เปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัยที
“กรี๊ดดด! หล่อทั้งสามคนเลยแกดูสิ”
“ไม่เจอสองเดือนยังหล่อไม่เปลี่ยนเลยอะแก”
“ฉันรักเขาจัง จะมีวาสนาได้เป็นแฟนไหมนะ”
“ไม่มีหรอกย่ะ ฉันยังไม่เคยเห็นพวกพี่เขามีแฟนเลยสักคน”
เสียงกรีดร้องบวกกับเสียงชื่นชมอันแสนคลั่งไคล้ราวกับได้เจอไอดอลเกาหลีจากนักศึกษาสาวในละแวกนั้น เรียกความสนใจจากคนตัวเล็กที่กำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์บนโต๊ะม้าหินอ่อนให้เงยขึ้นมองไปยังต้นเหตุ
ด้วยระยะที่ไม่ไกลมากนักทำให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของทั้งสามหนุ่มได้อย่างชัดเจน ทั้งที่เรียนที่นี่จนขึ้นปีสองแต่เธอกลับไม่รู้จักรุ่นพี่ในนั้นเลยสักคน
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจมากพอ ใบหน้าสวยจึงก้มมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์เช่นเดิม แต่เสียงแหลมอันแสบแก้วหูของเพื่อนสนิทที่นั่งข้าง ๆ กลับทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“ยัยพริ้ง แกรู้จักพวกพี่เขาหรือเปล่า”
“ไม่นะ ทำไมหรอ”
“ก็พี่คนนั้นน่ะมองแกใหญ่เลยดูสิ”
ดวงตากลมโตเพ่งเล็งไปยังร่างสูงหนึ่งในสามคนนั้นซึ่งเขาก็มองเธออยู่อย่างที่มะปรางว่าจริง ๆ
เธอไล่สายตาสังเกตหนุ่มหล่อผู้นั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้จะเป็นการสวมชุดนักศึกษาแต่ยอมรับเลยว่าเขาทั้งดูดี สุขุมและหล่อเหลาสมกับที่สาว ๆ ต่างพากันหลงใหล
พริ้ง พริ้งพราว มองตามแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปไกลจนลับสายตา ซึ่งเธอคลับคล้ายคลับคลาเหลือเกินเหมือนเคยเจอเขาที่ไหน แต่พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านแทน
“สงสัยความสวยของฉันจะไปสะดุดใจเขามั้ง คิกคิก”
“จ้าแม่คนสวย”
“สวยแถมโสดด้วยนะจ๊ะ วะฮ่าฮ่า อุ๊บส์ ลืมตัว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แกก็”
เสียงขำปอดโยกจากเพื่อนสนิทดังขั้นเมื่อมือบางยกขึ้นปิดปากอย่างดัดจริตเนื่องจากลืมตัวว่าที่นี่มีหนุ่ม ๆ เยอะจะมาหัวเราะอ้าปากหวอเสียบุคลิกสาวสวยประจำคณะนิเทศศาสตร์เหมือนอยู่บ้านไม่ได้
แม้ภายนอกจะดูตลกขบขัน ทว่าก้อนเนื้อในอกกลับกระตุกวูบอย่างแปลกประหลาดคล้ายกับเป็นลางสังหรณ์บอกเหตุว่าอาจจะมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอในอีกไม่ช้า....