบกันอีกหรือ” โหยวอีหันมาถาม งานนี้เขาในฐานะรองผู้บัญชาการสำนักมือปราบได้ลงมาช่วยจางเจิ้งจีตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ
“ขอรับ พวกเขาเคยนัดพบกันสองครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้น พฤติกรรมของคุณชายเตียวก็ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ซ้ำดูจากคราบบนเตียง พวกเขาน่าจะเพิ่งร่วมรักกันได้ไม่นานด้วยซ้ำ”
“พวกเขานัดพบกันที่ใดบ้าง” จางเจิ้งจี้หันมาหาหวังหวั่น
“บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งของสกุลหลัวอ้างว่าเขาถูกนายท่านหลัวสั่งให้คอยจับตามองซุยจี้เซิงเอาไว้ พบว่าคนผู้นี้เคยไปพบกับเตียวซืออิน ที่โรงน้ำชาแถวๆ ประตูเมืองตะวันตกอยู่คราหนึ่งเจ้าค่ะ” หวังหวั่นตอบอย่างฉะฉาน
“บ้านของซุยจี้เซิงเล่า ”
“บ้านเขาอยู่ใกล้บ้านสกุลเตียวเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้เตียวซืออิน เคยติดต่อกับบัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งที่เดินทางมาจากเมืองไท่หยาง จากนั้นซุยจี้เซิงมาพักอยู่บนถนนเดียวกัน ซุยจี้เจิงรูปหน้าตาดีและคารมดีมากกว่า เขาจึงเลิกติดต่อกับบัณฑิตหนุ่มคนก่อน” หวังหวั่นเม้มปากน้อยๆ ปมความตายของเตียวซืออิน เกี่ยวพันกับบุรุษหลายคนเหลือเกิน
จางเจิ้งจีพยักหน้า “เช่นนั้น คงต้องให้เจ้าไปสืบสวนคนในสกุลหลัวสักหน่อย”
โหยวอีหันมามองผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสอง “เรื่องนี้ เห็นทีข้าต้องออกโรงด้วย คฤหาสน์สกุลหลัวมิใช่ที่ที่พวกเจ้าจะเข้าไปโดยง่าย”
สองสามีภรรยาสกุลจาง ได้เห็นทางเข้าคฤหาสน์สกุลหลัวแล้วถึงกับหันไปสบตากัน พวกเขาไม่คาดว่าเจ้าของร้านยาเพียงสี่สาขาในเมืองหลวงจะมีบ้านเรือนใหญ่โตเช่นนี้
“หัวหน้าจาง นี่พวกเขารวยธรรมดาหรือ ข้าว่าสกุลหลัวน่าจะรวยพอๆ กับสกุลฮัว เลยนะขอรับ” หวังหวั่นขยับไปกระซิบ สกุลฮัวเป็นสกุลคหบดีใหญ่ในเมืองหลวง
“บางทีเขาอาจจะมีกิจการอื่นร่วมก็ได้ เราแค่ไม่รู้”อู๋จือ[3]มือปราบหญิงผู้เป็นสะใภ้ของสกุลฮัวที่ถูกพาดพิงรีบขยับเข้ามากใกล้ “ข้าได้ยินว่าพวกเขามีหุ้นส่วนกับร้านขายชาหลายแห่งด้วย”
“นั่นปะไร หากสร้างบ้านใหญ่โตเท่ากับสกุลฮัว อย่างนี้ ต้องมีหลายกิจการแน่นอน”
อู๋จือมือปราบหญิงผู้เป็นภรรยาของหมอฮัวหยางพยักหน้าเห็นด้วยทันที
ตั้งแต่เกิดเหตุฆาตกรรมสองศพจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีผู้ใดได้เห็นหน้าภรรยาของผู้ตายเลยสักคน ใต้เท้าหลัวหรือหลัวเผิงเผิงไม่เหยียบย่างไปดูศพสามีของตนเลยสักนิด
คนภายนอกล้วนซุบซิบกันว่าเป็นเพราะเตียวซืออิน คบชู้ที่เป็นบุรุษ ทำให้ใต้เท้าหลัวอับอายผู้คนจึงไม่อยากจะเห็นหน้าเขาอีกต่อไป
[1] ตำแหน่งขุนนางมีตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงระดับเก้า โดยระดับเก้าเป็นตำแหน่งต่ำสุด
[2] หัวหน้าโหยวอี พระเอกจากเรื่อง “ฮูหยินใหม่ของมือปราบโหยว”
[3] อู๋จือ นางเอกจากเรื่อง “คุณชายหมอขอปราบรัก ภาค 1”